พยานลุงพลไขปริศนา อุ้มเด็กขึ้นเขากลางคืนไร้คนเห็นทำได้ แค่ปรับไฟส่องกบ (คลิป)

เมื่อวันที่ 23 ก.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับ นายม็อค (นามสมมติ) พยายลุงพล ในฐานะชาวบ้านในพื้นที่ เปิดเผยเกี่ยวกับข้อสงสัยเรื่องไฟส่องกบดับ ว่า ปกติชาวบ้านจะใช้ไฟส่องกบ 2 แบบ คือ แบบปรับระดับความสว่างได้ กับปรับระดับความสว่างไม่ได้

คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่  

โดยส่วนใหญ่ชาวบ้านกกกอกจะใช้แบบปรับระดับความสว่างได้ เนื่องจากกะทัดรัด ประหยัดแบตเตอรี่ และใช้สองสว่างเวลาออกไปกรีดยางหรือทำสวนกลางคืน ส่วนใหญ่ถ้าหากไม่ใช่กลุ่มที่ออกไปส่องกบหรือหาสัตว์ตอนกลางคืน ก็จะไม่ใช้ไฟส่องกบแบบสว่างที่ปรับระดับไม่ได้ ดังนั้นคนในหมู่บ้านส่วนใหญ่จึงใช้แบบปรับระดับได้ แล้วมีขนาดเล็กกะทัดรัด

นายม็อค บอกว่า สิ่งที่ตนออกมาพูดหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นเพราะว่าตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการใช้ไฟส่องกบเพื่อขึ้นเขาภูเหล็กไฟ โดยหากใช้ไฟส่องกบที่มีความสว่างปรับระดับไม่ได้ หากขึ้นไปบนเขา แล้วมองจากภายในหมู่บ้านขึ้นไป โดยเฉพาะช่วงกลางคืน ซึ่งจะค่อนข้างมืด แล้วสามารถมองเห็นแสงไฟที่ส่งบนยอดไม้ แสงไฟที่ส่องไปมา ทำให้รู้ว่าจุดขึ้นเขาเดินไปถึงบริเวณจุดใด แต่ถ้าหากมีการใช้ไฟส่องกบแบบปรับระดับได้ จะทำให้แสงไฟไม่สะท้อนหรือส่องขึ้นไปที่ยอดไม้ จึงยากที่จะมองว่ามีคนอยู่บนเขาพูดเหล็กไฟหรือไม่

ประกอบกับ ส่วนตัวยังตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับเรื่องไฟส่องกบดับ หากเป็นชาวบ้านส่วนใหญ่ที่แบตเตอรี่เสื่อม หรือลืมชาร์จแบตก่อนที่จะเอาออกไปใช้งาน แบตเตอรี่ไฟส่องกบก็จะใช้ได้อย่างต่ำ 2-3 ชั่วโมง จากนั้นจะค่อย ๆ ลดแสงลงอัตโนมัติ แต่จะไม่ดับวูบไปทีเดียว ฉะนั้นหากอ้างว่าไฟส่องกบหมด จึงเป็นไปไม่ได้สำหรับอุปกรณ์เหล่านี้ 

ดังนั้นถ้าหากมีคนร้ายแอบขึ้นไปในช่วงกลาง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะถ้าหากใช้วิธีการปรับระดับแสงไฟที่ไฟส่องกบ หรือส่องลงพื้น แทนการติดบนหัว และสาดไปมา ก็จะไม่เป็นที่พิรุธทำให้ชาวบ้านพบเห็นว่ามีใครอยู่บนเขาภูเหล็กไฟ

อย่างไรก็ตาม นายม็อค ยืนยันว่า ถ้าหากเป็นตนขึ้นไปติดอยู่บนภูเหล็กไฟ แล้วเกิดไฟส่องกบหมดขึ้นมาจริง ก็จะต้องนั่งรอจนกว่าสว่าง พอที่จะเห็นทาง จึงจะเดินทางต่อลงมาข้างล่างได้ แต่จะไม่ใช่ความมืดในการเดินเท้าเพื่อกลับสู่หมู่บ้าน ถึงแม้จะมีความชำนาญทางก็ตาม แต่เรื่องของอุปสรรคเกี่ยวกับก้อนหิน หรือสัตว์มีพิษระหว่างทางก็จะมองไม่เห็น ดังนั้นเชื่อว่าคนที่มีความชำนาญทางมากน้อยเพียงใด ก็จะต้องไม่เดินอยู่บนภูเหล็กไฟในความมืด 

เมื่อช่วงค่ำทีมข่าวได้ทดสอบใช้ไฟส่องกบของชาวบ้าน บริเวณยอดไม้ ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับต้นไม้บนเขาภูเหล็กไฟ โดยสังเกตว่าหากใช้ไฟฉายที่ปรับระดับไม่ได้ จะสามารถเห็นแสงไฟบนยอดไม้หรือใบไม้ชัดเจน ยิ่งอยู่ในที่มืดก็จะยิ่งเห็นเด่นชัด หรือแม้แต่ใช้ไฟส่องกบสาดไปมาบริเวณโคนต้นไม้ ก็ยังมีแสงสว่างสะท้อนขึ้นไปที่ยอดต้นไม้ด้านบน

แต่ถ้าหากเป็นไปตามข้อสันนิษฐานที่ นายม็อค บอกว่ามีการส่องไฟลงบนพื้น แล้วเดินตามทาง ทีมข่าวจึงได้ทดสอบ 3 ระดับ ซึ่งถ้าหากปรับระดับแรงสุด บนพื้นจะเห็นสว่างจนสะท้อนไปที่ยอดไม้ด้านบนทะลุผ่านมองเห็นได้ แต่หากปรับระดับกลาง บนพื้นยังคงมองเห็นทางได้ปกติ และแสงสว่างจะสะท้อนไปที่ใบไม้เล็กน้อย แต่ไม่ทะลุผ่านใบไม้ และหากปรับระดับความสว่างน้อยสุด จะมองเห็นพื้นในลักษณะเห็นในวงแคบ ที่พอจะเดินเห็นอุปสรรคบนพื้นได้ แต่แสงไฟจะไม่สะท้อนไปที่ยอดไม้ ไม่ทะลุผ่านใบไม้