"แอน จักรพงษ์" สตรีข้ามเพศพันล้าน เปิดตัวทายาทที่ใช้เงินกว่า 30 ล้านถึงได้มา!!

28 ก.ย. 63

ช่วงนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักสาวสวยที่หลายๆ คนเรียกขานเธอว่า "แอน เจเคเอ็น" (Anne JKN) หรือ "แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์" จากอดีตเป็นอาตี๋ลูกคนโตแห่งศูนย์เช่าวิดีโอ แต่ปัจจุบันเธอเป็นนักค้าคอนเทนต์อันดับหนึ่งของประเทศไทย เจ้าตัวได้เปิดหมดทุกมุมของชีวิต หลังโดนบูลลี่หนัก กลายเป็นแรงกระตุ้นให้ตัวเองประสบความสำเร็จ เพราะคิดเสมอว่าชีวิตเราต้องลิขิตเองได้ทุกอย่าง เธอสร้างมาด้วยมือตัวเองล้วนๆ พร้อมเปิดตัวทายาทหมื่นล้านอาณาจักรเจเคเอ็น "แอนดรูว์ - แองเจลิก้า"ลูกโดยสายเลือด ใช้เงินกว่า 30 ล้านถึงได้มา!!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดใจที่แรก! “แอน จักรพงษ์” รับทุ่ม 30 ล้านทำลูกตามข่าวจริง!
- ดูเพลิงนางย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่

ถาม จุดเริ่มต้นของความสวย 

 แอน จักรพงษ์ : ไปเกาหลีก่อนเลยค่ะ เพราะไปซื้อคอนเทนท์ที่โน้นบ่อย แล้วกลายเป็นว่าโรงพยาบาลที่โน้นเขารู้จักเรา เริ่มต้นจากผมของเรามันร่วงแล้วมันเถิก ปลูกผมในเมืองไทยแล้วทำไมมันไม่ขึ้นสักที แล้วมีผู้ใหญ่แนะนำเราว่าทำไมไม่ไปทำที่เกาหลี เพราะยังไงเราก็ไปบ่อยอยู่แล้ว เขาก็ให้โรงพยาบาลเรามา 4-5 ที่ เราก็เลือกแล้วตกลงจะไปนะ พอไปถึงคือที่มารับเราคือ VIP มากเอารถเบนซ์มารับเราเลย เราก็ตกใจ เรายังไม่ได้ตกลงเลยว่าเราจะทำหรือเปล่า แค่มาคุยเฉยๆ เลยตอนนั้น เจ้าของมากันหมดเลย มานั่งมองเรา เขาบอกเราว่าผมทำง่ายมาก แต่ที่อยากทำให้ อย่าโกรธนะ ขอทำหน้าใหม่ทั้งหน้า เราก็อึ้งตกใจเลย

แอน จักรพงษ์ : เพราะตอนนั้น เราเป็นแอนดรูว์ เป็นผู้ชายเลย ตอนนั้นเราคิดว่าเราจะทำแค่ผม เราก็ปรึกษากับเพื่อนที่เป็นสตรีข้ามเพศที่ไปด้วยกัน ก็เลยตัดสินใจทำก็ได้ เราก็บอกเขาว่าถ้าเธอทำให้ฉันหน้าเป็นผู้หญิงได้ ทำเลย ขั้นตอนแรกที่ทำเลย 3 ล้านกว่าบาท เราบอกว่าเราไม่ทำหรอกแพงขนาดนี้ เขาบอกเราว่า หยุด... จะทำให้คือฟรีทั้งหมด ตอนนั้นบินไปทำช่วงปีใหม่ ทรมานที่สุดเลยตอนนั้นจำได้


ถาม หัวจรดเท้าเลยไหม 3 ล้าน 

แอน จักรพงษ์ : เฉพาะผมกับหน้าอย่างเดียวค่ะ นั่นคือครั้งแรกนะคะ เพราะเขาทำเป็นระยะเวลา 5 ปี เขาออกให้ 20 ล้านกว่าบาท เราออกเอง 30 ล้านบาท รวม 50 ล้านบาท 5 ปีที่ผ่านมา แอน จักรพงษ์ ใช้เงินไป 50 ล้านบาท ในการทำศัลยกรรมหมดทั้งตัวยกเว้นเล็บเท้า ทำมาหมดแล้วทุกอย่าง หน้าทำไม่รู้กี่รอบ ไม่เจ็บก็ไม่สวยค่ะ ที่ทำและเจ็บที่สุดคือสะโพกหรือทำก้นคือเจ็บสุด สองอาทิตย์นอนคว่ำอย่างเดียวอยู่บนเตียง กินอะไรก็ไม่ได้ ต้องให้ยาแก้ปวดทุก 4 ชั่วโมง

แอน จักรพงษ์ : เรามีความสุข เพราะเราคิดว่าเราจะสวย ลิขิตชีวิตสวยด้วยตัวเอง เราบอกกับตัวเองเลยว่าเราต้องทำแบบนั้นให้ได้  ทุบหน้าประมาณ 3 รอบ ทุบกระดูกหน้าเลยค่ะ 3 รอบ ตา 3 รอบ จมูก 2

s__61849674

ถาม จากเคยคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่เกิดมาในร่างผิดแล้วติดลบกับสิ่งนั้นมาตลอด วันแรกที่เห็นว่าตัวเองเป็นผู้หญิง รู้สึกยังไง 

แอน จักรพงษ์ : ร้องไห้เลยค่ะ คิดว่ารางวัลชีวิตฉันมาแล้ว ครั้งแรกสุดเนี้ยยังไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่นะ เพราะหน้าเปลี่ยนไปเรื่อยๆแต่พอช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา หน้าเปลี่ยนไปแบบคนละคนเลย ไปกูเกิ้ลดูได้ค่ะ ทุกคนก็คงคิดว่าสมควรแล้วใช้เงิน 50 ล้านบาท เพราะว่ามันต้องใช้นะ เพราะร่างเก่าเราอ้วนแล้วก็โทรมขนาดนั้น เราลดความอ้วนมา 25 กิโล ดูดไขมัน 5 รอบ หน้าอก 3 รอบ คือพูดจริงๆ เลย คนช็อคเมื่อเห็นเราแบบนี้ แต่มีอยู่ 2 อย่างที่ไม่เปลี่ยน เสียงกับชื่อ ตั้งใจที่จะไม่เปลี่ยน เพราะเป็นเอกลักษณ์ค่ะ เพราะทำให้คนเคารพและศรัทธาว่า I’m a trans woman and I’m proud to be myself.


ถาม แต่กว่าจะเป็น แอน จักรพงษ์ ในวันนี้ ก็ต่อสู้มาเยอะ

แอน จักรพงษ์ : คนที่เป็นโรคซึมเศร้า เจออย่างแอน อาจจะบ้าไปเลย อาจจะทำร้ายตัวเองหรือประชดตัวเอง ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นจากตัวคุณเอง คุณอย่ายอมแพ้ อย่าให้มาร อย่าให้ซาตานอย่างพวกผีปีศาจคนเหล่านั้น มาทำร้ายตัวเรา โดยการที่บอกว่าฉันโดนอีกแล้ว ยิ่งเราซ้ำเติม ยิ่งเราดราม่ากับตัวเอง ยิ่งไปกันใหญ่ จงคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราคือโชคดีที่เกิดขึ้น ฉันจะได้รู้ความแกร่งคืออะไร มาดูฉันสิ ครั้งต่อไปฉันจะลุกขึ้นสู้ให้ดู นั่นแแหละ คือสิ่งที่แอนทำ ลุกขึ้นแล้วจับไมโครโฟน แล้วก็ไปเป็นกัปตันโรงเรียน ยิ่งพูดบนเวที ยิ่งคนมาดูเยอะเท่าไหร่ เรามีความสุขมากจนกลายเป็นเราฝึกการเป็นผู้นำจากตรงนั้น เป็นกัปตันโต้วาที เป็นนักพูดของโรงเรียน แล้วก็เรียนได้ที่ 1-2 ตลอด เพราะเรารักตัวเอง เราถูกละเมิดมา ถูกบูลลี่มา เราไม่รู้จะทำยังไง แล้วมันถูกขังอยู่ในร่างที่ไม่ใช่ของเรา ไม่มีทางอื่นเลยค่ะ ต้องทำให้ตัวเองมีความสุขที่สุด ความเจริญของตัวเองซึ่งเป็นข้อเดียว ทำยังไงก็ได้ให้ตัวเอง เก่ง เด่น ประสบความสำเร็จ นั่นคือความสุขของตัวเรา

แอน จักรพงษ์ : เพราะเราไม่สามารถมีความรักแบบหนุ่มสาวคนอื่นได้ เราไม่สามารถเป็นตัวเองได้ แล้วความสุขของเราจะมาจากอะไรนอกจากประสบความสำเร็จ เรียนให้เก่ง ให้คนชื่นชม


ถาม ทั้งที่เราเป็นเด็กที่เรียนเก่ง แต่ทำไมต้องลาออกจากโรงเรียน

แอน จักรพงษ์ : พอเราจบม.5 เราไปยื่นใบลาออกเลย ไม่ได้คุยกับคุณพ่อด้วยเพราะกลัวว่าท่านจะไม่ให้เราลาออก เพราะมัดมือชกเขาเลยว่าเราไม่เรียนแล้ว คุณพ่อคุณแม่ช็อคมากที่เราลาออก แล้วเราบอกเขาว่าเรียนไม่ได้แล้วจริงๆ เพราะเรียนต่อไปเสียเวลาชีวิตเราแน่นอน เพราะเราไม่ชื่นชมระบบการศึกษาที่เรียนอยู่ เรารักตัวเองมากๆ สิ่งที่เรียนอยู่ไม่ใช่ตัวฉันแล้ว ฉันบินไปเรียนเมืองนอกดีกว่าเพื่อที่จะไปเรียนภาษาอังกฤษ ตอนนั้นไปเรียนที่ ออสเตรเลีย ที่บ้านให้เงินเราก้อนเดียว นิดเดียว นอกนั้นคือเราไปทำงาน เราคิดอย่างเดียวฉันต้องไปเรียนรู้โลกกว้างเพื่อที่จะได้วิสัยทัศน์ เราไม่เคยเสียใจที่เราลาออกมาเลย เพราะตอนนั้นที่เราลาออก เรารู้ตัวเราตลอดว่าเราอยากไปเรียนภาษาอังกฤษแล รัฐศาสตร์ เรารักตัวขนาดนั้นเพราะถูกบูลลี่มาเยอะ ถูกกดดันมาเยอะ จนกลายเป็นว่าการสิ่งไหนที่เราสามารถสร้างความเจริญให้กับตัวเองได้มากที่สุดเราจะทำ

แอน จักรพงษ์ : พอเราไปถึงฝั่งฝันแล้ว บริษัทกลายเป็นมหาชนเรียบร้อยแล้ว ตัวของเราเลยบินไปที่อเมริกาเพื่อไปฝากสเปิร์ม เพราะตอนนั้นยังไม่กล้ากินฮอร์โมน ยังไม่กล้าทำอะไรกับตัวเองเลย ทำแค่หน้า แต่ยังไม่ได้เป็นผู้หญิง เราก็ไปฝากสเปิร์มแล้วก็ไปเลือกผู้หญิงที่เป็นเจ้าของไข่ที่จะมาผสมกับสเปิร์มของเรา คนที่เราเลือกมาเป็น egg donor ได้เป็นชาวเยอรมัน ที่อยู่ในอเมริกา ผมสีบลอนด์สวย ประวัติการศึกษาดี อายุแค่ 22 สุขภาพร่างกายดี แล้วเราก็เอาไข่ของเขามาผสมกับสเปิร์มเรา ได้ออกมาเป็น embryo (หรือ อุ้มบุญ) เมื่อผสมแล้วเราก็ยิงไปสู่ผู้หญิงผิวดำคนหนึ่งและละตินคนหนึ่ง เราสามารถเลือกเพศได้ด้วย คนแรกจึงเป็นผู้ชาย และอีกคนเราให้เป็นผู้หญิง เราใช้เงินทั้งหมดที่ได้ลูกสองคนนี้มาคือ 30 ล้านบาท คุณพ่อคุณแม่ดีใจมาก

แอน จักรพงษ์ : เพราะความใฝ่ฝันของเราอยากจะมีลูก เพราะเรารักเด็ก


ถาม ซึ่งเบนจามินวันนั้นพอได้ยินว่าเราจะไปรับลูก เขามีความรู้สึกยังไงบ้าง 

แอน จักรพงษ์ : ตกใจค่ะ เพราะเราไม่กล้าเล่าให้เขาฟัง แต่ก่อนที่เราจะบอกเขาว่าเราจะไปรับลูก เราก็กลัวนะคะว่าเขาจะรับได้ไหม เพราะไม่ใช่ลูกเขา แต่เอาจริงๆ พอบินไปแล้ว ณ วันที่เราบินไปคือลูกกำลังจะเกิดแล้วนะ เพราะเราให้เขาอุ้มบุญที่อเมริกา และถูกกฎหมายทั้งหมด ลูกทั้งสองคนของเราได้เป็นสัญชาติอเมริกันหมด ไม่ได้เป็นคนไทย พอมาอยู่เมืองไทยก็ต่อวีซ่าที่เมืองไทยตลอดเวลา พอเราบินไปรับลูกแล้วเราก็ได้ส่งภาพมาให้เบนจามินดู เขาก็ส่งข้อความมาว่ายินดีและมีความสุขกับคุณด้วย แล้วก็มีอีกประโยคหนึ่งที่เขาส่งมาคือฉันอยู่ที่นี่ด้วย!! เขาบินตามเราไปเซอร์ไพร์สเรา เขาบอกว่าเธออยู่ตรงไหนฉันจะมาหา อยู่ตรงไหนฉันจะตามไปให้ให้ได้ ตอนนั้นเราน้ำตาไหลเลย แล้วอีกอย่างหนึ่งที่เขาบอกเราคือ เขาคิดกับเรามากกว่าคำว่าเพื่อนแล้ว วันนั้นได้ลูกแล้วก็ได้แฟนด้วย ได้ครบทุกอย่างเลย

s__61849682

ถาม พอเราเห็นว่าลูกเราเกิดขึ้นมา เรากำลังจะเป็นแม่แล้ว รู้สึกยังไง 

แอน จักรพงษ์ : นึกไม่ถึงว่าเป็นแม่คนจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ นาทีแรกที่เห็นเขา ที่เราอุ้มเขา เรารู้สึกว่าเป็นอะไรที่เรารอมานานที่สุดแล้ว (เล่าแบบน้ำตาคลอ) เราคิดตอนนั้นว่า หนูมาได้ยังไง หนูมาเกิดอยู่กับแม่ได้ยังไง คิดว่าฉันเป็นแม่คนแล้วเหรอ น้ำตาแตกเลยวันนั้น


ถาม คุณแม่รู้สึกยังไงบ้างที่มีหลาน 

คุณแม่ของแอน จักรพงษ์ : ดีใจมากๆค่ะ หลานเหมือนยาอายุวัฒนะนะคะ ทำให้เราอยากจะอยู่ต่อไป

คุณแม่ของแอน จักรพงษ์ : ถามว่าเรารับได้ไหมที่ลูกเราเป็นแบบนี้ เรารับได้นะคะ เพราะเรารู้มานานแล้วที่เขาเป็นแบบนี้ ไม่ว่าลูกเราจะเป็นยังไง เพศไหน ความห่วงใยของคนเป็นแม่ยังไงก็ห่วง แต่เขาอาจจะคิดว่าความห่วงของเราคือรับไม่ได้ แต่จริงๆ แล้วลูกต้องยิ่งใหญ่กว่าสิ่งอื่นใดในโลกนี้อยู่แล้วค่ะ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส