แม่เป็นลมข้างโลงเห็นศพลูกสาวถูกผัวฆ่า ลั่นห้ามตั้งศพคู่หลังผัวผูกคอตาย (คลิป)

10 ก.ย. 63

จากกรณี ตำรวจสภ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบศพชาย-หญิง เสียชีวิตปริศนาอยู่ภายในรถกระบะยี่ห้อฟร์อด ทะเบียน 2 ฒภ 5233 กรุงเทพฯ ซึ่งจอดติดเครื่องอยู่ภายในป่ามันสำปะหลังบริเวณบ้านทุ่งคลอง ต.ทุ่งคลอง อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ ติดกับเทือกเขาภูพาน

504801863513

ตรวจสอบศพ นางสาวเมธาวี ทิพย์สุทธิ์ อายุ 20 ปี ตามร่างกายพบบาดแผลถูกของมีคมแทงที่บริเวณหน้าอกข้างซ้าย 3 แผล ทะลุถูกหัวใจ ศีรษะคลายถูกทุบ , ส่วนบริเวณประตูคนขับพบศพ นายธัญญรัตน์ บางสาลี อายุ 21 ปี ผูกคอตายอยู่ นั้น

วันที่ 10 ก.ย.63 ทีมข่าวเดินทางไปที่ บ้านเลขที่ 154 ม.3 ต.หลังเหลี่ยม อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของ นางสาวเมธาวี ทิพย์สุทธิ์ หรือเหมย อายุ 20 ปี โดยมีการตั้งโรงศพประดับดอกไม้ เอาไว้อยู่กลางบ้าน แต่ไม่ได้มีการนำโรงศพของฝ่ายชาย มาตั้งสวดอภิธรรมร่วมกัน ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยในวันพรุ่งนี้ จะทำพิธีฌาปนกิจศพ โดยญาติมีความเชื่อว่า การตายผิดธรรมชาติ แล้วจะกลับจะต้องมีการทำพิธีเผาโดยเร็วที่สุด

765595

น.ส.นุชรินทร์ ชูช้าง อายุ 43 ปี แม่ของน.ส.เมธาวี เปิดเผยว่า ลูกสาวได้อยู่กินกับนายกาย คนก่อเหตุ มานาน 3 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน 3 ขวบ 1 เดือน แต่ไม่ได้มีการแต่งงาน แค่พูดคุยระดับผู้ใหญ่ ผูกข้อไม้ข้อมือ จากนั้นทั้ง 2 คนได้เดินทางไปทำงานที่กรุงเทพฯ ตนเป็นคนเลี้ยงหลาน ซึ่งฝ่ายหญิงคือลูกสาว ทำงานเป็นพนักงานร้านอาหารญี่ปุ่น ส่วนฝ่ายชายหรือลูกเขย ทำงานบริษัทขนส่งกาแฟ ทั้งคู่ได้ไปเช่าห้องอยู่ที่กรุงเทพฯ ด้วยกัน แต่จะกลับมาบ้านเป็นบางครั้ง ซึ่งทุกครั้งที่กลับมาก็รักใคร่กันดี ไม่ได้มีอะไรผิดแปลก

กระทั่งวันที่ 30 ส.ค.63 ลูกสาวได้โทรบอกตนว่า “จะกลับบ้าน” ขอกลับไปที่ขนส่ง จองตั๋วรถโดยสาร แล้วกลับมาบ้านโดยทันที แต่ลูกสาวไม่ยอมบอกว่าเหตุผลอะไรถึงกลับบ้าน จากนั้นช่วงบ่ายของวันที่ 1 ก.ย.63 ฝ่ายชายได้ขับรถกระบะคันที่ก่อเหตุมาที่บ้าน แต่ตนก็ไม่เห็นว่าทั้งคู่จะมีปากเสียงหรือทะเลาะอะไรกัน หลังจากที่มาอยู่ด้วยกันที่บ้าน ก็ใช้ชีวิตตาม ไปวัด ไปทำบุญ ทำกับข้าว เลี้ยงลูก ซึ่งก็ไม่เห็นว่ามีปัญหาหรือทะเลาะอะไรกัน

524412

วันที่ 4 ก.ย.63 ฝ่ายชายเอารถกระบะมาจอดไว้ที่บ้าน อ้างว่าไม่สามารถเอาไปใช้ที่กรุงเทพฯ ได้ เพราะเนื่องจากไม่มีที่จอด จากนั้นก็ได้ให้ลูกสาวไปส่งขึ้นรถทัวร์กลับกรุงเทพฯ วันที่ 5 ก.ย.63 ฝ่ายชายกลับมาที่บ้านอีกครั้ง อ้างว่าเป็นวันหยุดชดเชยช่วงสงกรานต์ จึงกลับมาอยู่บ้านกับลูกกับเมีย จนถึงวันที่ 7 ก.ย.63 ฝ่ายชายครบกำหนดวันหยุด จึงเดินทางกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ

418138

วันที่ 8 ก.ย.63 ตอนตี 2 ฝ่ายชายนั่งรถตู้มาที่หน้าบ้านอีกครั้ง แล้วเข้าไปนอนคุยกับลูกสาว จนถึงเช้า ลักษณะคุยกันปกติ ไม่มีปากเสียงแต่อย่างใด ส่วนช่วงเย็นเห็นลูกสาวกับลูกชายทะเลาะกันบริเวณหน้าบ้าน ตนจึงได้บอกให้ไปคุยกันดี ๆ ในบ้าน ซึ่งทั้งคู่ก็เดินเข้าไปภายในบ้าน ตนก็เดินตามเข้าไปสอน แต่เป็นจังหวะเดียวกันกับที่มีโทรศัพท์จากชายปริศนาโทรเข้ามาที่เครื่องของลูกสาว แต่นายกาย เป็นคนรับสายแทน โดยปลายสายพูดทำนอง “รักเหมย ให้เมาเจอกันที่กรุงเทพฯ วันพุธนี้” หลังจากนั้นลูกชายกับลูกสาวก็ทะเลาะกัน เพราะสายปริศนา โดยลูกสาวบอกว่าเป็นเพื่อนสนิทโทรมาตามให้กลับไปทำงาน

cg_4

วันที่ 9 ก.ย.63 เชื่อว่าฝ่ายชายกับลูกสาวได้ปรับความเข้าใจกันแล้ว เพราะทั้งคู่อยู่ภายในห้อง ไม่ได้ออกไปไหน และไม่ได้ทะเลาะอะไรกันอีก ช่วงเช้ามืดฝ่ายชายได้ออกประตูหลังบ้าน พร้อมกับกุญแจรถกระบะ ตนตื่นขึ้นมาไม่เห็นรถ จึงสอบถามว่ารถไปไหน โดยลูกสาวตอบว่าฝ่ายชายขับกลับกรุงเทพฯ ไปทำงาน ด้วยความแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้ฝ่ายชาย อ้างว่ากรุงเทพฯ ไม่มีที่จอด แต่ทำไมถึงเอารถกลับไปด้วยในรอบนี้ จนถึงช่วงเกือบเที่ยง ลูกสาวได้ขออนุญาตออกไปกดเงิน โดยขี่รถจักรยานยนต์ออกไป เพราะก่อนที่ลูกสาวจะออกจากบ้าน ได้โทรหาฝ่ายชายว่าขับรถถึงไหนแล้ว ซึ่งฝ่ายชายบอกว่า มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ แล้ว จึงออกไปกดเงิน

491149

ทั้งนี้ตนไม่คิดว่าฝ่ายชายจะดักรออยู่ หลังจากลูกสาวออกจากบ้านไปกดเงิน เห็นว่าเวลาผ่านไปนานมาก ยายถามว่า “หลานไปไหน ทำไมนานจัง” ตนจึงได้กดโทรศัพท์โทรหา แต่ก็ไม่มีคนรับสาย จนมาทราบข่าวว่ารถมอเตอร์ไซค์ของลูกสาวถูกล็อกคอไว้ กุญแจอยู่ในตัวของลูกสาว จอดทิ้งไว้ข้างทาง แล้วพบศพลูกสาวอยู่ในรถกระบะ และฝ่ายชายผูกคอตายอยู่ข้างรถ

โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยอมรับว่ายากที่จะทำใจ แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะคนก่อเหตุก็ได้ตายตามกันไปแล้ว ดังนั้นก็ทำได้เพียงแค่อโหสิกรรม และก้มหน้าเลี้ยงหลานวัย 3 ขวบต่อไป แต่ในส่วนของพิธีสวดอภิธรรมศพ ตนได้ตกลงกับญาติแล้วว่าจะต้องแยกเผา แยกบำเพ็ญกุศลศพ เพราะถึงแม้จะเคยรักกัน แต่สุดท้ายฆ่ากันตายแบบนี้ ทางครอบครัวก็อยากจะให้จัดแยก

ส่วนกรณี ชายปริศนาปลายสาย ที่โทรเข้ามาแล้วอาจเป็นสาเหตุที่ลูกสาวต้องตาย ตนก็ไม่รู้ว่าจะโกรธอย่างไร เพราะไม่รู้ว่าเป็นใคร ประกอบกับลูกสาวยืนยันแล้วว่า เป็นเพื่อนสนิทโทรมาตามให้ไปทำงานที่กรุงเทพฯ 

763584

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวเดินทางไปที่ ม.3 ต.หลังเหลี่ยม อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ นายธัญญรัตน์ บางสาลี หรือกาย อายุ 21 ปี โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ซึ่งญาติจะมีพิธีฌาปนกิจศพในวันเสาร์ที่ 12 ก.ย.63 

842259

น.ส.นิตยา ประชานันท์ หรือหลิว อายุ 33 ปี อาของคนก่อเหตุ เปิดเผยว่า ครอบครัวไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างสลดใจ ยังคาดไม่ถึงว่าหลานชายจะไปก่อเหตุฆ่าแฟนสาว แล้วผูกคอตายตาม เพราะที่ผ่านมาก็ไม่ได้มาเล่าหรือระบายอะไรให้ฟัง ยังคงรักใคร่กันดีกับแฟนสาว เวลาที่อยู่กรุงเทพฯ ด้วยกัน ก็ขยันทำมาหากิน ไม่เคยเห็นมีปากเสียงกัน ส่วนนิสัยของหลานชาย ค่อนข้างเป็นคนเก็บกด ไม่ยอมเล่าอะไรให้ใครฟัง มีอะไรก็เก็บไปคิดเพียงคนเดียว จึงไม่รู้ว่าระยะหลัง มีเรื่องอะไรอยู่ในใจ

198046

แต่ก็มีวันหนึ่ง ประมาณ 2-3 วันก่อนเกิดเหตุ หลานชายโทรมาช่วงกลางดึก ลักษณะร้องไห้เสียใจ โทรปรึกษากับแม่ แต่ตนไม่รู้ว่าเรื่องอะไร จากนั้นก็ทราบข้อมูลจากกลุ่มเพื่อนว่า หลานชายของตนพยายามดูแชต Facebook ข้อความ LINE ของแฟนสาว เพื่อแอบส่งพฤติกรรม โดยระยะหลังยอมรับว่า มีการแอบสอดส่องมากขึ้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าไปทราบข้อมูลอะไรมา แต่ก็ยังยืนยันว่าไม่เคยมาเล่าอะไรให้คนในครอบครัวฟัง

ดังนั้นจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะเป็นครอบครัวของฝ่ายชายที่ไปก่อเหตุ แต่ก็ไม่รู้จะฝากขอโทษ หรือฝากอะไรไปถึงครอบครัวฝ่ายหญิง เพราะพ่อแม่หรือคนในครอบครัวไม่ทราบเหตุการณ์ครั้งนี้ ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร เป็นการตัดสินใจของหลานชายที่เชื่อว่ามีการเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี เนื่องจากมีการไปซื้อมีด ซึ่งค่อนข้างใหม่ ดังนั้นจึงเชื่อว่าอาจมีการวางแผนมาแล้ว

405098

ทีมข่าวได้เข้าไปดูใน Facebook ของคนตาย พบว่าเมื่อวันที่ 7 ก.ย. เวลา 12.45 น. น.ส.เหมย นายกาย ลูก 3 ขวบ และยาย ยังได้ทางไปทำบุญครอบครัวกัน พร้อมระบุข้อความว่า “ไปวัดในรอบปี” จากนั้น Facebook ก็ไม่มีความเคลื่อนไหว มีเพียงแต่เพื่อนมาร่วมแสดงความเสียใจไว้อาลัยเท่านั้น

994793859790

ขณะที่ Facebook ของฝ่ายชาย ไม่มีการลงข้อความหรือโพสต์ใด ๆ นอกจากแชร์รูปและข้อความจากแฟนเพจหนึ่ง และโพสต์เป็นภาพแมว กับใบกัญชา

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส