สาวพึงระวังนมด่าง! เหยื่อแฉ หลงซื้อครีมทางเน็ต หมอชี้เสี่ยงตายซึมเข้าร่างโรคเพียบ (คลิป)

4 ก.พ. 61
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์รูปภาพบริเวณหน้าอก ซึ่งผิวหนังเกิดรอยแตกลาย พร้อมระบุข้อความเตือนภัยว่า "ตนได้สมัครเป็นตัวแทนจำหน่ายครีมทาผิวขาวยี่ห้อหนึ่ง จนกระทั่งซื้อมาใช้เองจำนวน 3 กระปุก ราคา 15,000 บาท แต่เกิดอาการแพ้ ผิวที่หน้าอก ขาและแขนแตกลาย จนผิวบอบบางมาก และคันตัว เหมือนตายทั้งเป็น ตอนนี้ทางเจ้าของแบรนด์ได้ส่งยามาให้ทา แต่ยังไม่ได้แสดงความรับผิดชอบใดๆ" ภายหลังจากโพสต์ดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ไปได้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก พร้อมบอกด้วยว่า ตนก็ประสบปัญหาผิวแตกมานานแล้ว 4 ปีด้วยเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวพูดคุยกับ น.ส.ไอติม (นามสมมติ) ผู้เสียหาย
ล่าสุด วันนี้ (4 ก.พ.) ทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.ไอติม (นามสมมติ) หนึ่งในผู้เสียหาย จากการใช้ผลิตภัณฑ์ครีมทาผิวขาว เล่าว่า ตนได้ซื้อครีมทาผิวขาวยี่ห้อหนึ่งมาตั้งแต่ปี 2556 ตนใช้ได้ประมาณ 1 เดือน เริ่มสังเกตว่า ที่ผิวมีรอยแตกสีขาว ตอนนั้นตนไม่ได้คิดอะไร แล้วได้ใช้ครีมดังกล่าวต่อไป ปรากฎว่า ผิวหนังเริ่มแตกเป็นสีแดง เหมือนห้อเลือดอยู่ภายใน น.ส.ไอติม บอกอีกว่า ผิวที่มีรอยแตกลาย เริ่มมาจากต้นขา ไล่ขึ้นมาที่แขน ไปจนถึงหน้าอก และหลังรักแร้ เป็นจุดที่ตนใช้ครีมทาผิว ส่วนของหลังรักแร้ที่ตนใช้ครีมทา เพราะผู้ขายอ้างว่า สามารถทำให้รักแร้ขาวได้ด้วย ตอนแรกตนไม่คิดว่ารอยแตกลายจะเกิดจากการทาครีม แต่เมื่อใช้ไปสักพักก็สังเกตว่า ยิ่งทาครีมมากขึ้น รอยแตกยิ่งตามมา หลังจากนั้นตนหยุดใช้ครีม ผลปรากฏว่า บริเวณที่ห้อเลือดร่องรอยได้จางลงไป แต่ยังคงมีรอยแตกลายอยู่ ลักษณะรอยจะคล้ายกับลายแตกหลังคลอดลูก
แขนของน.ส.ไอติม (นามสมมติ) ที่เป็นรอย
น.ส.ไอติม เปิดใจถึงสาเหตุที่ตัดสินใจซื้อครีม เพราะทางร้านจัดโปรโมชั่นซื้อกระปุก 200 กรัม จะแถมอีก 1 กระปุก ขนาด 50 กรัม โดยร้านที่ขายมีการโฆษณาผ่านเฟซบุ๊ก บอกถึงสรรพคุณของครีมว่า ช่วยทำให้ผิวขาวไวขึ้น ลดรอยแตกลาย และจุดด่างดำ ภายหลังเกิดรอยดังกล่าว น.ส.ไอติม ไม่กล้าที่จะบอกใคร เพราะตนซื้อผลิตภัณฑ์ตัวนี้มาในราคา 7,500 บาท ขนาด 250 กรัม ตนคิดว่าการตั้งราคาสูงขนาดนี้ จะต้องมีสรรพคุณที่ไม่ธรรมดา และครีมดังกล่าวค่อนข้างมีชื่อเสียงมาก และมีเนตไอดอลหลายคนใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ น.ส.ไอติม ยังบอกด้วยว่า เคยไปปรึกษาหมอถึงการรักษารอยแตก แต่หมอบอกว่ารอยแบบนี้รักษาไม่หาย ถ้าหากทำเลเซอร์จะช่วยทำให้แค่รอยจางลงไป ตนจึงถอดใจ และเคยพยายามติดต่อไปยังเจ้าของแบรนด์ แต่อีกฝ่ายได้ให้ครีมทาผิวรักษารอยแตกมาให้ 1 หลอด ซึ่งไม่ได้ช่วยทำให้รอยด่างดีขึ้น เนื่องจากเป็นครีมหลอดเล็ก ทาแขนข้างเดียวของตนก็ยังไม่พอ
รอยด่างบริเวณต้นขาของน.ส.ไอติม (ผู้เสียหาย)
ทางเจ้าของแบรนด์ ยังบอกกับตนด้วยว่า รอยแตกลาย น่าจะเกิดจากการตั้งครรภ์และร่างกายอ้วน แต่ตนคิดว่าไม่ใช่ เพราะตนคลอดลูกมานานแล้วก่อนใช้ครีม ส่วนเรื่องอ้วนตนยอมรับว่าตัวเองอ้วน แต่คนที่อ้วนกว่าตน ก็ไม่ได้มีรอยแตกในลักษณะนี้ ขณะนีิ้ น.ส.ไอติม อยากเตือนคนที่ซื้อครีมในอินเทอร์เน็ตให้ดี เพราะบางทีการมีเลข อย. หรือ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ไม่ได้ช่วยอะไรแม้ตนจะตรวจสอบเลข อย. แล้วก็ตามแต่ยังส่งผลแบบนี้ ตอนนี้ผลิตภัณฑ์ที่ตนใช้ได้ยกเลิกเลข อย. ไปแล้ว ส่วนผู้เสียหายอีกรายที่ออกมาโพสต์นั้น ตนคิดว่าน่าจะเป็นครีมที่มีสูตรเดียวกันกับตน เพราะส่งผลข้างเคียงเหมือนกัน ตนอยากจะฝากบอกเจ้าของแบรนด์ว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายหลายราย แต่แค่ยังไม่มีใครกล้าออกมาพูด ตนเองก็อยากให้ทางเจ้าของผลิตภัณฑ์ออกมารับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วย
แพทย์หญิงณัฐชญา ไมตรีเวช แพทย์ผู้บริหารณัฐชญาคลินิก
ทางด้านแพทย์หญิงณัฐชญา ไมตรีเวช แพทย์ผู้บริหารณัฐชญาคลินิก เปิดเผยว่า รอยแตกลายที่เกิดขึ้น น่าจะเป็นผลข้างเคียงมาจากสารที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ จะมีลักษณะรอยแตกลาย คล้ายกับผิวของคนที่ตั้งครรภ์ หรือจากคนที่ผอมกลายเป็นคนที่อ้วนขึ้นมาก โดยสารสเตียรอยด์สามารถเกิดขึ้นกับผิวกายได้ เพราะผิวหนังจะดูดซึมสารเหล่านี้ทำให้แตกลายมีลักษณะเป็นรอยสีแดง ทำให้ผิวบนร่างกายดูไม่สวยงาม แต่ไม่ได้ทำอันตรายต่อร่างกาย แต่สิ่งที่เป็นอันตรายคือ สารสเตียรอยด์ที่ร่างกายดูดซึมเข้าไป ทำให้ร่างกายอ้วนขึ้นและทำให้เป็นโรคเบาหวาน นอกจากนี้ สารสเตียรอยด์ยังไปกดภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ร่างกายมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย และอาจเสียชีวิตจากการติดเชื้อ สำหรับวิธีการรักษาค่อนข้างใช้เวลานานหลายปี และค่ารักษารอยแตกลายค่อนข้างสูง แต่คนทั่วไปสามารถใช้พวกน้ำมันหรือออยได้ หรือใช้การกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนที่ผิว รวมถึงการเลเซอร์เพื่อช่วยลดรอยดังกล่าว แพทย์หญิงณัฐชญา ยังบอกอีกว่า ครีมในอินเทอร์เน็ตทั่วไปค่อนข้างอันตราย เพราะแม่ค้าบางราย ไม่ทราบว่ามีการใช้สารอันตรายเป็นตัวประกอบ แล้วเมื่อนำมาขายกับลูกค้า จึงส่งผลเสียให้ลูกค้าเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ จึงอยากฝากเตือนลูกค้าหลายคนให้คำนึงเสมอว่า หากจะใช้สารอะไรก็ตาม ย่อมมีผลต่อชีวิตของเราด้วย ขณะเดียวกันครีมที่ใช้กับร่างกายจะต้องมีหลักฐานของความปลอดภัย โดยผู้บริโภคอาจซื้ออุปกรณ์ทดสอบครีมว่ามีสารสเตียรอยด์ หรือสารตะกั่ว ปะปนด้วยหรือไม่ และควรจะดูครีมที่ได้มาตรฐานการผลิต เพื่อตรวจสอบว่า ครีบดังกล่าวมีโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐานน่าเชื่อถือหรือไม่

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ