จากกรณีแฟนเพจ "อยากดังเดี๋ยวจัดให้ Travel" แชร์เรื่องสาวถูกข่มขืนรุมโทรม ถูกญาติฝ่ายชายทักมาขู่ บอกจะฟ้องกลับว่าสมยอมเอง ทั้งที่น้องอายุ 17 ปี ถูกพรากผู้เยาว์
ล่าสุดวันที่ 9 ก.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่ไปพบกับ น.ส.มะนาว พี่สาว น.ส.เจี๊ยบ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ผู้เสียหาย ที่ถูกข่มขืน เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า วันที่ 29 ส.ค.63 น้องสาว ไปกินเหล้าบ้านเพื่อน แล้วเกิดเมาหนักมาก และติดต่อแม่และตนไม่ได้ อยากติดต่อให้มารับกลับบ้าน
จากนั้นน้องสาวได้ลงสตอรี่ในเฟซบุ๊กว่า "จะนอนตรงนี้แล้วนะ หาคนมารับหน่อย" ซึ่งต่อมานายกัส (นามสมมติ) ผู้ก่อเหตุ เห็นน้องสาวตนอัปสตอรี่ จึงมากดไลก์ และอาสามารับไปส่งบ้าน น้องสาวเมามากเห็นว่าติดต่อใครไม่ได้ ไม่มีใครมารับ เลยบอกกลับไปว่า "ดีเหมือนกัน" และเห็นว่านายกัส เป็นคนรู้จักและครอบครัวสนิทกัน พ่อแม่นับถือกัน ไม่คิดจะมาก่อเหตุดังกล่าวได้
โดยนายกัส (นามสมติ) ผู้ก่อเหตุขี่จักรยานยนต์มากับเพื่อนอีก 2 คน ก่อนพาน้องสาวของตนที่เมาไปที่เกิดเหตุ และบอกให้น้องตนอยู่ที่นั่นก่อนเดี๋ยวมารับ ก่อนจะหายไปและกลับมาตอนไหนไม่รู้ น้องสาวกลับมารู้ตัวอีกที คือ ถูกนายกัสกระทำจนสำเร็จความใคร่แล้ว ซึ่งน้องสาวจำหน้าได้ว่าเป็นนายกัส หลังก่อเหตุได้หนีไป และน้องสาวตนก็รีบสวมใส่เสื้อผ้าเดินร้องไห้ออกมาจากที่เกิดเหตุ
หลังเกิดเหตุแฟนน้องสาว จึงพาไปแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 31 ส.ค.63 ที่ผ่านมา และคิดว่ามีนายกัสทำคนเดียวมาตลอด กระทั่งคืนวันที่ 2 ก.ย.63 พี่สาวภรรยาของนายกัส ทักมาหาตนในเฟซบุ๊กว่า นายกัสแต่งงาน มีใบทะเบียนสมรส จะฟ้องน้องสาวตนกลับว่าสมยอมนายกัส แต่ตนยืนยันว่าน้องสาวตนเป็นผู้เสียหาย และไม่เคยคุยกับนายกัสเชิงชู้สาวแม้แต่น้อย
นอกจากนี้พี่สาวภรรยาของนายกัส ยังต่อพวกตน "ทำเป็นอาชีพกันเหรอ" ถึงปล่อยตัวให้มีคนมารุมโทรม ที่ผ่านมาน้องสาวจำได้ว่านายกัส ทำคนเดียว แต่ชายอีก 2 คนตามที่พี่สาวภรรยาของนายกัสอ้างว่าก่อเหตุด้วย น้องสาวไม่รู้เรื่อง มารู้อีกทีในแชต ระบุว่า "มันมีอะไรกับมึงตั้ง 3 คน มึงจะมาบอกมีอะไรกับมันคนเดียวได้ยังไง" ซึ่งตนรับไม่ได้ที่มารู้ว่าฝ่ายคู่กรณีทักมาสารภาพเองว่า ร่วมให้คนอื่นรุมโทรมน้องสาวตน ทั้งนี้นายกัส ถ้าไม่มีเรื่องข่มขืน จะเป็นคนดีมาก และดีกับครอบครัวตนมาตลอด
ส่วนสภาพจิตใจน้องสาวตนตอนนี้ย่ำแย่มาก พอรู้ว่าโดนรุมโทรม บอกตนว่า "อยากฆ่าตัวตาย" ตนก็ปลอบน้องไปว่า "น้องไม่ได้ทำอะไรผิด ให้ลืมและเริ่มต้นชีวิตใหม่" ทั้งนี้แม่ผู้ก่อเหตุก็พูดไม่ออกที่ลูกชายมาทำกับน้องสาวตนแบบนี้ ด้วยความไว้ใจแท้ ๆ ตอนนี้ฝากให้ตำรวจดำเนินการตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี ยืนยันว่าพวกตนไม่เคยยินยอม หรือต้องการเรียกร้องเงินใด ๆ แค่ต้องการให้ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับน้องสาวของตน
นอกจากนี้ ทีมข่าวอมรินทร์ ลงพื้นที่ไปยังบ้าน นายกัส อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร พบว่าบ้านปิด ทีมข่าวมีโอกาสพูดคุยกับเพื่อนบ้าน บอกกับทีมข่าวว่า ครอบครัวนายกัส เดินทางกลับบ้านเกิดที่ต่างจังหวัด เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว ไม่ได้หนีคดีหรือ อะไร
ขณะเดียวกันทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้แชตข้อความ เป็นข้อความระหว่างที่พี่สาวภรรยาของนายกัส ทักมาหาพี่สาวของผู้เสียหาย ลักษณะข่มขู่ว่าจะฟ้องกลับ ที่มาสมยอมได้เสียกับนายกัส เพราะฝ่ายชายแต่งงานมีลูกแล้ว และบอกว่า น.ส.เจี๊ยบ ถูกรุมโทรมถึง 3 คน ไม่ใช่แค่นายกัสคนเดียว ทำให้พี่สาวผู้เสียหายเก็บไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับทั้ง 3 คน
โดยในแชตนั้นพี่สาวผู้เสียหาย ได้ตอบกลับไปว่าไม่รู้ว่าน้องสาวตัวเองโดนกระทำมากถึง 3 คน ต้องขอบคุณที่พิมพ์บอกไว้ เพื่อให้เป็นหลักฐาน จากนั้นคู่กรณีก็ตอบว่า เขาไม่ได้เอ่ยชื่อว่ามีใคร ให้ไปหาชื่อกันเอง มีรูป มีหลักฐานหรือเปล่า เพราะไม่ได้เอ่ยชื่อว่าใคร
ทางฝ่ายพี่สาวผู้เสียหาย จึงตอบกลับไปว่า เดี๋ยวก็รู้ว่ามีใครบ้าง เพราะตำรวจก็สืบหาคนก่อเหตุได้เอง พร้อมย้อนถามกลับไปยังฝ่ายคู่กรณีว่า พอถาม 3 คนเป็นใครก็ตอบไม่ได้ แล้วถ้ามาอ้างว่ามี 10 คน ตำรวจจะต้องเชื่อหรือไม่
ทั้งนี้ในแชตบางข้อความ จะเห็นว่าพี่สาวภรรยาของนายกัส อ้างใบทะเบียนสมรส จะฟ้องฝ่ายเสียหายให้หมดตัว บ้าน รถ ที่ดิน หาว่าเป็นการสมยอม ซ้ำยังข่มขู่จะมาเจอตัว และมาทำร้ายพี่สาวผู้เสียหายด้วย ทำให้พี่สาวผู้เสียหายรู้สึกไม่ปลอดภัย และขอให้ไปคุยในชั้นศาล แต่คู่กรณีก็ไม่สนใจ ยังพิมพ์ขู่เรื่อยไป และบอกว่าผู้เสียหายสมยอมให้กระทำเอง
นายกัส (นามสมมติ) ผู้ก่อเหตุ ขอชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นผ่านทางโทรศัพท์กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่า ตอนนี้ตนมาเที่ยวกับครอบครัวที่ จ.นครศรีธรรมราช ที่จริงแล้วตนไม่ได้ข่มขืนน้องวัย 17 ปี วันเกิดเหตุฝ่ายหญิงสมยอมตนต่างหาก ตนมีหลักฐานเป็นคลิปเสียงที่ตนสนทนากับฝ่ายหญิง หลังจากที่ตนเดินทางกลับจากต่างจังหวัด ตนจะนำหลักฐานไปให้ทีมข่าวดู
กรณีที่ตนบอกว่า ฝ่ายหญิงสมยอมก็เพราะว่า วันเกิดเหตุตนกับน้องวัย 17 ปี มีอะไรกันในห้องแถวแห่งหนึ่ง ซึ่งถ้าเขาไม่สมยอมตน ทำไม่เขาถึงไม่ร้องหรือขัดขืน และน้องเขาก็ไม่ได้มีอาการเมาจนถึงขั้นขัดขืนตนไม่ได้ ตนเห็นว่าวันนั้นน้องเขามีสติดีทุกอย่าง ถ้าเขาไม่มีสติจริง ๆ เขาจำใบหน้าตนไม่ได้แน่นอน
ทั้งนี้นายกัส ยังบอกอีกว่า ตอนเกิดเหตุ ตนก่อเหตุคนเดียว ไม่ได้มีการรุมโทรมแต่อย่างใด ส่วนที่มีคนในครอบครัวตนทักแชตไปหาครอบครัวของน้องวัย 17 ปี ว่ามีคนก่อเหตุ 3 คน ตนยืนยันว่าไม่จริง ตนก่อเหตุคนเดียวเท่านั้น อีก 2 คนเขาไม่ได้ร่วมก่อเหตุด้วย เรื่องราวที่ตนถูกกล่าวหา ตนขอยืนยันว่าตนจะฟ้องกลับครอบครัวฝ่ายหญิงที่กล่าวหาตน ตนยอมรับแค่ข้อหาพรากผู้เยาว์เท่านั้น ส่วนข้อหาข่มขืนตนไม่ได้ทำ เป็นการสมยอม ตนไม่ผิด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเสียหายมาก
นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวถึงมุมกฎหมายว่า กฎหมายประเทศไทยคุ้มครองเด็กและเยาวชนที่อายุไม่ถึง 18 ปีบริบูรณ์ ซึ่งความผิดเป็น 2 ข้อหา
1.หากถูกข่มขืนและผู้ปกครองของเด็กไม่ยินยอม เป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์ มาตรา 318 ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปด้วย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-10 ปี และปรับตั้งแต่ 40,000-200,000 บาท
2.หากถูกข่มขืนโดยเด็กไม่ยินยอม ผิดฐานข่มขืนหญิงไม่เกิน 18 ปี มาตรา 276 ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี และปรับตั้งแต่ 8,000-40,000 บาท
นอกจากนี้หากผู้เสียหายแจ้งความเอาผิดว่าถูกรุมโทรม ผู้ก่อเหตุอาจได้รับโทษสูงสุดจำคุกตลอดชีวิต ส่วนกรณีที่ภรรยาของฝ่ายชายจะฟ้องผู้ถูกข่มขืนว่าเป็นชู้ ก็ไม่มีสิทธิ์ฟ้อง เพราะคำว่าเป็นชู้จะต้องสมยอมกันทั้ง 2 ฝ่ายเท่านั้น ถ้าไม่ยินยอมไม่ถือว่าเป็นชู้ ภรรยาของฝ่ายชายจะเอาผิดไม่ได้ ตนแนะนำคู่กรณีของผู้เสียหายให้อยู่เงียบ ๆ จะดีกว่า
