ลุงพลพร้อมอภัยอัจฉริยะถ้าขอขมาออกสื่อ พยานพรึ่บพร้อมสู้คดีถ้าเกมพลิก (คลิป)

13 ก.ย. 63

กรณีนายไชย์พล วิภา และนางสมพร หลาบโพธิ์ ลุงกับป้าของน้องชมพู่ เดินทางเข้าพบทนายตั้ม เนื่องจากไม่อยากให้ผู้อื่น โดนแบบเดียวกันกับเจ้าตัว เนื่องจากกรณีที่มีการไลฟ์สดพูดเกี่ยวกับหนี้ธนาคารและไฟแนนซ์ จนมีคนมาทวงหนี้ถึงที่บ้าน ทั้งที่ไม่เป็นความจริง

คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่  

733310

ทนายตั้มก็แนะนำให้ดำเนินการฟ้องศาล เนื่องจากลุงพลได้รับผลกระทบทางจิตใจ จากการที่มีคนมาพูดใส่ความลอย ๆ ทั้งที่ไม่เป็นความจริง ทำให้รู้สึกแย่ขึ้นไปอีก เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นที่บ้านก็แย่พอสมควร แต่กลับต้องมาเจอคำพูดอะไรแบบนี้อีก

ลุงพล บอกว่า ถ้าถามว่าตนกลัวไหมที่จะถูกฟ้องกลับ ตนไม่กลัว เนื่องจากตนไม่มีอะไรให้ฟ้องกลับ และตนไม่ได้เป็นคนที่เริ่มก่อน ส่วนทางด้านคดีน้องชมพู่ ตนก็ไม่ได้มีความกังวล ปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ ส่วนเรื่องการบริจาคเงิน ค่ารางวัลนำจับเพิ่มเกี่ยวกับคดีน้องชมพู่ ยืนยันว่าไม่มี

185077

นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล เปิดใจว่า ตนไม่อยากจะไปฟ้องนายอัจฉริยะ หากจะออกมาขอโทษก็ยินดี จะยกโทษให้ ไม่ฟ้องร้อง แค่อยากจะให้สังคมรับรู้เรื่องจริง ไม่อยากให้เรื่องที่ออกสื่อไปทำให้ตนและป้าแต๋นเสียหาย ส่วนตัวไม่ได้กลัวว่าจะตกเป็นเครื่องมือ เพราะเห็นผลงานของทั้ง 2 ฝ่ายว่าทำงานกันอย่างไร และไม่คิดว่า ทั้ง 2 ฝ่ายจะนำเรื่องนี้เพื่อมาเล่นงานกัน เป็นเรื่องที่ทนายแต่ละฝ่ายจะต้องทำหน้าที่ เป็นเรื่องของตน ไม่น่าจะไปเกี่ยวข้องกัน

437150

สำหรับเรื่องกระแสแบนลุงพล ตนก็ไม่อยากจะไปตอบโต้ใคร อยากให้ทุกคนเข้าใจว่า เหมือนตนไปทำงาน เคยกรีดยางรับจ้างในไร่แถวบ้าน เปลี่ยนมาทำงานในเมืองบ้าง อยากฝากบอกคนที่คิดต่าง อยากให้ทุกคนดูข่าวสาร อยากให้ดูสิ่งที่ตนกับป้าแต๋นทำให้หลานสาว

ส่วนล่าสุดที่มีคนมอบเงินสมทบ 5 หมื่นบาท เป็นรางวัลนำจับคนร้ายคดีน้องชมพู่  จะช่วยให้จับคนร้ายได้เร็วขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะตนแค่รอว่า เมื่อไร่ที่ตำรวจจะออกมาพูดว่าคดีไปถึงไหนแล้ว เพราะตนก็ไม่รู้ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่

ทั้งนี้รู้สึกดีใจที่มีคนใจบุญ ร่วมมอบเงินสมทบ ผ่านสารวัตรแรมโบ้อีก 5 หมื่นบาท เพื่อที่จะช่วยติดตามคนร้ายในคดีน้องชมพู่ อยากขอบคุณคนที่เข้ามาช่วย เป็นสิ่งที่ตนกับป้าแต๋นพยายามทำมาตลอด เพื่อที่จะติดตามหาคนร้ายที่ทำร้ายน้องชมพู่ อยากขอบคุณที่เห็นชีวิตของน้องชมพู่มีค่า อยากขอบคุณและเชื่อว่าจะเป็นบุญอันยิ่งใหญ่ของคนมอบเงินสมทบรางวัลนำจับ

944098

ทั้งนี้แฟนเพจเฟซบุ๊ก ชมรมช่วยเหลืออาชญากรรม ได้โพสต์ข้อความว่า ชมรมพร้อมที่คนดังคดีน้องชมพู่จะฟ้องหมิ่นประมาท พร้อมกับท้าอีกว่า อย่าช้า ไม่ใช่ดังแล้วจะทำอะไรก็ได้ แตะไม่ได้ กฎแห่งกรรมมีจริง แต่ภายหลังข้อความดังกล่าวกลับถูกลบออกไปเรียบร้อยแล้ว 

305675

พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช ฉายาสารวัตรแรมโบ้ อดีตผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ และอดีตสารวัตรกองปราบนครบาล เปิดเผยว่า เรื่องที่หลายคนออกมามอบเงินส่วนตัวเป็นรางวัลนำจับ ให้กับคนที่แจ้งเบาะแสคดีน้องชมพู่ เพราะเชื่อว่าถ้าได้เงินแสน หรือเงินหลักล้านบาท จะช่วยให้จับคนร้ายได้เร็วขึ้นแน่นอน

575391161168

สารวัตรแรมโบ้ เปิดเผยว่า นายชัยวัฒน์ เจ้าของธุรกิจขายของเบ็ดเตล็ด ขายกาแฟน้ำดื่มอาหารแห้ง ได้มอบเงิน 5 หมื่นบาท สมทบรางวัลนำจับคนร้ายในคดีน้องชมพู่อีกด้วย และมอบให้พลเมืองดีที่มาให้ข้อมูล เพื่อชี้ช่องให้ตำรวจสามารถจับคนร้ายมาลงโทษได้ จึงประสานและติดต่อมาทางตนเองว่า ขอมอบเงินช่วยเหลือ

496985

ส่วนกรณีที่นางเทียนสมัย หรือยายอ้อน ชาวบ้านภูกะโล้น ออกมาตั้งข้อสังเกตกรณีตำแหน่งการนั่งในรถกระบะของลุงพล หลังส่งพระครูบารัตน์เสร็จ มีการเว้นเบาะที่นั่ง โดยสงสัยว่ามีอะไรวางหรือนั่งอยู่นั้น

118361

ทีมข่าวได้คุยกับ นายม็อค (นามสมมติ) พยายลุงพล ในฐานะบุคคลที่อยู่ในรถวันที่ไปส่งพระครูบารัตน์ เปิดเผยว่า ในรถกระบะลุงพล ไม่ได้มีการเว้นเบาะหน้าข้างคนขับเอาไว้ตามที่ชาวบ้านให้สัมภาษณ์ โดยหลังจากส่งพระเสร็จมีป้าแต๋น ย้ายจากนั่งข้างหลัง มานั่งด้านหน้า แล้วลุงพลได้ลงไปย้ายกระสอบข่าวที่พระอธิการบุญมามอบให้ลุงพล ยกจากหลังกระบะมาไว้ในรถ เพราะว่าตอนกลับออกจากวัดฝนตก กลัวว่าข้าวจะเปียก

563403

ทีมข่าวเดินทางไปที่วัดภูกะโล้น จ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นที่พักสงฆ์ของพระสุรัตน์ ถิรวชิโร หรือครูบารัตน์ โดยครูบารัตน์ เปิดเผยว่า วันที่ 11 พ.ค.63 นายไชยพล หรือลุงพล มารับตนที่วัดภูผาแอก ได้มาจอดกระบะที่หน้าศาล ก่อนเข้ามากราบพระ โดยไม่มีการยกของลง แต่มีเพียงการยกของขึ้นรถ เพราะตนมีบาตรพระ กลดพระ ถุงใส่สบูยาสีฟันและผงซักฟอก และมีข้าวสารที่ได้รับจากพระอธิการบุญมา 1 กระสอบ หลังจากนั้นลุงพล ก็ยกขึ้นรถ ก่อนขับไปในหมู่บ้าน เพื่อรับป้าแต๋น นายม็อค และป้าถอน เดินทางมาส่งอาตมาที่วัดภูกะโล้น

644257670453

ส่วนที่ตำรวจสงสัยว่าในรถ มีน้องชมพู่ขึ้นมาด้วยนั้น อาตมายืนยันว่าในรถไม่มีเด็กขึ้นมา มีแต่กลุ่มชาวบ้านและลุงพล ที่มาส่งอาตมาเท่านั้น ประกอบกับระหว่างทางมีการพูดคุยกัน เกี่ยวกับการหายตัวไปของน้องชม และยังมีสายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาทำนองว่า “เอาชมพู่ไปด้วยไหม” อาตมาขอยืนยันว่า ไม่มีน้องชมพู่อยู่ภายในรถ แล้วทุกคนก็พร้อมแลกเปลี่ยนกันว่า “เด็กแค่ 3 ขวบ คงไปไหนไม่ไกล อาจเล่นแถวละแวกบ้าน แล้วเผลอหลับก็ได้” หลังจากลุงพลส่งอาตมาเสร็จ ก็รีบกลับไปบ้านกกกอกทันที

606467840103

ส่วนล่าสุดที่มีกระแสว่า ตำรวจเตรียมสรุปคดี “ชมพู่ตายโดยไม่มีคนร้าย แต่เป็นการตายผิดธรรมชาติ” นั้น พระครูบารัตน์ บอกว่า ในมุมหนึ่งก็มองว่าดี คดีจะได้ไม่วุ่นวาย และไม่สร้างความแตกแยกไปมากกว่านี้ แต่ขอให้ตำรวจได้ชี้แจ้ง และให้ความเป็นธรรม ให้ความเห็นใจครอบครัวผู้สูญเสีย เพราะเนื่องจากยังคงติดใจและสงสัยการตายของลูกสาว ดังนั้นตำรวจก็ต้องมีการชี้แจงและอธิบายเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจน ประกอบกับต้องให้คนที่เคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยทั้งหมด มีการออกมาแสดงความบริสุทธิ์ ไม่เช่นนั้นสังคมก็ยังบอกว่า คนในหมู่บ้านรวมถึงคนที่เป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการตายของน้องชมพู่หรือไม่

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส