พยาบาลสาวแขวนคอคาขื่อบ้านผัว ญาติชี้พิรุธศพมีแผล-กล้องดับ-เชือกใหญ่เกินมัดปม (คลิป)

29 ส.ค. 63

วันที่ 29 ส.ค. 63 ตำรวจ สภ.เมืองสระบุรี ได้รับแจ้งว่ามีคนผูกคอตายภายในบ้าน ถนนพหลโยธิน ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี จากการตรวจสอบพบร่างของ น.ส.ธิดาเดือน อายุ 42 ปี อาชีพพยาบาล มีรอยเชือกรัดที่คอจนช้ำหน้าผากข้างซ้ายโน และแตกเลือดไหล เจ้าหน้าที่จึงต้องส่งศพไปชันสูตรที่โรงพยาบาลสมเด็จพระเทพ อ.องครักษ์ จ.นครนายก

994963

จากการตรวจสอบ พบผู้เสียชีวิตที่ผูกคอตายนอนอยู่ที่พื้น สามีผู้ตายได้นำร่างลงมานอนที่พื้น ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะไปถึง สภาพนอนหงาย สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ขายาว มีนาฬิกา 1 เรือน แหวน 1 วง ถุงเสื้อผ้า 2-3 ถุงวางกองอยู่หน้าประตูบ้าน มีเศษขยะตกเกลื่อนข้างผู้เสียชีวิต และมีเชือกไนลอนเหนียวขนาดใหญ่เบอร์ 20 ยาวประมาณ 10 เมตรกว่า ผูกห้อยอยู่กับขื่อหลังคาโรงรถ

389513

ขณะนั้นนางสุดารัตน์ รุ่งแสง อายุ 48 ปี พี่สาวผู้ตาย พร้อมนายปัณพัฒน์ พรานธนงค์ อายุ 49 ปี พี่เขยเดินทางมาดูศพ กอดร่างที่ไร้วิญญาณของน้องสาวร้องหนัก และเห็นหน้าผากของน้องสาวแตกมีเลือดไหล

486214

พี่สาวผู้ตายถามนายเอกพัฒน์ คันธาวัฒน์ สามีผู้ตาย ว่าทำไมหัวมีรอยแตกและเลือดออก นายเอกพัฒน์บอกว่าไม่รู้ บอกว่าอยู่ในบ้าน ไม่เห็นเหตุการณ์ ซึ่งพี่สาวผู้ตายสงสัยในการตายจึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนหาข้อเท็จจริงว่าการตายเกิดจากสาเหตุใด

457217993616

ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำพูดของนายเอกพัฒน์ เนื่องจากให้ปากคำไม่ตรงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้ตรวจสอบในที่เกิดเหตุ เช่น การผูกคอตายเป็นเชือกไนลอนเหนียวขนาดใหญ่เบอร์ 20 ถ้าคนผูกคอตายจะไม่ใช้เชือกใหญ่ เพราะผูกเป็นเงื่อนไม่ได้ รวมทั้งที่บ้านมีกล้องวงจรปิด แต่ใช้งานไม่ได้

992268

และลักษณะการตายในการผูกคอตัวเองลิ้นจะต้องจุกปาก และยังมีการนำศพลงมาก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปถึง พบบาดแผลที่บริเวณหน้าผากมีเลือดไหลออกมาเล็กน้อย และยังบอกอีกว่าผู้ตายไม่มีงานทำ แต่ทางพี่สาวบอกว่าผู้ตายเป็นพยาบาลอยู่ที่ รพ.เอกชน

368243

ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุ บ้านปูน 2 ชั้น หลังเกิดเหตุไม่มีคนอาศัยอยู่ ประตูล็อกจากด้านนอก บริเวณหน้าบ้านมีกระป๋องสีขนาดใหญ่ ความสูง 40 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 25 เซนติเมตร กระป๋องสีขนาดเล็ก 15 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 10 เซนติเมตร และยังมีรถปิกอัป 1 คัน ส่วนรถเก๋งของนายเอกพัฒน์ คันธาวัฒน์ สามีผู้ตาย เจ้าของบ้าน พบว่าไม่อยู่ในบ้านที่เกิดเหตุ ทั้งนี้ ผู้ตายส่วนสูง 160 เซนติเมตร หากจะผูกคอได้จะต้องต่อตัวหรือมีการปีนเพื่อขึ้นไปก่อเหตุ

840055

เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำนายเอกพัฒน์ คันธาวัฒน์ อายุ 48 ปี สามีของผู้ตาย เล่าว่า ตนเองมีภรรยา 2 คน คนแรกชื่อนางธวัลรัตน์ อายุ 37 ปี ภรรยาหลวงอยู่กับตนที่บ้านหลังดังกล่าว และอีกคนคือ น.ส.ธิดาเดือน ผู้ตาย มีลูกด้วยกัน 1 คน เป็นผู้หญิงอายุ 3 ปี

257599

ก่อนเกิดเหตุเมื่อวานนี้ 28 ส.ค. ตนเองได้ไปที่บ้านของผู้ตาย และเกิดมีปากเสียงกันเรื่องลูก ตนจึงได้เอาลูกสาวกลับมาอยู่กับตนที่บ้าน จนเวลาประมาณ 01.00 น. ผู้ตายได้ตามมาที่บ้านของตน เปิดประตูรั้วบ้านเข้ามาอยู่ข้างในบ้าน ตะโกนเรียกให้เปิดประตูบ้านแต่ตนเองไม่เปิดให้ กลัวว่าจะทะเลาะกัน เนื่องจากตนเองไปเอาลูกสาวมาและผู้ตายน่าจะมาขอลูกสาวคืน จนผู้ตายโวยวายไปพักใหญ่ มีเสียงดังกุกกักที่ประตู แล้วเสียงก็เงียบหายไป ตนเองก็ไม่ได้สนใจและไม่ได้เปิดประตูออกมาดู

cg

จนรุ่งเช้าประมาณ 7.30 น. นางธวัลรัตน์ ภรรยาหลวงของตนเปิดประตูบ้านออกมาก็ตกใจ เห็นผู้ตายผูกคอห้อยอยู่กับขื่อหลังคาโรงรถ ข้างเสาหน้าบ้าน จึงได้วิ่งเข้าไปเรียกให้ตนออกมาดู มีคนรู้จักมาหาพอดีเห็นเหตุการณ์จึงได้ช่วยกันนำร่างของผู้ตายลงมานอนที่พื้น

ทั้งนี้ ตนคิดว่าผู้ตายน่าจะน้อยใจที่ทะเลาะกับตนเอง และตนได้เอาลูกมาจึงได้ตัดสินใจผูกคอตายด้วยความน้อยใจ ตนจึงรีบโทรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบในที่เกิดเหตุดังกล่าว

775609

ป้าจิตร อายุ 60 ปี เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า ช่วงเกิดเหตุตนเองไม่ได้ยินเสียงผิดปกติ และไม่ได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน เพราะเนื่องจากเข้าบ้านตั้งแต่หัวค่ำ จากนั้นก็ปิดประตูพักอาศัยอยู่ภายในบ้าน ไม่ได้ออกมาช่วงกลางดึก ส่วนตัวไม่ได้รู้จักกับผู้ตาย เพียงเจอกันเป็นครั้งคราว ผู้ตายเคยเดินทางมาที่บ้านหลังนี้ด้วยรถจักรยานยนต์ แล้วมักจะมายืนตะโกนอยู่บริเวณรั้วหน้าบ้าน ในคืนวันเกิดเหตุ ตัวเองก็เชื่อว่าผู้หญิงคนดังกล่าวอาจจะขับรถจักรยานยนต์มาจอดที่รั้วนอกบ้านเหมือนเช่นทุกครั้ง

310866

และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนเองตื่นขึ้นมารถน้ำต้นไม้ ไม่ได้ทันสังเกตว่าภายในบ้านมีสิ่งผิดปกติหรือไม่ แต่มีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งมาตัดหญ้าให้กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ติดอยู่กับบ้านที่เกิดเหตุ มาบอกกับตัวเองว่าให้ลองมองเข้าไปภายในบ้านมีคนผูกคอตายหรือไม่ ตนเองจึงได้ตะโกนเรียกให้คนภายในบ้านออกมาดูเวลา 07.00 น. จากนั้นฝ่ายชายก็ได้โทรหาเจ้าหน้าที่กู้ภัยและรถพยาบาล พร้อมทั้งเป็นคนปลดร่างของผู้หญิงลงมาจากเชือก

นอกจากนี้ การก่อเหตุครั้งนี้เชื่อว่าอาจจะใช้ถังสีที่วางอยู่บริเวณหน้าบ้าน เหยียบปีนป่ายขึ้นไปผูกเชือก และระหว่างที่กำลังดิ้นทุรนทุรายก่อนจะเสียชีวิต อาจใช้เท้าเตะทั้งสีกระจัดกระจาย เพราะในตอนนั้นสังเกตว่าใต้เท้าของศพมีทั้งสีล้มอยู่

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส