ลุงพลเปิดรถพิสูจน์ ยัดศพเด็กในถุงปุ๋ยทำไม่ได้ แค่ขับออกถนนคนเห็นหมด (คลิป)

26 ก.ย. 63

จากกรณีน้องชมพู่ อายุ 3 ปี สูญหายจากบ้านพักพัก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 จนไปพบศพกลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้าน 5 กม. วันที่ 14 พ.ค. 63 แต่ยังไม่สาามารถจบคนร้ายได้นั้น

819851

วันที่ 26 ก.ย. 63 ทีมข่าวเดินทางไปที่วัดภูผาแอก นายนิ่ม เงินนาม ผู้ใหญ่บ้านกกกอก นำชาวบ้าน อาทิ พ่อน้องชมพู่, ช่างเบิร์ด นางนริน หรือ ป้าถอน, นางดอน, นางอุ่น และชาวบ้านในหมู่บ้าน เพื่อเชิญพระแก้วมรกต หน้าตักกว้าง 100 เซนติเมตร ฐานสูง 80 เซนติเมตร องค์พระสูง 160 เซนติเมตร ราคา 45,000 บาท จากวัดภูผาแอกด้านล่างขึ้นเขาไปประดิษฐานด้านบนถ้ำพระ หรือถ้ำอุโบสถ

674705968764

โดยชาวบ้านได้ช่วยกันนำไม้ไผ่ทำเป็นสะเรียงยกพระขึ้นไปด้านบน องค์พระแบ่งเป็น 2 ท่อน ส่วนฐานมีทีมผู้ใหญ่นิ่มและชาวบ้านช่วยกันยกชึ้นไป ส่วนองค์พระแก้วมรกต ทีมพ่อน้องชมพู่ได้ยกขึ้นไป แต่ละทีมใช้ชาวบ้านรวมกว่า 12 คน ตลอดทางมีการแวะพักมากกว่า 4 ครั้ง เพราะทางสูงชันและมีหินขวางอยู่มาก

223770

สำหรับองค์พระแก้วมรกต มีพระสมศักดิ์ กิจจาธโร นำชาวบ้านอีก 10 คน จากจังหวัดสมุทรปราการ เดินทางมาเพื่อถวายที่วัดภูผาแอก เนื่องจากศรัทธาและเคยพูดคุยกับพระอาจารย์บุญมาเอาไว้ว่าจะนำมาถวาย ซึ่งไม่เกี่ยวกับความดังของหมู่บ้าน หรือคดีน้องชมพู่แต่อย่างใด แต่มีความศรัทธาจึงเดินทางน้ำพระมาถวาย

799328888854

ตลอดการนำพระขึ้นบนเขาวัดภูผาแอก สังเกตน้ำใจของกลุ่มชาวบ้าน รวมถึงผู้ใหญ่บ้าน และพ่อน้องชมพู่ ที่ช่วยกันอย่างสามัคคี ไม่ได้มีการพูดถึงคลิปเสียงผู้ใหญ่บ้านหรือเรื่องคดีแต่อย่างใด ขณะที่ครอบครัวลุงพลไม่ได้เดินทางมาร่วมงาน คาดว่าติดแขกที่เดินทางมาให้กำลังใจที่บ้านในช่วงวันหยุด

332919

หลังจากชาวบ้านได้นำพระขึ้นไปถึงบริเวณด้านบนวัดภูผาแอก มีการประกอบองค์พระ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนฐาน ส่วนองค์พระ และส่วนยอดเศียรพระ โดยมีพระอาจารย์บุญมาเป็นผู้ประกอบพิธีประดิษฐานองค์พระ และนำยอดเศียรพระแก้วมรกตประกอบด้านบน จากนั้นคณะเจ้าภาพที่เดินทางมาจากจังหวัดสมุทรปราการ ได้นำธูปเทียน ธูปบูชา มาประกอบพิธีและกล่าวคำถวายแด่พระแก้วมรกต ภายหลังเสร็จพิธีต่างคนต่างเดินทางแยกย้ายกลับ

723145

โดยนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ มีการโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กขอบคุณผู้ที่มาให้กำลังใจ ข้อความว่า "ขอบคุณที่ทุกคนให้กำลังใจแม่กับครอบครัวมาตลอดวันนี้แม่ได้เห็นแล้วว่าทุกคนหนักแน่นมั่งคงแค่ไหนที่จะยืนหยัดเคียงข้างเรา เกือบหาเดือนแล้วแล้วที่เราไม่ได้ยินเสียงชมพู่ ไม่ได้เห็นรอยยิ้ม ไม่ได้กอด หอมแก้มกันทุกเช้า ตอนอุ้มลงบันไดทุกนาทีที่ดำเนินชีวิต เรายินได้ด้วยลมหายใจแผ่วเบา ทุถกก้าวที่เดินเหมือนร่างกายไร้น้ำหนัก เราขาดอะไรไป เวลานี้ข้าพเจ้ายอมรับว่ากำลังใจมีค่ามีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตที่สุด ขอบคุณทุกคนขอบคุณที่เชื่อมั่นในความดีของเรา เชื่อมั่นในความรักที่คนในครอบครัวมีต่อชมพู่ ขอบคุณจากใจจริง ๆ ค่ะ" 

293129858023

ทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านนายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ลุงน้องชมพู่ พบว่าบริเวณข้างบ้านได้มีการถมดิน 200 คิว โดยจะมีการปรับพื้นที่ และขยายทำเป็นร้านค้าชุมชน เพื่อให้ชาวบ้านตั้งร้านขายได้อย่างสะดวก โดยไม่กีดขวางการจราจรบริเวณริมทาง เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับชาวบ้าน

937839

ลุงพล เปิดใจว่า ภายหลังที่ไปเจอกับเจ้าหน้าที่ตำรวจวานนี้ และตำรวจบอกกับป้าแต๋นว่ายังไม่ตัดประเด็นความสงสัยในตัวตนทิ้ง สงสัยเรื่องกระสอบ รวมถึงเวลา 7 นาที่ ส่วนตัวไม่ทราบว่าทำไมถึงยังสงสัยในประเด็นเหล่านี้ ไม่ทราบว่าตำรวจเจออะไรเกี่ยวกับเรื่องกระสอบ แต่ตัวเองก็ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมตำรวจเลือกแต่กระสอบใบที่ตนเองจับด้วยมือเปล่า และเลือกกระสอบที่ผ่านการใช้งานเท่านั้น รวมแล้ว 2 ใบ ขณะที่ประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ออกจากบ้านไปวัด รวมถึงรับพระก่อนออกไปส่งที่วัดภูกะโล้น ส่วนตัวก็ไม่ได้กังวล เพราะทั้งหมดคือการคาดการณ์ช่วงเวลาที่พอจะจำได้เท่านั้น

866747

ทั้งนี้ ในประเด็นที่ตำรวจสงสัย แล้วพูดบอกป้าแต๋นว่า "ลุงพลพูดไม่หมด ลุงพลยังโกหก" ก็เป็นเพียงแค่ความคิดของตำรวจบางคน ที่คิดไปเอง หรือไปฟังข้อมูลจากคนบางคนในหมู่บ้าน แล้วเอามาวิเคราะห์ ส่วนตัวไม่ได้เครียด เพราะถ้าหากนำผลดังกล่าวมาวิเคราะห์ ตนเองก็บอกได้ว่าเป็นทั้งผลดีและผลเสีย ส่วนตัวขอยืนยันว่าข้อมูลทั้งหมดไม่เคยโกหกป้าแต๋น หรือแม้กระทั่งช่วงเวลาและการใช้ชีวิตในวันที่ 11 พ.ค. 63 หรือคืน วันที่ 10 พ.ค. 63 ดังนั้นการเจอกับตำรวจเมื่อวาน ตัวเองยังคงจำยืนยันเหมือนเดิมว่าจะไม่เปลี่ยนคำให้การ และเคยให้การแบบไหนก็เป็นไปแบบนั้น ไม่มีเพิ่มหรือลด

708241

ขณะที่ประเด็นชาวบ้านเดินทางไปที่วัดภูผาแอก โดยมีการถวายพระแก้วมรกตนั้น ส่วนตัวเพิ่งจะทราบเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยไม่มีใครบอก หรือประชาสัมพันธ์ผ่านหอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน ตนเองจึงได้อยู่อยู่ที่บ้านเพื่อปรับพื้นที่ดินสำหรับขยายและทำเป็นร้านค้าให้กับชาวบ้านมาค้าขาย

822943

โดยกระสอบที่ก่อนหน้านี้ตำรวจได้เข้ามาที่บ้านลุงพล และได้ยึดไปตรวจสอบ เป็นกระสอบถุงปุ๋ยยี่ห้อหนึ่ง จำนวน 2 ใบ ขนาดความกว้าง 58 เซนติเมตร และยาวยาว 52 เซนติเมตร

374712

เทียบกับความสูงของน้องชมพู่ คือ 85 เซนติเมตร โดยทีมข่าวได้วัดความสูงของกระสอบได้ 92 เซนติเมตร จะพบว่าขนาดกระสอบมีความสูงกว่าเด็กประมาณ 7 เซนติเมตร

681781

ส่วนข้อสมมุติฐาน กรณีการซ่อนเด็กเอาไว้ในกระสอบ มีการผูกเชือกที่ปลายกระสอบ จากนั้นอาจมีการยกขึ้นรถกระบะนั้น ทีมข่าวได้ทดสอบข้อสมมุติฐานดังกล่าว 2 แบบ คือ

708245

แบบที่ 1 ซ่อนเด็กในกระสอบ แล้วมัดปลาย โดยทีมข่าวได้ใช้ถังน้ำ จำนวน 3 ถัง หากต่อเรียงกันแล้วมีความสูงประมาณ 85 เซนติเมตร มีความใกล้เคียงกับตัวของน้องชมพู่

313932

แบบที่ 2 ยกกระสอบไปไว้บริเวณจุดพักเท้าข้างคนขับ จากนั้นลดกระจกลงทั้ง 2 ฝั่ง ทดสอบระดับสายตา โดยมีลุงพลนั่งอยู่บริเวณจุดคนขับ ทีมข่าวได้ทดสอบมองทั้ง 2 ฝั่ง ทั้งแบบมองผ่านสายตา และเดินขยับเข้ามาใกล้ประตูรถ การทดสอบสังเกตจะเห็นปลายกระสอบด้านบน ที่เหลือจากจุดที่มีการมัดเอาไว้ โผล่ขึ้นมาเล็กน้อย

183304

ทีมข่าวทดสอบโดยให้ลุงพลกดปากกระสอบลง โดยอำพรางส่วนที่เหลือของปากกระสอบเพื่อบังสายตาคน หลังจากที่ลุงพลได้กดกระสอบลง ระดับสายตาไม่สามารถมองเห็นได้ จะเห็นเพียงลุงพลอยู่บริเวณจุดคนขับ แต่หากนำกระสอบไปวางไว้บริเวณจุดดังกล่าว ก็จะไม่สามารถมีใครนั่งโดยสารมาได้ เพราะไม่สามารถเว้นพื้นที่เอาไว้สำหรับจุดพักเท้า และหากยืนบนถนนห่างจากรถ 4 เมตรจะมองไม่เห็นกระสอบในรถ

927548

นายไชย์พล วิภา ลุงน้องชมพู่ บอกว่า ในวันที่ไปส่งพระ กระสอบข้าววางอยู่ด้านหลังกระบะ เพราะเนื่องจากบริเวณหลังคนขับ มีป้าแต๋น นายม๊อค นางนริน นั่งโดยสารมา ส่วนข้างคนขับคือพระครูบารัตน์ จึงทำให้ไม่มีพื้นที่ที่จะวางกระสอบภายในรถ จากนั้น เมื่อส่งพระเสร็จแล้ว ระหว่างทางพบว่าฝนตก ตนเองจึงได้ยกกระสอบข้าวเอามาไว้บริเวณหลังคนขับ ลักษณะจับนอน เพื่อเป็นพื้นที่สำหรับจุดพักเท้าให้กับนายม๊อค และนางนริน ส่วนป้าแต๋นได้ย้ายไปนั่งบริเวณข้างคนขับ

กรณีที่ตั้งข้อสังเกตว่าจะมีการวางกระสอบเอาไว้บริเวณข้างคนขับ ไม่สามารถเป็นไปได้ เพราะถ้าหากตอนไปภายในรถก็จะมีพระครูบารัตน์นั่งไปด้วย ส่วนขากลับป้าแต๋นได้ย้ายจากด้านหลังขึ้นมานั่งบริเวณด้านข้าง

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส