วันที่ 8 ก.ย. 63 จากกรณีมีผู้เสียหายร้องเรียนผ่านอมรินทร์ ทีวี ว่าตนเองแต่งงานกับเสี่ยใหญ่ได้เพียง 2 วัน ก่อนเลิกรากัน จากนั้นหญิงสาวรายนี้ก็ถูกเสี่ยใหญ่ฟ้องกลับ เรียกคืนสินสอดทั้งหมด
นางสาวรัตนา อายุ 19 ปี ผู้ร้องเรียนที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตนเองได้ไปทำงานที่โรงงานผลิตพลาสติกแห่งหนึ่งใน อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ประมาณ 5 เดือน จนกระทั่งตนเองได้ตกลงคบหาดูใจกับผู้จัดการโรงงาน และเป็นน้องชายของเจ้าของโรงงานดังกล่าวชื่อว่า เสี่ยอ้วน (นามสมมติ) คบหากันตั้งแต่ช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2563 กระทั่งตนกับเสี่ยอ้วนได้ตกลงแต่งงานกันในวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา
ตอนที่จัดงานแต่งงานของตน เสี่ยอ้วนไม่ได้มีค่าสินสอดมาสู่ขอตนแม้แต่บาทเดียว ซึ่งเสี่ยอ้วนเขารับผิดชอบค่าจัดงาน เป็นค่าโต๊ะจีนบวกค่าเครื่องดื่มทั้งหมด 100,000 บาท จำนวน 20 โต๊ะ ส่วนครอบครัวของตนดูแลค่าใช้จ่ายนิมนต์หาพระสงค์ ค่าเต็นท์ ค่าจัดแต่งสถานที่ ค่าอื่น ๆ รวม 30,000 บาท เสื้อผ้าฝ่ายชายจัดหามาเอง ส่วนชุดเจ้าสาวฝ่ายหญิง เสี่ยอ้วนเช่าให้ตนในราคา 700 บาท และค่าแต่งหน้าวันแต่งงาน ตนเองจ้างช่างมาเองในราคา 2,500 บาท
ทั้งนี้ ก่อนจะแต่งงานครอบครัวตนได้เรียกสินสอดกับเสี่ยอ้วนแล้วว่าแล้วแต่เขาจะนำสินสอดมาสู่ขอ ซึ่งครอบครัวตนเองเห็นว่าเขาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ จึงไม่ได้เรียกราคา กระทั่งวันที่ตนแต่งงาน เขาก็ไม่มีสินสอดมาให้ตนแต่อย่างใด ตอนที่แต่งงานกัน ตนมีเงินส่วนที่ได้ค่ารับไหว้จากญาติพี่น้องของเสี่ยอ้วน เป็นสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท สร้อยข้อมือทองคำหนัก 1 บาท และเงินรับไหว้จากญาติทั้ง 2 ฝ่าย 15,000 บาท ซึ่งหลังจากจบงานแต่ง ฝ่ายชายแบ่งเงินส่วนนี้ให้ตน 10,000 บาท
หลังจากตนแต่งงานกับเสี่ยอ้วน วันแรกตนก็ไม่มีปัญหาอะไรกัน กระทั่งวันที่ 30 สิงหาคม ตนได้ปรึกษาเสี่ยอ้วนว่าตนอยากออกไปทำงานนอกบ้าน ซึ่งตนจะไปหางานทำตามวุฒิการศึกษาที่ตนเรียนจบ ปวช. มา แต่ในวันนั้นเสี่ยอ้วนเขาไม่พอใจที่ตนจะไปทำงานนอกบ้าน เกิดอารมณ์โมโหร้าย ด่าตนด้วยถ้อยคำดูถูก พร้อมกับด่าบุพการีตนเอง และผลักตนเองล้มลง ทำให้ตนเองทนไม่ไหว ไม่กล้าอาศัยอยู่กับเสี่ยอ้วน เนื่องจากเวลาที่เขาโมโห เขายังมีอาการตัวสั่น คุมสติตัวเองไม่ได้ ตนก็กลัวจะไม่ได้รับความปลอดภัย จึงขอตัวกลับไปอยู่กับครอบครัวในวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา
ต่อมาวันที่ 2 กันยายน เสี่ยอ้วนพร้อมกับพี่น้องของเขา ได้ไปแจ้งความที่ สภ.บ้านโป่ง ว่าตนเองหลอกเอาทรัพย์สินของเขา และเขาจะฟ้องเอาสินสอดของตน คือสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท สร้อยข้อมือทองคำหนัก 1 บาท และเงินสดอีก 50,000 บาท และเขายังหาว่าตนเป็นพวก 18 มงกุฏ ตนยืนยันว่าตนไม่มีทางคืนทรัพย์สินและเงินสดตามที่เขาฟ้องเอาคืนแน่นอน เพราะตอนที่ตนแต่งงานกับเขา ตนเรียกสินสอดกับเขา แต่เขาไม่มีสินสอดมาสู่ขอตน ตนยังพอรับได้ ส่วนสร้อยทองคำที้ง 2 เส้น ตนก็จะไม่คืน ตนเสียใจมาก ร่างกายตนก็เป็นของเขาแล้ว ตนอยากจะร้องขอความเป็นธรรมให้กับตัวเองและครอบครัวด้วย
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีติดต่อทางโทรศัพท์หาเสี่ยอ้วน เสี่ยอ้วนพูดคุยสั้น ๆ ว่า "ตนเองยืนยันว่าจะฟ้องเอาค่าสินสอดกับนางสาวรัตนาคืน ส่วนรายละเอียดว่าตนจะเอาทรัพย์สินอะไรคืนบ้าง ยังไม่ขอเปิดเผยข้อมูล ซึ่งตนให้พี่สาวกับน้องสาวของตนเป็นคนจัดการเรื่องนี้แล้ว"
