ทนายรณณรงค์ เชื่อคดีหวย 30 ล้าน ได้แค่ "พยานเท็จ" เอาผิด ตร.ยาก เป็นเรื่อง “ดุลพินิจ”

23 ก.พ. 61
จากกรณี คำสั่งย้าย พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี (ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ) มาช่วยราชการที่ ศปก.ตร. แต่จนถึงขณะนี้ เจ้าตัวยังไม่ได้มารายงานตัว
นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม
วันนี้่ (23 ก.พ.61) นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวว่า กรณีของ พล.ต.ต.สุทธิยัง ไม่มีความผิดทางวินัย เพราะมีการชี้แจงว่าติดภาระกิจ ซึ่งเป็นการใช้สิทธิ ที่สามารถทำได้ แต่หากมีคำสั่งย้ายแล้วไม่ปฏิบัติตาม โดยไม่มีหนังสือขอเลื่อนการเข้ารายงานตัว หรือขาดการติดต่อ ถือว่าผิดวินัยร้ายแรงโทษสูงสุดคือไล่ออกจากราชการ
พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี
โยปกติการขอเลื่อนเข้ารายงานตัว ไม่มีกำหนดตายตัวว่าทำได้กี่ครั้ง ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้บังคับบัญชา ที่ออกคำสั่ง ซึ่งคาดว่า พล.ต.ต.สุทธิ ไม่น่าคิดหลบหนี เพราะเป็นนายตำรวจระดับชั้นนายพล และคดีหวยก็เป็นคดีเล็กๆ ไม่ใช่คดีอุ้มฆ่าที่มีอัตราโทษสูง ที่สำคัญคดีนี้มีข้อแก้ตัวว่า ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ หรือมิชอบด้วยกฎหมาย
ลอตเตอรี่ถูกรางวัลที่ 1
    อย่างไรก็ตาม คดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โอกาสที่จะเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจค่อนข้างยาก เพราะไม่มีหลักฐาน และหลักฐานอยู่ในสำนวนไม่สามารถล่วงรู้ได้ ดังนั้นคดีหวย 30 ล้าน ต่อให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องจริงหรือไม่ก็ตามจึงเอาผิดได้ยาก ความผิดเต็มที่ คือ "พยานเท็จ" เพราะพนักงานสอบสวนใช้ "ดุลยพินิจ" ในการรวบรวมพยานหลักฐานตามเหตุและผล ซึ่งอาจจะแค่ "ไม่ฉลาด แต่ไม่ทุจริต” ซึ่งเป็นคำที่ชอบพูดกันเวลามีปัญหากับประชาชน ทั้งนี้ นายรณณรงค์ กล่าวว่า หากคดีได้ข้อสรุป ผู้การฯ จะมีความผิดอาญา ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ เพราะไม่มีอำนาจในการยุ่งเกี่ยวในการทำสำนวน กลับไปขอสำนวนมาดู ส่วนตำรวจ 4 นาย ต้องลงไปดูรายละเอียดว่าสืบสวนอย่างไร เอื้อฝ่ายใดฝ่านหนึ่งหรือไม่ และหากพบว่า ช่วยเหลือฝ่ายใด ก็เข้าข่ายฐานปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ