เมื่อวันที่ 28 ส.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมาที่ห้องเช่าในพื้นที่ ต.ไม้ตรา อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา พบกับ นายสุเมธ สิงห์พันธุ์ ลุงขับแท็กซี่ป่วยไตที่สังคมช่วยเหลือบริจาคเงิน โดยมีกล่องถุงน้ำยาล้างไตอยู่จำนวนมาก มีของที่ผู้มาเยี่ยมนำมาบริจาค มีถังออกซิเจนจำนวน 2 ถัง และอุปกรณ์ล้างไตอยู่ที่นอนใกล้ตัว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดใจโชเฟอร์แท็กซี่ป่วยไต เผยถูกโรครุมเร้าต้องขับรถเลี้ยงชีพ ลั่นพร้อมสู้แม้ชีวิตรันทด
นายสุเมธ สิงห์พันธุ์ คนขับแท็กซี่ เปิดเผยว่า เดิมทีตนทำงานที่โรงพยาบาล และบริษัทเอกชนฯ ก่อนจะลาออกมาขับรถแท็กซี่ได้ประมาณ 20 ปีแล้ว มีลูกชายคนโตอายุ 18 ปี กับภรรยาคนแรก ปัจจุบันเลิกลากันนานแล้ว กระทั่งมีลูกสาวอีกคนอายุ 9 ขวบกับภรรยาคนล่าสุด แต่ตอนนี้ด้วยวิกฤตโควิด-19 และปัญหาเศรษฐกิจภรรยาและลูกสาวจึงย้ายกลับไปอยู่บ้าน จ.พัทลุง หลังจากนั้นมาตนอาศัยอยู่ห้องเช่าเพียงลำพัง
การออกไปรับจ้างขับแท็กซี่นั้น ต้องเตรียมถุงน้ำยาล้างไต เนื่องจากต้องล้างไตทุก 4 ชั่วโมง และถังออกซิเจนผูกไม้ด้านหลังรถแท็กซี่จำนวน 1 ถัง ตนต้องเร่งหาเงินให้ทันค่าใช้จ่ายช่วงสิ้นเดือน ทั้งค่าเช่าห้องจำนวน 1,200 บาท ค่าน้ำไฟ 400 บาท ค่าเช่าแท็กซี่จำนวน 700 บาท/วัน ค่าน้ำมันแท็กซี่ 400 บาท/วัน และค่าอยู่กินของตัวเอง หากตนไม่ขับรถแท็กซี่ก็จะไม่มีค่าอยู่กินหรือค่าดำรงชีวิต ส่วนค่ารักษาพยาบาลนั้นตนใช้สิทธิ์บัตรทองร่วมกับบัตรผู้พิการจึงได้สิทธิ์รักษาฟรี ค่ายาและน้ำยาล้างไตฟรีทุกเดือน
สำหรับอาการป่วยเป็นโรคเบาหวานนานกว่า 17 ปีแล้ว ผลจากเบาหวานทำให้ขาผิดรูป เกือบถูกตัดเท้าทิ้งจากอาการเท้าเน่าเปื่อย ไตวายมากว่า 3 ปี โรคความดัน โรคหัวใจโต ภาวะน้ำท่วมปอด และตาซ้ายเป็นต้อ มองไม่เห็น เพราะเบาหวานขึ้นตา
ส่วนที่ผู้โดยสารหญิงนำเรื่องราวของตนไปโพสต์ลงในโลกออนไลน์กระทั่งมีคนโอนเงินบริจาคมาให้ตนจำนวนมาก ประมาณ 2 วัน ตนตัดสินใจปิดรับบริจาคแล้ว และปิดบัญชีที่รับบริจาคแล้ว เนื่องจากหวั่นถูกกระแสดราม่าหนัก ยอดเงินบริจาคทั้งหมด 1,190,605 บาท ตนอยากขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป มีกำลังใจและดีใจที่มีเงินมาใช้รักษาตัวและเป็นทุนชีวิตต่อไป
ล่าสุดในเช้าวันนี้ ตนนำเงินส่วนหนึ่งที่ได้รับจากการบริจาคซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ เดิมใช้รุ่น Nokia 2G เครื่องเล็ก ตัวหนังสือมองยาก ตามองไม่เห็น จึงซื้อเครื่องใหม่ รุ่น Vivo Y10 ในราคา 7,990 บาท หลังจากนี้จะแบ่งเงินไปซื้อบ้านอยู่อาศัย และบางส่วนทำบุญ
"ที่สำคัญตนอยากขอบคุณผู้โดยสารผู้หญิงที่ช่วยโพสต์เรื่องราวของตน จนกลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์ มีคนเข้ามาช่วยเหลือจำนวนมาก ตนอยากเจอกับผู้โดยสารหญิงอีกครั้ง เพื่อขอบคุณด้วยตัวเอง เพราะเป็นบุญที่ได้เจอกัน"
โดยหลังจากนี้ ตนตั้งใจจะหยุดขับรถแท็กซี่แล้ว เนื่องจากพระที่เคารพนับถือขอบิณฑบาตไม่ให้ตนขับ ห่วงเรื่องอันตราย และล่าสุดทางอู่แท็กซี่นำรถกลับไปแล้ว
นางไพวัลย์ คำบุญเรือง อายุ 44 ปี เพื่อนข้างห้อง เปิดเผยว่า ลุงสุเมธเข้ามาพักอาศัยที่หอพักแห่งนี้นานกว่า 3 เดือนแล้ว ซึ่งตนจะเห็นลุงสุเมธตื่นตั้งแต่ตี 4 เพื่อมาขับรถแท็กซี่ แล้วกลับเข้าห้องอีกครั้งประมาณ 21.00 น. ทุกวัน ที่ผ่านมาตนอยู่ข้างห้องเคยเห็นอาการป่วยมาตลอด ยืนยันว่าลุงสุเมธป่วยและลำบากจริง ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด เงินก็ไม่พอใช้เพราะค่าใช้จ่ายเยอะ
ด้านนายณัฐพงษ์ หรือ บี้ ลูกชายของนายสุเมธ เปิดใจว่า ตนเองเป็นลูกชายคนโต และมีน้องชายอีกคนแต่คนละแม่ เมื่อก่อนตนเองอยู่กับพ่อมาตั้งแต่เล็ก แต่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่งย้ายไปเรื่อย ๆ จนมาอยู่ที่ห้องเช่าใน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งพ่อก็ป่วยหลายโรค ตนก็โทรติดต่อพูดคุยกับพ่อทั้งที่พ่อป่วยและใช้เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งตอนออกมานั้นประมาณอายุ 15-16 ปี พ่อก็รู้และให้มาอยู่ที่พัทยา จ.ชลบุรี มาอยู่กับแม่ตนเอง ส่วนสาเหตุที่ออกมาก็เพราะหางานทำ ตนก็กลัวจะเป็นภาระของพ่ออีก ตอนนี้ตนมีรายได้ค่าจ้างวันละ 400 บาท แม่มีอาชีพขายผักในเมืองพัทยา ตนส่งเงินให้พ่อเป็นบางเดือน 600-800 บาท พ่อก็เข้าใจ
"พ่อเป็นคนที่ต่อสู้กับชีวิต ส่วนคนที่มองว่าทอดทิ้งพ่อนั้นไม่จริง อยากให้เข้าใจ ผมไม่มีงานทำจริงจัง ตอนนี้ก็เสียใจที่มีคนมาว่าผมว่าทิ้งพ่อ ส่วนเรื่องเงินบริจาคผมจะไม่เข้าไปยุ่งแม้แต่บาทเดียว ขอให้พ่อเขาจัดการเอง" ลูกชายของนายสุเมธ กล่าว
