เมื่อวันที่ 23 ก.ย.63 เวลา 06.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มีนบุรี รับแจ้งอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชน มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ที่บริเวณแยกถนนสุวินทวงศ์ ตัดถนนรามคำแหง มุ่งหน้าแยกมีนบุรี แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ
รถบรรทุก 18 ล้อ ป้ายทะเบียน 91-7153 กทม. มีนายเพียร ศรีเจริญ อายุ 41 ปี เป็นผู้ขับรถ ไม่ได้รับบาดเจ็บ สภาพทับรถเก๋ง โตโยต้า โคโลนา สีบรอนซ์เงินพังยับเยิน มีคนติดอยู่ในซากรถ 3 คน พ่อแม่ลูก โดยลูกชายเป็นคนขับ ทราบชื่อนายอานัส จิ๊เลาะ อายุ 27 ปี เสียชีวิตคาที่
ส่วนนางอำพร จิ๊เลาะ อายุ 52 ปี มารดานั่งข้างคนขับ สภาพนอนติดกับเบาะรถ หลังคาลงมาทำให้ตัวติดกับประตู เข็มขัดนิรภัยกระชาก ได้รับบาดเจ็บตรงบริเวณหน้าอก ช่องท้อง กระดูกคอ และนายประเสริฐ จิ๊เลาะ อายุ 52 ปี บิดา นั่งตรงบริเวณเบาะหลังซ้าย สภาพถูกหลังคารถกดทับไหล่ขวา เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำเครื่องตัดถ่างเข้าช่วยเหลือ
สำหรับความเสียหาย รถเก๋งโตโยต้า โคโลนา สีบรอนซ์เงิน ป้ายทะเบียนรถ ญญ 2780 มีนายอานัส จิ๊เลาะ อายุ 27 ปี ที่ผู้ขับเสียชีวิตคาที่
รถเบนซ์ สีดำ ป้ายทะเบียนรถ 6 กร 1150 กทม. มีนายรุ่งโรจน์ เจือสนิท อายุ 55 ปี คนขับ ไม่ได้รับบาดเจ็บ สภาพรถที่เสียหาย กระจกรถมองข้างด้านขวาพังเสียหาย รถฝั่งขวามีรอยถลอก
รถเก๋ง ยี่ห้อ โตโยต้า ยาริส สีขาว ป้ายทะเบียนรถ 3 กถ 3244 กทม. มีนางเมตตา สมนึก อายุ 41 ปี คนขับไม่ได้รับบาดเจ็บ กันชนกระจกหน้า ฝากระโปรงพังเสียหายยุบเข้ามาในตัวรถ และบังโคลนหน้าและหลังรถฝั่งขวายุบ
รถเก๋ง ยี่ห้อ มาสด้า 2 สีบรอนซ์เทา ป้ายทะเบียนรถ 5 กศ 2338 กทม. มีนางสาวฐานิดา โก่งกระโทก อายุ 24 ปี เป็นผู้ขับ และยังมีผู้โดยสารอีก 2 คน คือสามีและลูกชาย ไม่ได้รับบาดเจ็บ สภาพรถเสียหายกระจกรถมองข้างฝั่งขวาแตกพังเสียหาย กระจังหน้ารถฝั่งขวาหยุดออกมาเพียงเล็กน้อย บังโคลนหน้ารถและประตูฝั่งขวาบุบ และมีสีถลอก
รถเก๋ง ยี่ห้อ ฮอนด้า ซีวิค สีขาว ป้ายทะเบียนรถ กว 502 นนทบุรี มีว่าที่ร้อยตรีนัฐพล เปลี่ยนบำรุง อายุ 30 ปี เป็นผู้ขับ และยังมีผู้โดยสารอีก 1คน คือลูกชาย ไม่ได้รับบาดเจ็บ สภาพรถที่เสียหาย กระจกรถมองข้างฝั่งขวาแตกพังเสียหาย กระจังหน้ารถฝั่งซ้ายหยุดออกมาเพียงเล็กน้อย บังโคลนหน้ารถฝั่งซ้ายมีรอยถลอก กระจกมองข้างฝั่งซ้ายแตกหัก กันชนท้ายฝั่งซ้ายพังยุบบิดเบี้ยว และยางล้อหลังแตก
รถกระบะ ยี่ห้อ วีโก้ สีเขียว ป้ายทะเบียนรถ ตค 4283 กทม. มีนายใจเพชร โหมดนอก อายุ 43 ปี เป็นผู้ขับ ไม่ได้รับบาดเจ็บ สภาพรถที่เสียหาย กระจกรถมองข้างฝั่งขวาแตกพังเสียหาย กระจังหน้ารถฝั่งซ้ายหยุดออกมาเพียงเล็กน้อย ฝั่งซ้ายมีรอยถลอก กระจกมองข้างฝั่งซ้ายแตกหัก ยางล้อหลังแตก
ส่วนรถบรรทุก 18 ล้อ ของนายเพียร ศรีเจริญ อายุ 41ปี ได้รับความเสียหาย กันชนหน้ารถพังเสียหายหลุด จากการสอบสวน นายเพียรอ้างว่า ขณะที่มาถึงจุดที่เกิดเหตุรถบรรทุกได้เบรกแตก ไม่สามารถควบคุมรถได้ จึงเฉี่ยวชนรถที่จอดติดอยู่กับไฟแดง
นางเมตตา สมนึก อายุ 41 ปี ผู้เสียหาย เจ้าของรถเก๋ง ยาริส สีขาว เล่าว่า ตนได้ขับรถไปทำงานตามปกติ ขณะก่อนที่จะเกิดเหตุได้จอดรถติดไฟแดงอยู่บริเวณแยกถนนรามคำแหง มองกระจกมองหลังพบว่ารถบรรทุก 18 ล้อคันก่อเหตุได้พุ่งมาด้วยความเร็ว โดยที่ไม่เบรก จากนั้นได้ชนหลังของรถเบนซ์ และมาเฉี่ยวชนของตน ทำให้รถของตนได้ไปเฉี่ยวชนรถกระบะวีโก้ที่อยู่ด้านหน้า
ขณะนั้นที่รถของตนถูกเฉี่ยวชน คิดว่าต้องไม่รอดอย่างแน่นอน เพราะรถบรรทุก 18 ล้อขับมาด้วยความเร็ว ยังมีสติ ถึงแม้ว่าจะตกใจ แต่ได้ปีนออกมาจากประตูด้านผู้โดยสารข้างคนขับ เนื่องจากกลัวว่าจะระเบิด เพราะมีควันออกมาจากบริเวณหน้ารถ ส่วนตัวรถด้านขวาถูกบีบให้ติดกับแบริเออร์ ออกมาจากรถได้พบว่ารถบรรทุก 18 ล้อ ได้เกยทับรถเก๋งผู้เสียชีวิตแล้ว
หลังจากเกิดเหตุ คนขับรถบรรทุก 18 ล้อ อ้างว่า รถเบรกแตก ก่อนหน้านี้รถคู่กรณีที่เสียหายด้วยกันพบเห็นว่ารถบรรทุก 18 ล้อคันดังกล่าว ได้จอดซ่อมอยู่ที่บริเวณถนนแห่งหนึ่ง ซึ่งตนคาดว่าน่าจะเบรกแตกแล้ว แต่ยังคงขับประคับประคองมา ซึ่งตนมองว่าหากรถเบรกแตกแล้วก็ไม่สมควรที่จะนำมาขับ เพราะจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น
ที่มัสญีด อัล-อิศลา ม.4 เขตหนอกจอก กรุงเทพฯ ที่จัดพิธีงานศพของนายอานัส จิ๊เลาะ อายุ 27 ปี ผู้เสียชีวิต โดยนางอำพร จิเล๊าะ อายุ 52 ปี แม่ของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์ นายอานัสลูกชายคนโต ซึ่งมีฝาแฝดและน้องชาย 1 คน จะพาพ่อไปโรงพยาบาล เพื่อตรวจโรคมะเร็ง โดยนายอานัสเป็นคนขับ ตนนั่งเบาะข้างคนขับ ส่วนสามีนั่งอยู่ด้านหลังของตน ระหว่างทางก่อนที่จะมาถึงบริเวณแยกที่เกิดเหตุ ทางครอบครัวเห็นว่ารถบรรทุก 18 ล้อคันดังกล่าว ได้จอดซ่อม
จากนั้น รถมาจอดติดไฟแดงตรงแยกที่เกิดเหตุ สักระยะหนึ่งได้ยินเสียงดังผิดปกติ จากนั้นรถบรรทุก 18 ล้อคันดังกล่าวได้ขับมาชนเกยขึ้นทับหลังคารถของตน โดยไม่ทราบว่าขับมาชนในรูปแบบไหน เพราะขณะที่นั่งอยู่ก็ถูกหลังคารถอัดทับบริเวณร่างกายของพวกตนทันที ขณะนั้นตนหายใจไม่ออก หากทางกู้ภัยไม่มาช่วยเปิดประตูให้ในเวลาประมาณ 1 นาทีคงช็อกหมดสติ ตนพยายามเรียกชื่อทั้งสามีและนายอานัส มีเพียงแต่สามีที่ตอบ โดยไร้เสียงลูกชาย ขณะนั้นร่างของตนถูกเบาะกดทับติดกับประตูรถ ซึ่งทำให้สายรัดนิรภัยกระชากตัว จนทำให้หายใจไม่ออก
ตนยอมรับว่าเสียใจมาก ถึงแม้ว่าร่างกายเจ็บปวด ตนต้องมาร่วมพิธีงานศพของลูกชาย ความรู้สึกตอนนี้เศร้ามาก เพราะลูกชายคนนี้ดูแลพ่อแม่เป็นอย่างดี เป็นเสาหลักของครอบครัว ตอนนี้ตนจุกอกจนพูดไม่ออก
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มีนบุรี ระบุว่า ผู้ต้องหายอมรับสารภาพกล่าวอ้างว่ารถได้เบรกแตก จึงทำให้ไม่สามารถควบคุมได้
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหา ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และมีผู้ได้รับอันตรายแก่กายและทรัพย์สินเสียหาย โดยได้นำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญามีนบุรี ในช่วงกลางวันที่ผ่านมา