กรณีนางเล็ก (นามสมมติ) อายุ 59 ปี แม่ค้าขายผลไม้ในตลาดอ่างทอง พาน้องหนึ่ง (นามสมมติ) วัย 16 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดอ่างทอง เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอ่างทอง หลังน้องหนึ่งถูกนายภีม (นามสมมติ) อายุ 25 ปี เพื่อนรุ่นน้องของบิดาน้องหนึ่ง ล่อลวงขึ้นรถจักรยานยนต์ ก่อนขี่รถเล่นไปตามถนนสายโพธิ์พระยา-ท่าเรือ จากอ่างทองมุ่งหน้าไปที่ อ.วิเศษชัยชาญ
จากนั้นพาน้องหนึ่งเข้าโรงแรมในตัวอำเภอวิเศษชัยชาญ ก่อนจะทำอานาจารด้วยการจับหน้าอก และจูบปาก รวมถึงพยายามที่จะข่มขืน แต่น้องหนึ่งไม่ยอม ก่อนที่จะนำตัวน้องหนึ่งมาส่งไว้ที่ตลาดอ่างทอง และนำเรื่องที่เกิดขึ้นมาเล่าให้กับนางเล็ก และพากันมาแจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดีกับนายภีม ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 15 ก.ย.63 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านของนายภีม เปิดเผยว่า รู้สึกงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 13 ก.ย.63 ที่ผ่านมา น้องหนึ่งแชตข้อความมาชวนให้ไปรับขี่รถเล่น เนื่องจากมีปัญหากับทางครอบครัว ไม่อยากอยู่บ้าน ตนจึงขี่รถไปรับที่บริเวณตลาดอ่างทอง ก่อนที่จะพาขับรถไปเรื่อย ๆ จนถึงตลาดวิเศษชัยชาญ
ในระหว่างทาง น้องหนึ่งก็วิดีโอคอลคุยกับเพื่อนตลอดเวลา พอมาถึงบริเวณหน้าโรงแรมที่วิเศษชัยชาญ น้องหนึ่งบอกว่าจะต้องรอเพื่อนก่อน เนื่องจากเพื่อนอยู่กับแฟน ตนจึงถามว่าจะไปรอที่ไหน ถ้าอย่างนั้นพักรอที่โรงแรมก่อนดีไหม ซึ่งน้องหนึ่งก็ไม่ได้ว่าอะไร จึงเลี้ยวรถเข้าไป
หากตนบังคับน้องหนึ่ง ก็ต้องขัดขืนหรือวิ่งหนี แต่เพราะว่าไม่ได้เจตนาที่จะทำอะไร น้องจึงไม่ได้คิดอะไร พอเข้าไปอยู่ในห้องก็ต่างคนต่างอยู่ น้องหนึ่งก็คุยกับเพื่อนตลอด กระทั่งน้องหนึ่งบอกว่าจะยืมรถหาเพื่อน ตนจึงบอกว่าให้กลับไปที่ตลาดอ่างทองดีกว่า เนื่องจากตนก็เป็นห่วง ก่อนที่จะขี่รถกันออกมา ยืนยันว่าไม่ได้ล่วงละเมิดหรือทำอนาจารใด ๆ
ส่วนตัวก็คุยกับน้องหนึ่งมาได้หลายเดือนแล้ว เพราะรู้จักกันทั้งพ่อและแม่ของน้องหนึ่ง ซึ่งถูกขังอยู่ โดยก่อนหน้านี้น้องหนึ่งมีปัญหากับเพื่อน ตนก็บอกว่ามีอะไรให้ทักมาบอก เพราะเห็นเป็นน้องในตลาดเดียวกัน และก็เคยยืมรถจักรยานยนต์ไปขี่เล่นหลายครั้ง ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะเป็นเช่นนี้ แต่ตนก็พร้อมที่จะต่อสู้คดี เพราะตนไม่ได้ทำจริง ๆ
ขณะที่น้อง บ. แฟนสาวของนายภีม อยากให้เจ้าหน้าที่ให้ความเป็นธรรมด้วย เพราะเท่าที่คบกับนายภีมมารู้เรื่องดังกล่าวมาตลอดว่าน้องหนึ่งรู้จักกับนายภีม และเชื่อว่านายภีมไม่ใช่คนเช่นนี้จึงอยากให้ฟังความทั้งสองด้าน และให้ความเป็นธรรมด้วย ตอนนี้ครอบครัวของนายภีมรู้สึกเครียดเป็นอย่างมากที่ต้องเป็นจำเลยของสังคม
