จากกรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง นายสุวิทย์ ภักสุธีโกศล หรือ เสี่ยกบ อายุ 70 ปี เสียชีวิตบนถนนสายปลายพระยา-เขาต่อ ม.5 ต.ปลายพระยา จ.กระบี่ ห่างจาก สภ.ปลายพระยา ประมาณ 1 กิโลเมตร
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เผยภาพรถต้องสงสัยจ่อยิงเสี่ยรับเหมา ลูกรับโดนขู่ก่อนตายปัดเอี่ยวประมูลถนน 120 ล้าน
โดยที่เกิดเหตุพบรถกระบะผู้ตายจอดตกในคูข้างทาง สภาพด้านหน้าพังยับเยิน นอกจากนี้ ยังมีรถกระบะอีกคันที่ถูกรถผู้ตายพุ่งชนท้ายกระเด็นไปไกลกว่า 10 เมตร จากการชันสูตรผู้ตายถูกยิงด้วยอาวุธปืน ที่ลำคอด้านขวา กระสุนทะลุแก้มซ้าย ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนขนาด 9 มม. จำนวน 1 ปลอกตกอยู่บนถนน ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 5 เมตร พบกระสุน ขนาด 9 มม. 1 นัด
ล่าสุดวันที่ 8 ต.ค.63 พ.ต.อ.พิษณุ อัชนะพรกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดกระบี่ ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมาก จากการสอบสวนพยานบุคคล แต่ขอให้รอเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ทำงานอีกสักระยะ เพื่อพิสูจน์ทราบ เชื่อว่าใน 2-3 วันนี้จะได้ตัวคนร้าย
มีรายงานข่าวว่า ก่อนหน้านี้มีผู้ประกอบการสนามชนไก่รายหนึ่งในจังหวัดกระบี่ ได้มาขอให้ผู้ตายปรับถนนเส้นทางเข้าสนามชนไก่ ซึ่งอยู่ใกล้บริเวณที่กำลังก่อสร้างถนน แต่ถูกผู้ตายปฏิเสธไป โดยผู้ตายบอกว่าโครงการขยายถนนยังไม่เสร็จ ไม่สามารถทำจุดอื่นได้
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 7 ต.ค.63 ที่ผ่านมา ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายสมยา แสงสุวรรณ อายุ 43 ปี เจ้าของรถกระบะที่ถูกผู้ตายขับชน เปิดเผยว่า วันที่ 6 ต.ค. 63 เวลาประมาณ 17.00 น. ขณะที่ตนนั่งเล่นโทรศัพท์สวมหูฟังอยู่ภายในบ้าน ก็ได้ยินเสียงดังโครมเหมือนรถชนกันที่หน้าบ้าน ตอนนั้นมั่นใจว่ารถกระบะวีโก้ของตัวเองถูกชนแน่นอน จึงได้วิ่งออกไปดู พบว่ารถของตัวเองถูกชนไปไกลจากจุดจอดเดิมกว่า 100 เมตร แต่ไม่กล้าเปิดรถเข้าที่ไปช่วยนายสุวิทย์ เพราะคิดว่ารอให้เจ้าหน้าที่มาเป็นคนเปิดรถเองดีกว่า หลังจากนั้น 10 นาที รถกู้ภัยก็มาถึงที่เกิดเหตุ และพยายามปั๊มหัวใจยื้อชีวิตนายสุวิทย์ หลังจากนั้นก็นำตัวส่งโรงพยาบาล และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นายสมยา กล่าวต่อว่า ในช่วงที่มีเหตุการณ์ยิงกันตนไม่ได้ยินเสียงปืนเลย เพราะตอนนั้นสวมหูฟังอยู่ หลังเกิดเหตุแล้วก็วิ่งออกมา แต่ไม่เห็นรถของคนร้ายแล้ว อีกทั้งถนนตรงจุดเกิดเหตุนั้นรถยนต์แล่นพลุกพล่าน ส่วนรถกระบะของตนเสียหายหนักมาก ช่วงท้ายพังยับเยิน โครงรถบิดเบี้ยว ยอมรับว่าตกใจมาก ไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นที่บริเวณหน้าบ้านตน ทำให้ตนรู้สึกหวาดกลัว อย่างไรก็ตาม ตนหวังแค่ให้มีการซ่อมรถให้ตน ซึ่งเบื้องต้นทางประกันรถของผู้ตายได้เป็นคนดูแลทั้งหมด
ชาวบ้านใกล้ที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า ช่วงเกิดเหตุเวลาประมาณ 16.00-17.00 น. ตนไม่ได้ยินเสียงปืน แต่ตนได้ยินเสียงรถชนกันสนั่น จึงรีบวิ่งไปดู เมื่อไปถึงก็เห็นเจ้าหน้าที่นำตัวคนถูกยิงออกจากรถ และช่วยกันปั๊มหัวใจเพื่อยื้อชีวิต หลังจากนั้นก็เคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บไปโรงพยาบาล ซึ่งจากคำบอกเล่าของชาวบ้านคาดว่า ผู้ตายน่าจะถูกยิงจากจุดอื่น และบาดเจ็บจนขับรถมาชนในที่เกิดเหตุ
อย่างไรก็ตาม สำหรับตัวของผู้เสียชีวิตนั้นเป็นคนดี ไม่เคยสร้างความรำคาญให้ชาวบ้าน เพราะเขาก็ก่อสร้างตามปกติ ก็ไม่มีใครที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งตนรู้สึกใจหายที่คนดี ๆ ต้องมาเสียชีวิต
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่วัดโพธิ์นิมิต (บางกุ้ง) อ.เมือง จ.สุราษฏร์ธานี ซึ่งเป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของนายสุวิทย์ ภักสุธีโกศล หรือ เสี่ยกบ โดยพิธีรดน้ำศพเริ่มขึ้นเวลา 16.00 น. บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า มีผู้มาร่วมแสดงความเสียใจกับครอบครัวเป็นจำนวนมาก
นางประภา เรืองศรี อายุ 68 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต ที่ยังอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจ เปิดเผยว่า สำหรับคดีข้อพิพาทที่จังหวัดตรัง เมื่อปี 2561 ตนก็ไม่รู้ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นการทำงานของตำรวจช่วยจัดการ โดยส่วนตัว สามีเป็นคนที่ไม่ค่อยจะบอกปัญหาอะไรให้รู้ เพราะเขาเป็นคนขยันทำแต่งาน ไม่ได้สนใจว่าจะมีใครปองร้าย แม้แต่ทะเลาะกับใครก็ไม่เคยมาบอกที่บ้าน เพราะกลัวครอบครัวจะเป็นกังวลใจ แต่ก็ยอมรับว่าสามีเป็นคนพูดจาโผงผาง พูดตรง ๆ จะไม่ด่าใครลับหลัง มีเรื่องกับใครก็คุยจบทันที และจะไม่มีการอาฆาตหรือติดใจอีกเลย
นางประภา กล่าวต่อว่า เชื่อว่าสามีก็ไม่ได้คิดว่าจะมีใครปองร้าย เพราะเขามักจะขับรถออกไปไหนคนเดียวเป็นประจำ รวมถึงขับรถไปดูหน้างานก็จะไปคนเดียว ส่วนกรณีที่ตำรวจบอกว่า อาจมีข่าวดีภายใน 2-3 วัน ตนได้ยินแบบนี้ก็มีความหวัง และขอให้ตำรวจช่วยเร่งรัดจับคนร้ายให้ได้ด้วย อย่างไรก็ตาม ตลอดชีวิตของสามีนั้นเขาเป็นคนขยัน คิดว่าตอนนี้สามีก็ควรได้พักผ่อนเสียที เพราะเหนื่อยมาตลอดจนถึงวันที่เสียชีวิต ซึ่งครอบครัวก็รู้สึกเสียใจมาก
โดยโครงการ "งานบูรณาการพัฒนาพื้นที่ระดับภาค ทางหลวงหมายเลข 4197" มีมูลค่า 42,544,000 บาท เป็นการปรับปรุงถนนระยะทาง 1.8 กิโลเมตร โดยโคงการเริ่มตั้งแต่วันที่ 6 พ.ค.63 สิ้นสุดวันที่ 1 พ.ย.63 แต่ตนเพิ่งเข้าร่วมกับผู้รับเหมาเดิม ประมาณ 3 เดือน และพ่อก็ไม่ได้มีความขัดแย่งกับผู้รับเหมาที่ทำโครงการนี้ด้วยกัน
สำหรับตอนนี้ โครงการที่มีอัตราจ้างสูง ๆ มีอยู่ 2-3 โครงการ คือ โครงการที่เกิดเหตุ โครงการปรับปรุงถนนริมชายหาดที่จังหวัดภูเก็ต ระยะทาง 2-3 กิโลเมตร มูลค่า 40 ล้านบาท และโครงการปรับปรุงถนนที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ระยะทาง 2 กิโลเมตร มูลค่า 40 ล้านบาทเช่นกัน รวทั้งหมด 3 โครงการ เป็นจำนวนเงิน 122,544,000 บาท วันนี้ตนสอบปากคำก็ได้บอกกับตำรวจไปทุกอย่าง เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปหรือมุ่งไปประเด็นไหน
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายวิทวัส ภักสุธีโกศล ลูกชายของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตอนนี้ทางตำรวจก็ได้แจ้งให้ญาติว่าพบเบาะแสคนร้ายแล้ว แต่ยังไม่ได้บอกรายละเอียด ซึ่งตำรวจให้ความเชื่อมั่นว่าจะสามารถจับตัวคนร้ายได้อย่างแน่นอน
กรณีประเด็นที่ว่า เจ้าของสนามไก่ชนมาขอให้ปรับปรุงพื้นที่ทางเข้าของเขานั้น ตนก็ไม่รู้ว่าคนที่มาบอกเป็นเจ้าของสนามไก่ชนหรือไม่ แต่ยอมรับว่าเคยมีคนในละแวกที่ก่อสร้างถนน มาบอกกับตนว่าให้ช่วยไปกลบหลุมถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ ซึ่งถ้าหากไม่มีฝนตก ตนก็จะให้ทางคนงานไปช่วยกลบหลุมเป็นประจำ จึงคิดว่าเรื่องแค่นี้ไม่น่าเป็นเหตุถึงขั้นมายิงกันตาย
นายวิทวัส ยังบอกอีกว่า ตนคิดว่าคนร้ายไม่น่าเป็นคนที่รู้จักกัน ซึ่งตนก็ได้สอบถามลูกน้อง แต่ทราบเพียงว่าก่อนเกิดเหตุได้มีรถมาจอดใกล้ ๆ กับรถพ่อของตน ซึ่งตอนนั้นลูกน้องเข้าใจว่ามีคนมาหา และตนก็คิดว่าพ่อเองก็คงไม่รู้จัก เพียงแต่มีคนมาหา พ่อก็อาจจะเข้าไปถามว่ามีอะไร แต่สุดท้ายถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต
ทั้งนี้ตนยอมรับว่ารู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอยากให้ตำรวจเร่งรัดคดี ตามจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว ในกรณีความขัดแย้งทางธุรกิจนั้น ตนมองว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะบริษัทตนนั้นทำงานอยู่ในพื้นที่ประจำ รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ในท้องที่และบริษัทตนไม่ใช่หน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามา ส่วนเหตุที่จะขัดแย้งก็คงไม่มี
นายวิทวัส กล่าวต่อว่า สำหรับเหตุการณ์ที่ลูกน้องเคยถูกรังควานที่จังหวัดตรัง เมื่อช่วงปี 2561 นั้น ตนคิดว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้ เพราะเคลียร์ปัญหาจบไปหลายปีแล้ว และไม่เคยมีปัญหาอะไรตามมาภายหลังอีก
สำหรับโครงการถนนนี้ ตนไม่ได้เป็นผู้ประมูลโดยตรง เพียงแค่รับเหมาร่วมช่วยเหลือกับผู้รับเหมาอีกราย ซึ่งตนก็คิดว่าไม่ใช่การขัดแย้งเพราะตนไม่ได้ไปประมูลแข่งกับผู้รับเหมารายอื่น
ทั้งนี้ตนยอมรับว่าในภาคใต้ บริษัทของตนก็รับเหมาหลายโครงการ และบางครั้งก็ต้องตัดราคาผู้รับเหมารายอื่น ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องการแข่งขันทางธุรกิจ ไม่ได้เป็นเรื่องที่สร้างความผูกใจเจ็บจึงต้องฆ่ากันขนาดนี้ ส่วนเรื่องที่ชาวบ้านในพื้นที่ไม่พอใจการทำงานที่ไปกระทบความเป็นอยู่ ตนมองว่าเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องปกติของการก่อสร้าง
