เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 63 เวลา 11.30 น. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุเด็กชายอิ้ดคิว วัย 2 ขวบ เสียชีวิตภายในบ้านพักหมู่ 1 ต.น้ำตก อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านของนายไพโรจน์ หนูอินทร์แก้ว พ่อเลี้ยง อายุ 37 ปี
โดยนายไพรัช รุ่งสวัสดิ์ หรือ แคมป์ พ่อของน้องอิ้ดคิว ติดใจการเสียชีวิต เนื่องจากลูกชายอาศัยอยู่กับแม่และพ่อเลี้ยง เจ้าหน้าที่จึงส่งร่างของเด็กไปชันสูตรเพิ่มเติมที่ รพ.มหาราช ผลการชันสูตรชี้ว่าสภาพศพมีรอยฟกช้ำที่ศีรษะ กระดูกหักหลายส่วน ทั้งกระดูกไหปลาร้า ขวา กระดูกซี่โครงขวาซี่ที่ 2 กระดูกต้นขาทั้ง 2 ข้าง อีพบลมรั่วในปอดด้ายขวา
ล่าสุด วันที่ 5 ก.ย. 63 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะปาง ออกหมายจับนายไพโรจน์ ในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย และนำตัวส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดทุ่งส่งแล้ว ในเวลา 11.00 น. เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ เจ้าหน้าที่สงสัยในพฤติกรรมของทั้งคู่ จึงทำการตรวจสอบปัสสาวะ พบว่าเสพยาเสพติด
นายไพรัช รุ่งสวัสดิ์ หรือ แคมป์ อายุ 44 ปี พ่อของน้องอิ้ดคิว เปิดใจว่า ตนอยู่กินกับนางสุพัตรามา 20 ปี มีลูกชายด้วยกันทั้งหมด 3 คน อายุ 12 ปี, 10 ปี และ2 ขวบ แต่เมื่อปลายปี 61 นางสุพัตราก็ได้ทิ้งตนไปแล้วจดทะเบียนกับนายไพโรจน์ในทันที โดยนางสุพัตราพาน้องอิ้ดคิวออกจากบ้านไปด้วย ทิ้งลูกชายอีก 2 คนไว้ให้ตนดูแล
เมื่อตนทราบข่าวการเสียชีวิตของลูกชาย ตนรู้สึกตกใจมาก นาทีนั้นตนคิดทันทีว่าลูกชายตนไม่ได้ป่วยตาย แต่ต้องถูกทำร้าย เนื่องจากก่อนหน้านี้ ลูกชายของตนป่วย อีกทั้งจากเด็กสมบูรณ์กลับกลายเป็นเด็กขาโก่งโดยไม่มีสาเหตุ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 น้องอิ้ดคิวป่วยเป็นน้ำท่วมปอด น้ำไหลออกปากออกจมูก ต้องต่อสายลองไปในคอ คาดว่าลูกน่าจะถูกตีหรือทำร้าย ตนคิดว่านางสุพัตราน่าจะเป็นผู้ก่อเหตุ แล้วโยนความผิดให้นายไพโรจน์ หรือนางสุพัตราร่วมมือกับนายไพโรจน์
ทั้งนี้ ตนขอให้ศาลตัดสินด้วยความเป็นธรรม อย่าตัดประเด็นว่านางสุพัตรามีส่วนรู้เห็นกับการตายของน้องอิ้ดคิว จากนี้ตนจะเป็นผู้รับผิดชอบการจัดงานศพให้ลูกชายของตนเอง
โดยจากคำให้การของนางสุพัตรา หรือ นก แม่ของน้องอิ้ดคิว อาชีพแม่บ้าน ที่ขณะนี้ถูกจับตัวข้อหาเสพยาเสพติดไปพร้อมนายไพโรจน์ บอกว่า ได้เลิกรากับอดีตสามีเมื่อปลายปี 61 แล้วย้ายมาอยู่กับนายไพโรจน์ที่บ้านหลังนี้ ตั้งแต่ลูกชายอายุเพียง 5 เดือน ซึ่งอาศัยอยู่ด้วยกัน 3 คน จนเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 63 เวลาประมาณ 23.00 น. ขณะที่ตน สามี และลูกกำลังนั่งอยู่ในห้อง ตนได้ลุกไปเข้าห้องน้ำ ได้ยินเสียงลูกชายร้องดังขึ้นด้วยความเจ็บปวด พบว่าลูกชายนั่งตัวสั่น แน่นหน้าอก หายใจไม่ออกอยู่บนโซฟา ด้วยความสงสารตนจึงเข้าไปอุ้มลูก แต่ไม่พบว่ามีบาดแผล ส่วนสามีอ้างว่าลูกชายร้องไห้ตามหาตน
ต่อมาวันที่ 2 ก.ย. 63 ตนพยายามไม่ให้สามีเข้าใกล้ลูกชาย โดยจากการสังเกต ลูกชายเริ่มมีอาการมือเกร็ง จับขวดนมเองไม่ได้ นอนไม่หลับ งอแง ทำท่าทีเหมือนไม่สบายตัว วันที่ 4 ก.ย. 63 เวลา 02.00 น. ตนพาลูกชายเข้านอนถึงเช้า 09.00 น. ตนรู้สึกตัวตื่นขึ้น เนื่องจากมีมดเดินบริเวณผม ก็พบว่ามีมดมารุมตอมที่ใบหน้าของลูกชาย และลูกชายไม่หายใจ นอนตัวแข็ง เสียชีวิต ตนจึงได้แจ้งผู้ใหญ่บ้านและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ คาดว่าลูกชายน่าจะถูกทำร้าย สามีน่าจะจับลูกชายตนฟาดกับโซฟา
