"ฮาวา" ฟ้อง ตร.ไม่สำนึกทำให้รถถูกชน-ทางหลวงโต้ดูสัญญาณมือไม่ถูกเอง (คลิป)

16 ก.พ. 61
จากกรณี น.ส.อรวี ชูชื่น หรือ "ฮาวา" นักดนตรีอิสระ ประสบอุบัติเหตุถูกรถบรรทุกสิบล้อ ชนท้ายรถยนต์ที่นั่งมา เนื่องจาก ถูกตำรวจทางหลวงพระนครศรีอยุธยา โบกให้หยุดรถอย่างกะทันหัน ทำให้รถยนต์ และเครื่องดนตรีเสียหาย ก่อนจะมีคำสั่งด่วนสั่งย้ายตำรวจทางหลวงทั้ง 2 นาย เข้ามาปฎิบัติหน้าที่ที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง และตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง
น.ส.อรวี ชูชื่น หรือ "ฮาวา" ผู้เสียหาย
ล่าสุด วันนี้ (15 ก.พ.) น.ส.อรวี ชูชื่น หรือ "ฮาวา" ได้แต่งตั้ง นายเกิดผล แก้วเกิด ให้เป็นทนายความฟ้องร้องคดีอาญา กับตำรวจทางหลวงทั้ง 2 นาย ที่ตั้งด่านลอย โดย "ฮาวา" บอกว่า หลังเกิดเรื่องขึ้น ยังไม่ได้รับการประสาน หรือติดต่อจากกองบังคับการตำรวจทางหลวง มีเพียงข่าวที่บอกว่า ได้ย้าย 2 ตำรวจ เข้าหน่วยและตั้งคณะกรรมการสอบ และได้มีการนัดหมายว่าวันที่ 2 ก.พ. ที่ผ่านมา จะมีความคืบหน้าในเรื่องนี้ แต่จนถึงวันนี้เรื่องยังเงียบ และไม่มีใครออกมาชี้แจง ตั้งแต่วันเกิดเหตุ จนถึงวันนี้เวลาก็ผ่านไปแล้วกว่า 1 เดือน มีเพียงตอนที่ตนนอนพักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล ที่มีตัวแทนจากตำรวจทางหลวง เดินทางมาเยี่ยมพร้อมกับกระเช้าผลไม้ เพียงครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นไม่มีการแจ้งความคืบหน้าหรือผลการสอบข้อเท็จจริง ตนยังทราบมาว่า ตำรวจทางหลวงที่ปฎิบัติหน้าที่ในวันดังกล่าว ได้ปฏิเสธความผิด และไม่ยอมรับว่าเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากการทำหน้าที่ผิดพลาด และยังให้ตนไปติดต่อยื่นเอกสาร ดำเนินการเรื่องการชดเชยค่าใช้จ่ายจากประกันรถยนต์ของรถบรรทุกเอง ดังนั้นจึงมองว่า ในเมื่อตำรวจทางหลวงปฏิเสธการช่วยเหลือ และไม่ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น จึงมีความจำเป็นที่จะตั้งทนายความให้แจ้งความ และฟ้องกลับในคดีอาญา ส่วนรายละเอียดการฟ้องต้องสอบถามไปยังทนายความเพราะตนไม่ทราบในรายละเอียด ส่วนเรื่องความคืบหน้าผลการสอบสวน ภายหลังที่มีคำสั่งให้ตำรวจทั้ง 2 นาย ที่ปรากฏตามคลิปเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง และได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงนั้น
พ.ต.อ.เอกราช ลิ้มสังกาศ รองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง
ในเรื่องนี้ พ.ต.อ.เอกราช ลิ้มสังกาศ รองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง บอกกับทีมข่าวว่า คณะกรรมการสอบสวนยังไม่สรุปผล และส่งรายงานขึ้นมายังกองบังคับการฯ แต่ได้คุมเข้ม และทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้ทราบผลสรุป เรื่องที่ถูกมองว่าล่าช้านั้น ขณะนี้ยังถือว่าเป็นไปตามกรอบ หากเร่งรัดคดีให้เสร็จโดยเร็วจะไม่ละเอียดรอบครอบ ไม่เป็นตามข้อเท็จจริง เชื่อว่านับจากนี้ไม่เกิน 10 วัน คณะกรรมการจะสามารถสรุปส่งรายงานได้ เนื่องจากสอบสวนคืบหน้าไปแล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ส่วนกรณีที่ น.ส.อรวี หรือ "ฮาวา" และครอบครัว จะตั้งทนายเพื่อฟ้อง 2 ตำรวจทางหลวง พ.ต.อ.เอกราช เปิดเผยว่า ตนยังไม่ทราบว่าจะฟ้องตำรวจในข้อหาใด เพราะความผิดอาญาแผ่นดินขับรถโดยประมาท และทำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์นั้น พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการชี้ว่ารถบรรทุกเป็นฝ่ายผิด ให้ดำเนินการรับผิดชอบต่อผู้เสียหายแล้ว หากจะฟ้องในคดีแพ่ง ผู้เสียหายสามารถฟ้องได้ แต่ต้องระบุให้ชัดว่าใครละเมิดใคร ตำรวจละเมิดโดยการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หรือกระทำโดยประมาทอย่างไร เนื่องจากเหตุที่เกิดขึ้นตำรวจปฏิบัติหน้าที่ตามขอบเขต หากมีการฟ้องก็ต้องให้ศาลพิจารณากันต่อไป
พ.ต.อ.เอกราช สาธิตวิธีการโบกรถและใช้สัญญาณมือ
พ.ต.อ.เอกราช ยังได้สาธิตวิธีการโบกรถและใช้สัญญาณมือ ตามคลิปที่ปรากฏว่า ลักษณะของการยืดแขนออกไปแล้วโบกขึ้นลง ตามหลักของกฏจราจร คือการบอกให้ชะลอรถ แต่ถ้าการสั่งให้หยุดรถต้องยกมือตั้งฉาก ชูมือนิ้วเรียงชิด คือสั่งหยุดรถ กรณีนี้แสดงให้เห็นว่าตำรวจใช้สัญญาณมือถูกต้อง แต่เหตุใดผู้ขับขี่ไม่เข้าใจสัญญาณมือ ตามที่เคยสอบใบอนุญาตขับขี่มา แต่ภายใต้การกระทำครั้งนี้ หากผลการสอบสวนยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ 2 นาย กระทำโดยประมาท ก็จะมีกระบวนการพิจารณาลงโทษตามระเบียบ และจะต้องนำบทเรียนนี้ไปแก้ไข เพื่อปรับการทำงานของเจ้าหน้าที่ต่อไป จะได้ไม่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชน จากกรณีที่สังคมได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า การตั้งด่านครั้งนี้เป็นด่านลอย พ.ต.อ.เอกราช ชี้แจงว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่เคยมีนิยามคำนี้ เพราะด่านตรวจ คือ ด่านที่รวมพลเจ้าหน้าที่ เข้ามาตรวจสกัด และดูแลรถทุกคันที่ผ่านจุดตรวจ แต่การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจทางหลวง ใช้วิธีการตรวจตราจับกุมรถที่กระทำผิดซึ่งหน้า โดยเป็นกลวิธีการปฏิบัติหน้าที่เพื่อตรวจจับรถที่กระทำผิด จึงไม่ใช่เรียกว่า “ด่านตรวจ” หรือ “ด่านลอย”  แต่เป็นการตรวจตราเท่านั้น
นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความ
ทางด้าน ทนายเกิดผล แก้วเกิด เปิดเผยว่า ทางครอบครัวของ น.ส.ฮาวา ต้องการดำเนินคดีอาญากับตำรวจทั้ง 2 นาย ในฐานความผิดเป็นเจ้าหน้าที่ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งควบคู่กันไป อย่างไรก็ตามถ้าเข้าข่ายประมาท จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็ต้องดำเนินคดีนี้ด้วยเช่นกัน เพราะ น.ส.ฮาวา ต้องรักษาตัวเกินกว่า 20 วัน โดยการรักษาตัวเกินกว่า 20 วันนั้น หมายความว่า ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนที่ก่อนหน้านี้ ทางผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เคยให้สัมภาษณ์ว่า ตำรวจจะผิดหรือไม่ต้องให้ศาลตัดสินเสียก่อน เรื่องนี้ทางทนายเกิดผลมองว่า ตำรวจไม่ได้สนใจความรู้สึกของประชาชน แต่ตำรวจกำลังท้าทาย เลือกที่จะให้ประชาชนดำเนินคดีกับตำรวจ เหมือนตำรวจกำลังหันหลังให้ประชาชน ซึ่งผู้เสียหายรู้สึกไม่สบายใจ และติดใจในประเด็นนี้ ในส่วนของรถบรรทุกนั้น หากผิดก็รับผิด และเสียค่าปรับไป ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ารถบรรทุกไม่ผิด โดยประกันภัยรถยนต์ ได้ชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้เสียหาย แต่ครอบครัวผู้เสียหายติดใจที่ตำรวจทั้ง 2 นาย ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบมาขอโทษแม้แต่คำเดียว มีแต่ผู้บังคับบัญชามาขอโทษ ถ้าตำรวจ 2 นาย ไม่ขอโทษ แสดงว่าไม่ยอมรับว่าตนเองผิด ก็ต้องให้ศาลตัดสิน ความจริงตำรวจทั้ง 2 นาย รู้อยู่แก่ใจว่า ปัญหาเกิดจากตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ เป็นต้นเหตุ การสกัดจับไม่มีเหตุต้องไปยืนกลางถนน รูปแบบการจับมีมากมาย ขนาดการออกใบสั่งตำรวจยังสามารถส่งไปที่บ้านได้ อย่างไรก็ตาม ทนายเกิดผล ถามว่า ตำรวจถูกรถชนขณะปฏิบัติหน้าที่ได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง แต่ถ้าชาวบ้านประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ขณะที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ชาวบ้านจะได้อะไร สิ่งที่สังคมสงสัยก็คือตำรวจทำเหมาะสมหรือไม่ แต่ตำรวจทำเป็นนิ่งเฉยไม่ขอโทษ แสดงว่าตำรวจไม่รับผิด ดังนั้นศาลจะพิพากษาตำรวจเองว่า ผิดหรือไม่ผิด

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ