เมื่อวันที่ 16 ก.ย.63 เวลา 08.00 น. ร.ต.ท.ปฎิพล พร้อมเกตุ รองสารวัตรสอบสวน สภ.คูคต ได้รับแจ้งเหตุรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอน หมายเลขทะเบียน นค 5455 นครปฐม รถตู้รับส่งนักเรียน โดยมีนักเรียนเต็มคันรถ ชน ด.ช.ภัทรวีร์ โกสุมภ์ อายุ 14 ปี เด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านอำเภอธัญบุรี เสียชีวิตบริเวณถนนเลียบคลองสาม เทศบาลเมืองลาดสวาย ม.15 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี สภาพศพสวมใส่ชุดนักเรียนกางเกงขาสั้น สวมรองเท้าผ้าใบ พร้อมกระเป๋านักเรียน นอนหงายจมกองเลือด กะโหลกแตก
จากการตรวจสอบเบื้องต้น คนขับรถตู้มองไม่เห็นเด็กชาย ในตอนแรกคิดว่าชนเข้ากับเสาไฟฟ้า ความเสียหายของรถตู้ ได้แก่ กระจกฝั่งซ้ายคนนั่งมีรอยแตก รวมถึงไฟด้านหน้าฝั่งซ้ายที่มีรอยแตกยุบ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญคนขับรถตู้ไปให้ปากคำเพี่มเติมที่ สภ.คูคต แล้ว เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตในครั้งนี้อย่างละเอียด
ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุบริเวณซอยสุนันท์ ม.15 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พบเป็นถนนเลียบคลองลำลูกกาคลอง 3 มีเลน 2 เลน จุดเกิดเหตุเป็นทาง 3 แยก โดยเด็กชายถูกรถตู้รับส่งนักเรียนชนที่หัวมุมถนนข้างเสาไฟฟ้า แล้วถูกเกี่ยวลากไปกว่า 5 เมตร ก่อนจะถูกล้อรถทับศีรษะบริเวณริมกำแพงหน้าบ้านหลังหนึ่งขณะที่กำลังรอที่จะเดินข้ามไปร้านสะดวกซื้อ
ทีมข่าวได้พูดคุยสอบถามชาวบ้านผู้เห็นเหตุการณ์ที่อาศัยอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ เล่าว่า เหตุเกิดในช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.30 น. ขณะที่เด็กชายจะเดินมาร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเด็กชายคนนี้เป็นคนในพื้นที่ ชาวบ้านบริเวณนี้ต่างคุ้นหน้ากันดี เนื่องจากมักจะเดินมาซื้อขนมภายในร้านสะดวกซื้ออยู่บ่อย ๆ
โดยบางครั้งก็มักจะจูงน้องชายมาด้วย ชาวบ้านก็ได้ยินเสียงดังโครม คล้ายเสียงรถชนกัน เมื่อตนหันไปดูก็พบว่ารถตู้รับส่งนักเรียนคันดังกล่าวชนเข้ากับเด็กชายบริเวณริมรั้วบ้าน เด็กชายล้มจนกระเป๋าเป้สะพายหลังหลุดออก แล้วลากเด็กชายไปไกลกว่า 5 เมตร ก่อนจะทับศีรษะเด็กชายจนกะโหลกแตกเห็นสมอง มีรอยล้อรถติดอยู่บนใบหน้า จากนั้นรถตู้ก็ได้ขับต่อไปไกลกว่า 100 เมตร
เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ชางบ้านต่างช็อกไปตาม ๆ กัน แต่เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุที่ยังคงมีสติอยู่ ก็ได้ยืมรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านขับตามไปบอกให้คนขับรถตู้จอดรถ เพื่อแจ้งว่ารถตู้ขับทับเด็ก โดยคนขับรถตู้ตอบกลับมาว่า "ผมไม่ได้หนีครับ ผมหาที่จอดรถ"
ทั้งนี้ตนและชาวบ้านคิดว่าคนขับรถตู้รู้ตัวว่าก่อเหตุ แต่มีเจตนาที่จะขับรถหนี เนื่องจากไม่จอดรถลงมาดูเหตุการณ์ในทันที ทั้ง ๆ ที่รถติด ทำไมถึงต้องขับไปจอดไกลห่างจากที่เกิดเหตุ อีกทั้งคนขับรถตู้คนนี้ยังเป็นที่รู้กันดีของชาวบ้านว่า ชอบขับรถเร็วทั้ง ๆ ที่รถติดและยังชอบขับปาดคนอื่น
สำหรับแยกนี้มักจะเกิดอุบัติเหตุบ่อย แต่อุบัติเหตุถึงขั้นเสียชีวิตเพิ่งจะเป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกรถจักรยานยนต์ชนและกระเด็นเสียชีวิต ตนสงสารเด็กชายที่เสียชีวิต เนื่องจากหลังเกิดเหตุ เด็กชายยังคงหายใจรวยรินอยู่ประมาณ 5 นาที ก่อนจะสิ้นใจโดยที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังไม่ทันได้ช่วยเหลืออะไร
ขณะเดียวกัน น.ส.อรอุษา ทองแกม อายุ 35 ปี แม่เด็กชายวัย 14 ปี ผู้เสียชีวิต ที่ยังคงอยู่ในภาวะโศกเศร้าก็ได้เดินทางมายังโรงพยาบาล เพื่อเร่งดำเนินการรับศพลูกชายเดินทางกลับจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนา
น.ส.อรอุษา กล่าวว่า ตนมีลูกชาย 3 คนกับสามีเก่า โดยขณะนี้ตนและสามีใหม่อาศัยอยู่กับลูกชาย 3 คน ซึ่งสามีใหม่ก็รักลูกทั้ง 3 คนของตนเหมือนลูกแท้ ๆ โดยในช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.20 น. ลูกชายตนได้มาสะกิดขาตน บอกว่า "แม่ ผมออกไปโรงเรียนแล้วนะ เดี๋ยวผมไปส่งน้องเอง" แต่ตนบอกกลับไปว่า "เดี๋ยวแม่ไปส่งเอง" แล้วได้ส่งเงินให้ลูกชาย 70 บาทเป็นค่าขนม ก่อนที่ลูกชายของตนจะเดินออกไปร้านสะดวกซื้อตรงที่เกิดเหตุ เพื่อรอให้เพื่อนมารับไปโรงเรียน
ถัดมา 10 นาทีให้หลัง 06.30 น. ตนก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากบ้าน ซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร เพื่อไปส่งลูกชายคนกลางไปโรงเรียน โดยตนได้ขับรถผ่านที่เกิดเหตุ แล้วเหลือบไปเห็นร่างเด็กชายกับกองเลือด เมื่อสังเกตดูดี ๆ แล้วพบว่าเป็นลูกชายคนโตของตน นาทีนั้นตนทำอะไรไม่ถูก รีบจอดรถแล้ววิ่งไปหาร่างของลูกชายที่นอนนิ่งอยู่ ตนจับตัวลูกชายพลิกขึ้น มือตนเต็มไปด้วยเลือด ตนได้แต่ร้องไห้ ส่วนลูกชายคนกลางก็ได้แต่ร้องไห้ที่เห็นพี่ชายเสียชีวิตเช่นกัน โดยสิ่งที่ตนสะเทือนใจก็คือลูกชายนอนตายตาไม่หลับ
ตนเสียใจมาก ลูกชายตนเคยหนีออกจากบ้านไปอยู่บ้านเพื่อน แต่ขณะนี้ลูกชายตนกำลังปรับตัวจากเด็กเกเรเป็นเด็กดี กำลังโต ช่วยตนเลี้ยงดูแลน้อง ๆ เวลาตนทำงานกลับบ้านดึก ครอบครัวของตนกำลังอบอุ่นกำลังมีความสุข โดยก่อนหน้านี้ประมาณ 1 สัปดาห์ แม่ของตนได้ทักว่าให้หลานไปทำบุญเพราะจะมีเคราะห์ แต่ตนยังไม่มีเวลาพาลูกชายไปทำบุญ เสียใจที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเสียก่อน
น.ส.อรอุษา บอกว่า ตนเสียลูกชาย ตนก็เสียใจมากพอแล้ว แต่ตนไม่เห็นความรับผิดชอบของคนขับรถตู้แม้แต่น้อย โดยขณะที่ตนอยู่ในที่เกิดเหตุ คนขับรถตู้ไม่เดินมาดูศพลูกของตนหรือเดินมาขอโทษตนแม้แต่ครั้งเดียว อีกทั้งยังต้องให้เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุขี่รถจักรยานยนต์ไปดักตัวไว้ เนื่องจากคนขับมีทีท่าชนแล้วหนี
ทั้งนี้ในตอนแรกคนขับรถตู้บอกเล่าเหตุการณ์กับชาวบ้านว่าไม่ได้ชนเด็ก คิดว่าชนเสาไฟฟ้า เลยขับรถตู้ต่อไป สักพักคนขับรถตู้ก็บอกใหม่ว่าขับรถเฉี่ยวเด็ก ไม่ได้ขับรถทับศีรษะเด็ก ตนจึงสงสัยว่าถ้าเฉี่ยวแล้วทำไมไม่ลงมาดู ถ้าแค่เฉี่ยว ลูกชายตนจะเสียชีวิตได้อย่างไร อีกทั้งคนขับรถตู้ยังให้การวกไปวนมา ขับมาทางตรงบ้าง ขับมาทางเลี้ยวบ้าง ตนไม่เชื่อเด็ดขาดว่าคนขับมองไม่เห็นลูกชายของตน เนื่องจากลูกชายตนมีลักษณะผอม สูง 175 เซนติเมตร ตนอยากจะถามคนขับรถตู้ว่าขับรถส่งเด็กนักเรียน ทำไมถึงขับรถแบบนี้ ทำไมถึงขับกินเส้นขาวจนเกิดเหตุสลด
ตนเลี้ยงลูกมาตัวคนเดียว ตนรักลูกของตน แต่ตนไม่เห็นความรับผิดชอบของคนขับรถตู้เลย หรือเป็นเพราะคนขับเป็นคนมีสี จึงไม่สนใจใยดีชาวบ้าน สิ่งที่ตนต้องการในขณะนี้คืออยากให้คนขับรถตู้ทำสิ่งที่ถูกต้อง ที่สำคัญต้องกล้าที่จะพูดความจริง พูดแทนคนตายที่พูดไม่ได้
ทีมข่าวได้ติดต่อไปยังนายเจ (นามสมมติ) คนขับรถตู้คันดังกล่าว เพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เล่าว่า ในช่วงเช้าตนขับรถมาในทางตรงผ่านจุดเกิดเหตุด้วยความเร็ว 40-50 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งตนไม่สังเกตเห็นเด็กชายที่ยืนอยู่ข้างเสาไฟฟ้า ในจังหวะนั้นด้วยสภาพพื้นที่อาจจะเอียงไปทางซ้าย สภาพรถตู้ที่เก่าและน้ำหนักของเด็กที่โดยสารมากับรถ ทำให้รถตู้ค่อนข้างจะเอียงไปทางซ้าย จึงทำให้ตนชนเข้ากับเด็กชาย
ทั้งนี้ตนยืนยันว่าไม่ได้คิดจะหนี แต่ในตอนแรกตนคิดว่าตนชนเข้ากับเสาไฟฟ้า จึงได้ขับเลยที่เกิดเหตุไปประมาณ 100 เมตร เพื่อที่จะได้จอดรถในลานโล่งไม่กีดขวางการจราจร แล้วตั้งใจจะลงมาดูสภาพรถ แต่ในขณะนั้นมีคนขับรถจักรยานยนต์มาบอกตอนว่า ตนขับรถทับเด็กเสียชีวิต ทำให้ตนตกใจมาก ตนได้เข้าไปดูที่เกิดเหตุ แต่ตนไม่ได้คุยกับแม่เด็ก เนื่องจากคนมุ่งดูเหตุการณ์จำนวนมาก ตนไม่รู้ว่าแม่เด็กคือคนไหน แต่ก่อนกลับตนได้ขอโทษครอบครัวเด็กแล้ว ทั้งแม่ พ่อ และน้องชายเด็ก ตนสำนึกผิดและยอมรับผิดทุกอย่าง ขอโทษในสิ่งที่ทำ จากนี้จะเข้าไปพูดคุยกับครอบครัวเด็กอีกครั้งเพื่อช่วยเหลือเยียวยาต่อไป
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.คูคต ได้สอบปากคำคนขับรถตู้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยคนขับรถตู้ให้การว่ามองไม่เห็นเด็กชาย และขณะนั้นรถตู้เกิดเสียหลัก คาดว่าเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย