"นก ชลิดา" อดีตนางสาวไทย พ่วงดีกรีดอกเตอร์ป้ายแดง เผยเบื้องลึกเวทีประกวดนางงาม

8 ต.ค. 63

จากอดีตนางงามที่ตอนนี้อยากจะขอมอบตำแหน่ง "นางงามอมตะ" เพิ่มให้อีกตำแหน่ง สำหรับ "นก ชลิดา เถาว์ชาลี ตันติพิภพ" ที่มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ กับความสวยเป๊ะ!! เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน มีแต่จะเพิ่มเติมความเก่งขึ้น เพราะได้คว้าปริญญาเอกด้านวิทยาศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพมาครอง พร้อมยังพาย้อนอดีตที่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เพราะตัวเองเป็นเอฟซีของรุ่นพี่นางงาม "ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์" และการทำหน้าที่เทรนด์นางงามรุ่นน้องอย่าง “บิ๊นท์ สิรีธร” จนคว้ามงใหญ่ระดับโลก 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "ศิรินทรา นิยากร" หมดศรัทธาในความรัก ประกาศปิดประตูหัวใจ!
- "ซินดี้ สิรินยา" เคยเกือบทำเครื่องเพชรร้อยล้านหายก่อนขึ้นโชว์!!
- "สิงห์ วรรณสิงห์" เปิดความสัมพันธ์หวาน "มารีญา"
- เปิดชีวิตดนตรีหลายทศวรรษของ "แต๋ม ชรัส เฟื่องอารมย์" ชีวิตนี้ขาดเสียงเพลงไม่ได้
- "เบคกี้ ริสา" จากอดีตพิธีกรดาวรุ่ง ขึ้นแท่นผู้บริหาร 8 องค์กร!
- ดูเพลิงนางย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่  

s__62390387

ถาม เพิ่งจบดอกเตอร์ทางด้านไหน 

นก ชลิดา : ด้านยาชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพค่ะ จริงๆ Anti-Aging (แอนไท เอจจิ้ง) คนจะคิดว่าต้องไปฉีดโบท็อกให้ดูอ่อนเยาว์เท่านั้น จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย มันจะว่าด้วยการกิน การนอน การพักผ่อน คลายเครียด แล้วยิ่งเราเรียนลึกๆ ไปจะเป็นวิถีของธรรมชาติ พลังธรรมชาติ จนถึงสเต็มเซลล์ไปเลย


ถาม ถ้าคนที่ได้ยินคำว่า Anti-Aging (แอนไท เอจจิ้ง) มักจะคิดเรื่องสวยๆ งามๆ ก่อน จริงๆ เขาเน้นเรื่องสุขภาพเป็นหลัก

นก ชลิดา : มันต้องสวยงามมาจากความอ่อนเยาว์ของเซลล์มาจากภายใน แล้วก็ผลลัทธ์ก็จะออกมาสู่ภายนอก อย่างนกเรียนจบด้านปรัชญามาเพื่อให้ความรู้ผู้คน และวิธีป้องกันยังไงในการดูแลตัวเอง


ถาม จากสิ่งที่เราได้เรียนรู้มาอยากจะบอกอะไรกับคนไทย หรือเตือนอะไรบ้าง

นก ชลิดา : ตอนนี้ปัญหาโรคอ้วน ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคต่างๆ มาจากพฤติกรรมทางการกินของเราทั้งนั้น ซึ่งเราเป็นอันดับที่สองรองจากมาเลเซีย ระบบการกินของเราคือแย่มาก เพราะเราชนะเลิศทางด้านเรื่องอ้วนลงพุง เพราะว่า อย่างคนกรุงเทพ นั่งทำงานเยอะมาก นั่งทำงานตลอด กินตลอดทั้งวันไม่ได้ขยับตัว แล้วอาหารที่กินเข้าไปก็ไม่ใช่อาหารที่ดีด้วย เราทานเข้าไปแล้วมันไปเป็นพิษ อาทิตย์หนึ่งเราอาจจะไม่รู้สึก แต่พอผ่านไปหนึ่งเดือน หนึ่งปี ค่าน้ำตาลในเลือดสูงมากโดยที่เราไม่รู้ตัว คนไทยนิยมทานอาหารแปรรูปเยอะมาก ทุกอย่างที่วางในชั้นไม่บูด ไม่เน่า ไม่เสีย เคมีทั้งนั้นเลย และอีกอย่างอาหารแช่แข็งที่เราต้องเอาไปเวฟ ถ้ากินบางมื้อไม่เป็นไร แต่ก่อนจะมาตรงนั้น ต้องมีกันบูดแล้วถ้าใส่ไปในไมโครเวฟอีก พลาสติก รังสี จากไมโครเวฟอีกละลาย มันเลยทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายเรา เราคิดนะว่า Anti-Aging (แอนไท เอจจิ้ง) ที่เราไปเรียน ดูหลายอย่างมันไร้สาระหรือเปล่า แต่หลายๆ อย่างมันทำให้เราย้อนไปสู่วิถีธรรมชาติ แต่เราไม่ได้ปฏิเสธเทคโนโลยีนะ อะไรที่เป็นนวัตกรรมเราลองทุกอย่างเลย แต่เราก็ต้องดูด้วยว่าอันตรายหรือเปล่า แต่อะไรที่ดีเราก็มาบอกต่อ


ถาม แต่งานฉลองปริญญาเอกของ นก ชลิดา Anti-Aging (แอนไท เอจจิ้ง) มากจริงๆ เพราะว่ามงแน่นมาก

นก ชลิดา : เราจัดเป็นงานเล็กๆ ค่ะ เรามีพี่น้องหลายกลุ่มมาก เพื่อนกลุ่มที่สนิทกันคือพี่น้องนางสาวไทย เขาก็เอาใจช่วยเรา อย่างตอนเราทำงานวิทยานิพนธ์ ทำงานวิจัย เราถอดใจหลายรอบมาก ก็จะมีพวกเขาที่ให้กำลังใจเราว่าไปต่อนก ไปต่อนก เราอยากได้ดอกเตอร์มาอยู่ในกลุ่ม เราเป็นนางสาวไทยในปี 2541 ค่ะ ที่ได้ไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส

s__62390396

ถาม แล้วก่อนที่จะเข้ามาประกวดนางสาวไทยตัวของ นก ชลิดา ทำอะไรอยู่

นก ชลิดา ก่อนที่นกตัดสินใจมาประกวดนางสาวไทย นกเรียนพยาบาลอยู่ค่ะ แล้วพ่อกับแม่ก็ยื่นคำขาดกับเราว่าอยากให้เราเรียนจบก่อนแล้วค่อยมาประกวด ซึ่งเราก็ต่อรองกับเขาว่าถ้ารอเราเรียนจบ เกินเกณฑ์พอดี เพราะเราอยากประกวดมาก

นก ชลิดา ตอนเราเด็กๆ เราไม่ได้อยู่กับคุณแม่ เพราะว่าคุณแม่ตัดสินใจมาเป็นพยาบาลที่อเมริกา ครอบครัวเราอบอุ่นกันดีนะคะ แต่เพราะว่าเรื่องค่าใช้จ่ายมันไม่พอจริงๆ แม่ก็เลยตัดสินใจไปทำงานที่อเมริกา และคุณพ่อเป็นคนที่เลี้ยงนกกับน้องสาวมาจนโต พอ นก จบม.3 นกก็ได้ไปอยู่กับแม่ที่อเมริกา

นก ชลิดา : ที่เราอยากเป็นนางงามเพราะตอนที่เราเล็กๆ เราได้ดูพี่ปุ๋ยประกวด เป็นไอดอลเราเลย เราอยากจะเป็นเหมือนพี่ปุ๋ยทุกอย่าง อยากจะเป็นผู้หญิงที่เป็นแรงบันดาลสำหรับผู้หญิงเหมือนพี่ปุ๋ย เรียกว่าเราเป็น FC พี่ปุ๋ยเลยตั้งแต่อายุ 14 เคยมีโอกาสเจอตั้งแต่พี่ปุ๋ยได้เป็นนางงามจักรวาล นกจำได้พี่ปุ๋ยไปที่พระราชวังสนามจันทร์ เราเป็นหนึ่งในคนที่ยืนรอดู ฝนตกก็ไม่ไปไหน เราตามทุกที่ ตัดเก็บทุกคำสัมภาษณ์ อยากจะเป็นคนนี้ พี่ปุ๋ยคือแรงผลักให้เรามีการพัฒนาตัวเอง เพราะตอนนั้นเราไม่ได้อยู่กับคุณแม่ แบบอย่างของผู้หญิงไม่มีใครใกล้ชิด แต่พอเราได้เห็นพี่ปุ๋ย คือใช่เลยต้นแบบของเราเลย


ถาม แล้วตอนนั้น ที่เราเรียนพยาบาลอยู่ มีแมวมองมาชวนเข้าวงการนางงามหรือว่ายังไงเอ่ย

นก ชลิดา : คุณอาสมชายมาชวนให้ไปประกวด ตอนนั้นสามารถส่งได้ปีละคน แล้วนกมีคนรู้จักอยู่ที่อเมริการู้จักกับคุณลุงและด้วยความปรารถนาของนกที่อยากประกวด เขาก็เลยพาเราไปเจอคุณอาสมชาย พอเขาเจอเราครั้งแรก ตีแขนเราเลยว่าหนูไปเพิ่มน้ำหนักแล้วไปประกวดธิดาช้างดีกว่าไหมลูก เพราะตอนนั้นเรามาแบบไซส์ยุโรปมาก แล้วมีเวลาปีเดียวก็จะประกวดแล้ว ตอนนั้นน้ำหนักเรา 64 กิโล แต่จริงๆ แล้วนางงามควรต้อง 52 กิโล ตอนนั้นเราก็รีบทำน้ำหนักลงตามคำสั่งเลยค่ะ ให้เราทำอะไร เราทำได้หมด ตอนนั้นที่เราฝึกเดิน ฝึกยิ้มให้นกแก้วดู แล้วที่เด็ดสุดคือลุงให้ใส่ชุดว่ายน้ำอยู่ในบ้าน อย่างมีแขกมาที่บ้าน เป็นแขกสนิทๆ นะคะ ที่อยู่ในวงการนางงามเหมือนกัน เขาให้ใส่ชุดว่ายน้ำมาหาแขก นั่งคุยเลย เพื่อให้เราชินกับการใส่ชุดว่ายน้ำและไม่เขิน


ถาม แต่มีช่วงหนึ่งที่น้ำหนักขึ้นเยอะมาก จนต้องหนีไม่ต่างประเทศ

นก ชลิดา ก่อนที่จะได้มง เราเดินทางผิด กินยาลดความอ้วน พอได้มงก็ยังคงกินยาลดความอ้วนไปเรื่อยๆ จนครบปี มันจะมีระดับตั้งแต่แรกจนสูงสุด จนมันโยโย่ แล้วคือเราออกงานอะไร ก็ถูกคนมองว่าเป็นนางสาวไทยทำไมถึงปล่อยตัวแบบนี้ เราก็รู้สึกไม่ดี เราก็พยายามลดเองแล้ว เพราะระบบเผาผลาญมันพังไปหมดแล้ว เพราะว่าเรากินยามาร่วม 2 ปี เราก็กลับบ้านไปหาคุณพ่อคุณแม่ แล้วเราคิดว่าในชีวิตนี้เราจะไม่กินยาลดความอ้วนอีกแล้ว จะมีวิธีอะไรบ้าง จากจุดนี้เลยทำให้เราไปเริ่มเรียนการรู้จักอาหาร การกิน และเรียนรู้ว่าอาหารรักษาโรคได้จริงๆ พอเราได้เรียนรู้ รูปร่างเราดีขึ้น เราก็ทำไดอารี่ แล้วส่งมาให้ แพรว แมกกาซีน เขาตีพิมพ์ 10 ตอน ได้รับการตอบรับที่ดีมาก ทาง แพรว เลยบอกเราว่ารวมเล่มเป็นไดเอท ซีเครทเถอะ พอตีพิมพ์ขายดีมาก หลังจากหนังสือ ได้วางไปคือเราก็ตอบคำถามเกี่ยวกับพวกอาหารเยอะมาก และคิดว่าทำยังไงให้คนเข้าใจข้อความที่เราจะส่งออกไป เราเลยทำรายการโทรทัศน์เลยแล้วก็เกิดการเปลี่ยน เราเลยตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาเอก

s__62390387

ถาม ในฐานะที่เป็นคนอยู่ในวงการนางงามเป็นโค้ชหรือพี่เลี้ยงในแวดวงนางงามหลายเวทีมาก เห็นความเปลี่ยนแปลงยังไงบ้าง

นก ชลิดา คนที่จะไปประกวดนางงามจักรวาลปีนี้คัดเข้มข้นมาก แล้วก็ในเรื่องของนางงาม นกเข้าใจอย่างแท้จริงแล้วว่ามันเป็น ตำแหน่งการงาน ที่เวทีมิสยูนิเวิร์สจะมีแค่ตำแหน่งเดียว แล้วคนที่มาเป็นตรงนี้ ต้องรู้จักตัวเอง สตรอง เข้มแข็ง สู้ เป็น BOSS LADY แต่ในขนาดเดียวกันไม่ว่าเขาอยู่กับใครก็ตาม ต้องทำให้คนที่รู้สึกไม่ดี มีความเข้มแข็งขึ้น แต่ตัวเราเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน เราต้องแยกให้ออก

นก ชลิดา ยุค social ต้องมีความโดดเด่น ทุกคนต้องรู้แบiนด์ของตัวเองเลยว่าเป็นแบบไหน แล้วที่เรารู้สึกดีใจคือเวทีประกวดเดี๋ยวนี้เขาไม่ว่าแล้ว ไปประกวดเวทีโน้น เวทีนี้ กลับมองให้โอกาสเป็นสกิล เป็นประสบการณ์ ซึ่งมันดีมากๆ ค่ะ เพราะถ้าเราเพิ่งได้นางงามมาแล้วเป็นช้างเผือก ต้องมาฝึก มันไม่ทันนะคะ แต่ถ้าเราได้คนที่พร้อมใช้เลย ถ้าเกิดว่าเขามีทักษะการเดินแบบมาแล้วเป็นอย่างดี หรือเป็นคนที่อ่านหนังสือมาตั้งแต่เล็กๆ การตอบคำถาม เราไม่สามารถไปบอกให้เขาจดจำอันนี้ได้ เพราะการถามมันขึ้นอยู่กับโมเมนต์ขณะนั้น อยู่กับสถานการณ์นั้นๆ เพราะฉะนั้น Mindset ที่นางงามต้องมี แล้วต้องมีสติในการแก้ไขสถานการณ์นั้นๆ ที่อยู่ข้างหน้าเขาได้ด้วย


ถาม เรียกว่าเป็นกูรูด้านสายนางงามจริงๆ เพราะนกคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ บิ๊นท์ สิรีธร

นก ชลิดา : ใช่ค่ะ น้องเขาเป็น Miss International Thailand น้องบิ๊นท์ สิรีธร เขาเป็นคนที่พร้อมทุกอย่างแล้ว เป็นปีแรกที่น้องประกวดนางสาวไทย เขาเรียนจบเป็นเภสัชกร เขามีความคิดที่ดี เราช่วยน้องเขานิดหน่อยเท่านั้นเอง ซึ่งเราก็ไปศึกษามาก่อนว่าเวทีนี้เขาต้องการอะไร เขาต้องการมาโปรโมททัวริซึมของญี่ปุ่น เราจะฟังและแกะมาเลย ต้องแก้ไขตรงไหน เราชี้ให้ดูแต่ละคนเลย แล้วคือ น้องเขาฉลาดพอที่จะไปคิด ตัวอย่างเช่น คนดูในห้องคือคนญี่ปุ่นทั้งหมด ตั้งแต่วันแรกที่เราไปคือ เราเจอกับคนญี่ปุ่นทั้งหมด เรามีความมั่นใจได้ แต่ต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตน ทุกๆ คำถามจะมีการแปลเป็นภาษาญี่ปุ่น เราก็บอกว่าน้องว่าเห็นไหมเวลาที่นางงามคนนี้ รอเวลาที่ล่ามเขาแปลคำตอบเป็นภาษาญี่ปุ่น แล้วกล้องจับไปที่หน้าแล้วตาข้างมองบน เราอย่าไปทำแบบนี้นะ เราก็แนะว่าเวลาที่เรารอให้เขาแปลเป็นภาษาญี่ปุ่น เราก็ทำเสมือนว่าเราได้ตอบคำถามนั้นอีกครั้งเพื่อให้หน้าตาเราได้เหมือนยังสื่อสารกับทางคณะกรรมการและคนดูอีกครั้ง อะไรที่มันดูเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่น้องเก่งอยู่แล้ว เราแค่แชร์สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ไปอุดรอยรั่วเขา

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส