จากกรณีหญิงอายุประมาณ 40 ปี ซึ่งเป็นคนร้ายก่อเหตุหลอกซื้อทองคำหนัก 20 บาท ซึ่งเป็นสร้อยคอหนัก 10 บาท 1 เส้น หนัก 5 บาท 1 เส้น หนัก 3 บาท 1 เส้น และหนัก 2 บาท 1 เส้น เป็นจำนวนเงิน 578,000 บาท
โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นที่ห้างทองสุพัตราเยาวราช สาขาโลตัสแกลง อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 22 กันยายน 63 ที่ผ่านมา โดยหญิงคนร้ายนำเช็คเงินสดจำนวน 578,000 บาท ของธนาคารไทยพาณิชย์ สาขามีนบุรี ไปให้พนักงานธนาคารไทยพาณิชย์สาขาแกลง โอนเข้าบัญชี
ทั้งนี้ผู้จัดการห้างทองสุพัตราเยาวราช สาขาโลตัสแกลง บอกว่า เจ้าของร้านทองโทรศัพท์มาบอกว่าลูกค้าโอนเงินเข้าบัญชีให้แล้ว จากนั้นหญิงคนร้ายจึงย้อนกลับมาที่ร้านทองสุพัตราเพื่อซื้อทอง
ถัดมาจึงไปติดต่อกับธนาคารเพื่อถอนเงิน และเมื่อไปถึงติดต่อกับพนักงานธนาคาร เพื่อเบิกเงินจำนวนดังกล่าว แต่พนักงานธนาคารแจ้งว่ายอดตัวเลขดังกล่าวเป็นการโอนเข้าบัญชี แต่ยังไม่สามารถถอนได้ เนื่องจากยังไม่มีเงิน แต่จะถอนได้ในวันถัดไป
จากนั้นเจ้าของร้านจึงรีบโทรศัพท์มาที่ร้านทอง เพื่อที่ให้พนักงานร้านระงับการส่องมอบทองให้กับหญิงคนร้าย แต่พนักงานร้านทองได้มอบสร้อยคอทองคำนำหนักรวม 20 บาท ให้กับหญิงคนร้ายไปแล้ว
พันตำรวจเอกชัยพงษ์ แสงพงษ์ชัย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแกลง เปิดเผยว่า คนร้ายที่ก่อเหตุ คือ น.ส.พิชชาภา ครณรงค์ ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามตัว และพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกไปยังภูมิลำเนาที่ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทราแล้ว
ทั้งนี้หากพบว่า น.ส.พิชชาภา ไม่มาพบพนักงานสอบ จะขอศาลจังหวัดระยอง ออกหมายจับข้อหาฉ้อโกง ซึ่งเป็นคดีอาญาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นางสุพัตรา เผือกประพันธุ์ เจ้าของห้างทองสุพัตราเยาวราช ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า พฤติกรรมการก่อเหตุของคนร้ายมีความฉลาดและมีความรู้เกี่ยวกับการใช้เช็คเป็นอย่างดี ทำให้พนักงานหลงเชื่อว่า มีเงินโอนเข้ามาในบัญชีแล้ว จึงมอบทองหนัก 20 บาทให้กับคนร้ายไป ซึ่งได้รางวัลนำจับตนตั้งไว้จำนวน 5 หมื่นบาท ฝากเตือนร้านทองอื่น ๆ ให้พนักงานระวัง จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อแก๊งคนร้ายที่ใช้วิธีดังกล่าว
นางเจน น้องสาวผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า หญิงในวงจรปิดเป็นพี่สาวตนจริง แต่ตนไม่รู้เรื่องว่าพี่สาวไปก่อเหตุดังกล่าว ทั้งนี้ตนเพิ่งเจอพี่สาวเมื่อไม่ปีที่แล้ว ตอนนี้แม่แทบจะเป็นลมเมื่อรู้ข่าวว่าพี่สาวไปก่อเหตุ