18 ชม.สยบ! หนุ่มคลั่งแย่งปืนยิงตร. มีดฟันผู้ใหญ่บ้าน น้าเผยหลานหลอนเล่นยา 10 ปี (คลิป)

จากกรณี พ.ต.อ.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน ผกก.สส.กก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฎิบัตการพิเศษ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คีรีรัฐนิคม ปิดล้อมบ้านเลขที่ 8 หมู่ 9 ต.ท่าขนอน อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อจับกุมนายสมเกียรติ สุปันตี อายุ 45 ปี เจ้าของบ้านที่มีอาการคลั่งจากการเสพยาเสพติด ทำร้ายเจ้าหน้าที่ และผู้ใหญ่บ้านจนได้รับบาดเจ็บนั้น

ล่าสุดวันที่ 16 ก.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่มายังจุดเกิดเหตุ ที่บ้านของนายสมเกียรติ ผู้ก่อเหตุ สภาพบ้านเป็นบ้านชั้นเดียวยกสูง ตัวบ้านห่างจากถนนเส้นหลัก 50 เมตร ที่บ้านปิดประตูไว้ ไม่มีคนอยู่ในบ้านแม้แต่คนเดียว

นายสำเริง สมบุญ น้าของผู้ก่อเหตุและเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 15 ก.ย.63 ที่ผ่านมา นายสมเกียรติ ผู้ก่อเหตุ ได้ก่อเหตุชิงรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านคนหนึ่งจากร้านซ่อมรถในหมู่บ้าน

จากนั้นชาวบ้านที่เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ จึงได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมผู้ใหญ่บ้านและติดตามมาที่บ้านเกิดเหตุ จนทำให้นายสมเกียรติ มีอาการไม่พอใจ ซึ่งนายสมเกียรติคิดว่ารถจักรยานยนต์ ที่เอามาจากร้านซ่อมนั้นเป็นรถของตัวเอง

ทำให้ นายสมเกียรติ คลั่งใช้มีดพร้าฟันนายสมศักดิ์ วิมัติ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งผู้ใหญ่บ้านสมศักดิ์ ถูกมีดพร้าฟันเข้าที่โหนกแก้มด้านขวา และข้อมือขวาจนได้รับบาดเจ็บ ระหว่างที่โดนฟัน นายสมเกียรติได้แย่งปืนที่ผู้ใหญ่บ้านพกติดเอวไปด้วยด้วย ทำให้ทุกคนต้องหนีเอาตัวรอด

หลังจากฟันทำร้ายร่างกายผู้ใหญ่บ้าน และแย่งปืนผู้ใหญ่บ้านได้สำเร็จ นายสมเกียรติยังได้ขึ้นไปขับรถกระบะของเจ้าหน้าที่ตำรวจออกไปจากบ้านที่เกิดเหตุ และขับรถกระบะไปซื้อเหล้าดื่มที่ร้านค้าในหมู่บ้าน ซึ่งตอนนั้นชาวบ้านในหมู่บ้านก็พอรู้ข่าวแล้ว ว่าชายที่ขับรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นเป็นนายสมเกียรติ และทุกคนก็ต่างพากันเฝ้าระวังอันตราย

ต่อมาเวลาประมาณ 08.00 น.วันที่ 16 ก.ย.63 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คีรีรัฐนิคม สุราษฎร์ธานี ได้เข้าเจรจากับนายสมเกียรติอีกครั้ง แต่กลับถูกนายสมเกียรติ ใช้ปืนที่แย่งมายิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมทำลายรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จอดขวางบริเวณทางเข้าบ้าน

จนเวลาประมาณ 10.00 น. นายสมเกียรติ ลดอาการคลั่งลง เจ้าหน้าที่จึงวางแผนหลอกล่อให้คนร้ายวางปืนและมีดพร้าไว้ในรถยนต์กระบะที่แย่งไป ซึ่งจอดอยู่หน้าบ้านคนร้าย ก่อนจะให้ตำรวจนายอื่นถอยออกห่าง ชวนให้คนร้ายเดินมาคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นเจ้าหน้าที่เข้าไปแอบขับรถยนต์ที่มีทั้งมีดพร้าและปืนออกจากบ้าน พร้อมกับให้ญาติไปเกลี้ยกล่อมนายสมเกียรติ และควบคุมตัวได้สำเร็จ ใช้เวลาติดตามเฝ้าระวัง และปิดล้อมประมาณ 18 ชั่วโมง

ทั้งนี้ ตนเป็นน้าของผู้ก่อเหตุ ตอนที่เกิดเหตุตนก็อยู่ในเหตุการณ์ แต่ตนไม่กลัวอันตรายเนื่องจากตนสวมเสื้อเกราะป้องกันอันตราย สาเหตุที่นายสมเกียรติ ก่อเหตุในครั้งนี้ ตนก็คิดว่าน่าจะมาจากอาการหลอนยาเสพติด โดยหลานชายตนเสพยามาเป็นเวลา 10 กว่าปีแล้ว

สำหรับนายสมเกียรติ อาศัยอยู่ในบ้านกับภรรยาและลูก พ่อแม่นายสมเกียรติเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ตนและทางด้านญาติก็ยืนยันว่าจะไม่ประกันตัวหลานชาย อยากให้รับโทษในสิ่งที่ทำ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนคิดว่าผู้ใหญ่บ้านที่บาดเจ็บ เขาคงไม่เอาเรื่องหลานชาย เนื่องจากล้วนแต่เป็นญาติกันทั้งหมด สำหรับนายสมเกียรติ นี่ไม่ใช่อาการหลอนยาครั้งแรก ที่ผ่านมาเวลาเขาหลอนยาเขาก็จะคลั่ง และทำร้ายร่างกายคนในครอบครัว 

ส่วนความคืบหน้าทางคดี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา นายสมเกียรติ 4 ข้อหา ได้แก่ พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน, ชิงทรัพย์, ลักทรัพย์ และเสพยาเสพติด พร้อมนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย

นายสมศักดิ์ วิมัติ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ต.ท่าขนอน อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ฯ ที่บาดเจ็บ ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนเกิดเหตุช่วงเย็นของวันที่ 15 ก.ย.63 ตนตั้งใจจะไปเดินบอกชาวบ้านในหมู่บ้านว่าให้ระวังนกเขา ให้ดูนกเขาดี ๆ เดียวนายสมเกียรติจะหลอนยา แล้วมาขโมยนกเขาของชาวบ้าน

ในระหว่างที่ตนเดินทางกลับบ้าน ตนมาเจอนายสมเกียรติโดยบังเอิญ แต่จังหวะนั้นตนยังไม่ได้พูดคุยกัน นายสมเกียรติก็ได้ใช้มีดพร้ามาฟันตนตอนที่ตนบังเอิญ ทำให้ตนได้รับบาดเจ็บที่โหนกแก้มด้านขวา และข้อมือขวา เย็บทั้งหมด 10 เข็ม ระหว่างที่ตนโดนฟัน นายสมเกียรติได้วิ่งเข้ามาแย่งปืนตน พร้อมกับกราดยิงข่มขู่ จนตนและเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องวิ่งหนี หลังจากเกิดเหตุตนได้ไปรักษาตัว และทำแผลที่โรงพยาบาล จึงไม่รู้ว่าเหตุการณ์หลังจากนี้เกิดขึ้นอีก

ผู้ใหญ่บ้านเล่าต่อว่า นี่ไม่ใช่ครั้งเแรกที่นายสมเกียรติทำร้ายร่างกายตน ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 สัปดาห์ตนก็เคยถูกเขาเอามีดไล่แทงมาแล้ว แต่ทั้งนี้ก่อนหน้าที่นายสมเกียรติ จะเสพยาเสพติดเขาเป็นคนนิสัยดี ทำมาหากิน พอเขาเสพยาเขาก็นิสัยเปลี่ยน ทำร้ายคนในครอบครัว จนตอนนี้ไม่มีใครกล้าอยู่บ้านกับเขาแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนก็ไม่ติดใจ หรือโกรธแค้นหลานชาย วันนี้ตนเจอหลานชายที่โรงพัก หลานชายก็ยังกล่าวขอโทษ และตนก็ให้อภัยหลานชายด้วย