โพลล์ชี้ “มากร็องชนะขาด” ศึกดีเบตประชันวิสัยทัศน์ผู้นำแดนน้ำหอม

4 พ.ค. 60
ผลสำรวจความคิดเห็นชี้ชัด  เอ็มมานูเอล มากร็อง ชนะขาดศึกดีเบตประชันวิสัยทัศน์เมื่อวันพุธ (3 พ.ค.) เหนือมารีน เลอ แปง ก่อนถึงศึกเลือกตั้งผู้นำฝรั่งเศสรอบชี้ขาดในวันอาทิตย์ (7 พ.ค.) นี้ ผลสำรวจความคิดเห็นของสถานีโทรทัศน์ บีเอฟเอ็มทีวี พบข้อมูลว่า ราว 63 เปอร์เซ็นต์ของผู้รับชมศึกดีเบตประชันวิสัยทัศน์ระหว่างมากร็อง กับ เลอ แป็ง ระบุว่า  มากร็องตอบคำถามและแสดงวิสัยทัศน์ในประเด็นต่างๆ ได้โดดเด่นมากกว่าตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมงของการดีเบต และสมควรได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนต่อไปของฝรั่งเศส   ขณะที่ในส่วนของนางเลอ แปงนั้น ผู้ชมทางโทรทัศน์ส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า เธอใช้เวทีดีเบตครั้งนี้โจมตีมากร็องมากเกินไป  จนลืมที่จะนำเสนอนโยบายของตัวเอง สรุปมุมมอง มากร็อง VS เลอ แปง  ใน 3 ประเด็นร้อนที่ชาวฝรั่งเศสสนใจมากที่สุด 1.มุมมองด้านการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจและการว่างงาน ในประเด็นนี้   มากร็องซึ่งเคยทำหน้าที่รัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาทางเศรษฐกิจในรัฐบาลของประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออล ลองด์ มาก่อน   ยอมรับว่า อัตราการว่างงานในฝรั่งเศสที่พุ่งสูงถึง 10 เปอร์เซ็นต์ในเวลานี้ถือเป็นปัญหาใหญ่ และยอมรับว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลฝรั่งเศสยังไม่ได้ใส่ใจแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง  แต่ตัวเขาให้คำมั่นจะสร้างตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นให้แก่ชาวฝรั่งเศส ผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ขณะที่นาง เลอ แปง ระบุว่า   ต้นตอสำคัญของการที่คนฝรั่งเศสว่างงาน เป็นเพราะถูกแย่งงานจากพวกผู้อพยพที่ไหลทะลักเข้าสู่ฝรั่งเศส  ดังนั้น การแก้ปัญหาการว่างงานจึงจำเป็นต้องจัดการกับเหล่าผู้อพยพ และดึงตำแหน่งงานกลับคืนมาให้กับคนฝรั่งเศสที่เป็นเจ้าของประเทศตัวจริง 2.มุมมองด้านการก่อการร้าย ในประเด็นนี้ มากร็องยืนยันว่า การเดินหน้าใช้มาตรการแข็งกร้าวกับชาวมุสลิมในฝรั่งเศส เช่น การสั่งปิดมัสยิด  การจับกุมคุมขังบรรดาครูสอนศาสนาหัวสุดโต่ง   “มิใช่ทางออก”    สำหรับการป้องกันการก่อการร้าย   โดยที่ มากร็องยืนยันว่า ชาวมุสลิมทุกคนมิใช่ผู้ก่อการร้าย ถึงแม้ผู้ก่อการร้ายส่วนใหญ่จะเป็นชาวมุสลิมก็ตาม ดังนั้น การดำเนินนโยบายเพื่อลดการกดขี่ชาวมุสลิมและสร้าง “การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ” น่าจะเป็น “ทางออกที่ดีกว่า”    สำหรับการรับมือลัทธิก่อการร้ายในประเทศ ขณะที่นางเลอ แปง ยืนยันว่า จำเป็นต้องดำเนินนโยบายที่แข็งกร้าวต่อชาวมุสลิม  เพราะที่ผ่านมาไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างชาวมุสลิมกับผู้ก่อการร้ายได้   ดังนั้น ชาวฝรั่งเศสจึงจำเป็นต้องร่วมกันกำจัดภัยคุกคามนี้ และอาจถึงขั้นต้องยอมก่อ “สงครามกลางเมือง” กับชาวมุสลิมหากจำเป็น  เพื่อรักษาความสงบสุขของสังคมส่วนรวมเอาไว้
  1. มุมมองต่อสหภาพยุโรป (อียู)
มากร็องยืนยันว่า ฝรั่งเศสมีความจำเป็นต้องอยู่ร่วมกับอียู และใช้เงินสกุลยูโรต่อไป เพราะการหันหลังให้กับอียูรังแต่จะสร้างปัญหาทางเศรษฐกิจให้กับฝรั่งเศส ขณะที่นางเลอ แปง ประกาศว่า หากเธอได้เป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศส เธอจะจัดการลงประชามติเพื่อปูทางไปสู่การ ลาออก   จากการเป็นสมาชิกของอียู และหันกลับไปใช้เงินสกุลดั้งเดิมของฝรั่งเศส คือ เงินฟรังก์  แทนที่เงินยูโร   เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมาฝรั่งเศสต้องพลอยได้รับผลกระทบจากนโยบายด้านเศรษฐกิจที่ผิดพลาดของอียู รวมถึงปัญหาหนี้สินที่ก่อโดยสมาชิกประเทศอื่นๆ  ของอียู  
ภาพจากรอยเตอร์
ทั้งนี้  ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดหลังจบการดีเบตเมื่อวันพุธ (3 พ.ค.) ระบุว่า  เอ็มมานูเอล มากร็อง วัย 39 ปียังมีคะแนนนิยมอยู่ที่ระดับ 59 เปอร์เซ็นต์   ขณะที่นางเลอ แปง วัย 48 ปี มีคะแนนนิยมตามหลังที่ระดับ 41 เปอร์เซ็นต์ คลิปวิดีโอ ขอบคุณ  FRANCE 24    

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม