พระวัดระฆังไม่เชื่อสมเด็จโตสอนธรรม "อัจฉราวดี" พระพยอมดึงสติระวังอย่าอวดกิเลส (คลิป)

29 ม.ค. 61
จากกรณีดราม่า อาจารย์อ้อย อัจฉราวดี วงศ์สกล เจ้าสำนักเตโชวิปัสสนา และประธานมูลนิธิโนวอิ้ง บุดด้า ที่กำลังเป็นประเด็นถูกวิพากษ์วิจารณ์ ถึงหลักการสอน การปฏิบัติว่า อาจขัดกับหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา และมีภาพที่พระสงฆ์ยกมือไหว้ ซึ่งได้มีการชี้แจงว่า ถูกบิดเบือนข้อมูล จ้องทำลาย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ทีมข่าวเดินทางมายังโรงเรียนแห่งชีวิต
ล่าสุด วันนี้ (28 ม.ค.) ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังโรงเรียนแห่งชีวิต ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักเตโชวิปัสสนา โดยพบว่าปิดทำการ จากการสอบถามเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า ปกติโรงเรียนแห่งชีวิต จะเปิดคอร์สสอนปลุกจิตสำนึกสำหรับเด็กอายุ 8-14 ปี ทุกวันอาทิตย์ช่วงปิดเทอมเท่านั้น ปีนี้ยังไม่มีคอร์สดังกล่าว ส่วนคอร์สสอนการนั่งสมาธิวิปัสสนา ปกติจะจัดขึ้นที่ จ.สระบุรี
นายพัทธดนย์ แสงเดือน ลูกศิษย์อาจารย์อ้อย
นอกจากนี้ ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายพัทธดนย์ แสงเดือน ลูกศิษย์อาจารย์อ้อย กล่าวว่า ตนศรัทธาในตัวของอาจารย์อ้อย เพราะตนศรัทธาการปฏิบัติตัวและหลักคำสอนของอาจารย์อ้อย โดยครั้งแรกที่ตนมีโอกาสไปนั่งสมาธิ คือช่วงปี พ.ศ. 2556 เพื่อนชวนไปงานภาวนาของอาจารย์อ้อย เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แผ่นดิน โดยเป็นช่วงวิกฤตการเมือง ยอมรับว่างานดังกล่าว ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง หลังจากนั้น ได้มีการจัดผ้าป่าเพื่อช่วยชาวนา ตนจึงรู้สึกประทับใจในการเสียสละเพื่อคนอื่น ส่วนเรื่องที่มีการวิจารณ์ว่า วิชาเตโชวิปัสสนาไม่มีในพระไตรปิฏก ตนเชื่อว่าเป็นไปตามที่ อ.อ้อย ชี้แจงว่า วิชาเตโชเป็นหลักการปฏิบัติธรรมที่ยึดตามพระไตรปิฏก ทั้งยังคิดว่า อ.อ้อย ไม่ได้พยายามตั้งตนเป็น ผู้นำลัทธิ เพราะไม่เคยแสวงหาอำนาจ หรือเงินทอง และยังสอนให้ลูกศิษย์ไม่โลภมาก ส่วนการระดมเงินบริจาค เกิดจากความศรัทธาของเหล่าลูกศิษย์ ที่อยากช่วยงานของมูลนิธิ อาจารย์อ้อย ก็ไม่เคยโฆษณาว่า หากบริจาคแล้วจะได้รับผลตอบแทนเพื่อสร้างแรงจูงใจ
อาจารย์อ้อย อัจฉราวดี วงศ์สกล เจ้าสำนักเตโชวิปัสสนา
ส่วนที่อาจารย์วิจารณ์พระสงฆ์ว่า เป็นอลัชชีนั้น ตนมองว่า อาจารย์อยากชี้ให้เห็นว่าวัดในปัจจุบันเปลี่ยนไป จนฆราวาสบางส่วนไม่อยากเข้าวัด เช่นตนที่ไปวัดแล้วไม่พบความสงบอย่างที่ต้องการ จึงอาจเข้าวัดกันน้อยลง ทั้งนี้ นายพัทธดนย์ กล่าวว่า การที่ลูกศิษย์ส่วนใหญ่นอบน้อมต่ออาจารย์อ้อย ไม่ใช่เพราะถูกสั่งสอนให้ทำแบบนั้น แต่เป็นเพราะความศรัทธา และเคารพในตัวอาจารย์ หากคนภายนอกมองว่า ลูกศิษย์ถูกล้างสมอง ตนก็เชื่อว่า ไม่เป็นเช่นนั้นเพราะว่า อาจารย์อ้อยสอนให้คนเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ลงพื้นที่มาวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร พบว่าในวันนี้มีพุทธศาสนิกชนเดินทางมาไหว้พระ ทำบุญ รวมไปถึงเข้าไปกราบไหว้รูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) เป็นจำนวนมาก แต่จากการที่สอบถามประชาชนถึงประเด็นของอาจารย์อ้อยนั้น ไม่มีใครพร้อมที่จะให้ข้อมูลกับทีมข่าว แต่ทางด้าน พระมหาชินวัฒน์ จกฺกวโร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ให้ข้อมูลว่า วัดระฆังไม่ใช่พระเชิงนักวิชาการ จึงไม่สามารถชี้ขาดได้ว่าถูกหรือผิด แต่ตามหลักพระพุทธศาสนา การที่พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ หรือพระสงฆ์ที่ปรินิพพาน หรือล่วงลับไปแล้ว จะกลับมาสอนคน เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากสมเด็จพระพุฒาจารย์โต ล่วงลับไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะมาปรากฎให้ใครเห็น จะเหลือเพียงธาตุเท่านั้น หากสมเด็จพระพุฒาจารย์โต ไปเข้าฝัน ยิ่งเป็นไปไม่ได้ และสมเด็จพระพุฒาจารย์โต เป็นพระสายวิชาการ สายปริยัติธรรม ไม่ใช่วิปัสนากรรมฐาน จึงคิดว่าบุคคลดังกล่าวน่าจะคิดไปเอง หรือเอาชื่อเสียงของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต ไปหากิน "ท่านเป็นบุคคลที่หวังดีต่อพระพุทธศาสนา ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ท่านไปสอนพระที่เดินตามวิถีท่าน หรือเลื่อมใสในท่านไม่ดีกว่าหรือ ทำไมถึงต้องไปสอนผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร"
พระราชธรรมนิเทศ (พยอม กลฺยาโณ) เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว
ทางด้าน พระราชธรรมนิเทศ (พยอม กลฺยาโณ) เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว มองว่า นางอัจฉราวดี รู้ศาสนา และธรรมประมาณหนึ่ง แต่ปัญหาน่าจะอยู่ตรงการควบคุมความรู้ไม่อยู่ เนื่องจากมีการปล่อยข้อมูลออกมามากจน ทำให้คนบางกลุ่มเข้าใจว่า "เป็นการอวดกิเลสหรือไม่" แต่การที่พูดว่า เตโชวิปัสสนา ถือว่าพูดถูกต้อง จากการสังเกตน่าจะเกิดการควบคุมความรู้ไม่อยู่ หรือภาษาโบราณเรียกว่า "ตื่นรู้ ตื่นความรู้ ร้อนวิชา แต่พอร้อนวิชามา ไม่เพียงแต่จะแผดเผาตนเอง แต่จะแผดเผาลูกศิษย์ด้วย" พระพยอม กล่าวอีกว่า ยุคนี้เป็นยุคเกลื่อนกลาดศาสดา เนื่องจากพอใครได้รับการสนับสนุนจากลูกศิษย์ ก็อยากจะเป็นศาสดา คนสมัยนี้ประพฤติธรรมเพื่อให้คนมาเป็นลูกศิษย์ แต่เรื่องเช่นนี้มีมาตั้งนานแล้ว หลักความเป็นจริง ไม่ควรจะเรียกแทนตัวเองว่า "อาจารย์" ด้วยซ้ำไป เพราะขนาดผู้เป็นพระยังแทนตัวเองว่า "อาตมา"
อาจารย์อ้อย อัจฉราวดี วงศ์สกล เจ้าสำนักเตโชวิปัสสนา
ส่วนกรณีที่ไม่ใช่สงฆ์หรือนักบวช ลูกศิษย์จะต้องคลานเข่าเข้าหาหรือไม่นั้น พระพยอม คิดว่า จะต้องพิจารณาก่อนว่าเป็นความต้องการของศิษย์หรืออาจารย์สั่ง แต่ถ้าอาจารย์สั่งเช่นนั้น ตนมองว่า "โอเวอร์เกินไป" หรือสั่งสอนให้ทำ หรือบังคับให้ทำ ถือว่าทำเกินไปในยุคปัจจุบัน เพราะทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการนับถือ แต่ถ้าลูกศิษย์ทำเอง โดยไม่มีใครสั่งก็ไม่มีปัญหา ส่วนประเด็นที่ว่า เหล่าฆราวาส สามารถบรรลุทางธรรมได้นั้น ความจริงคือฆราวาสสามารถบรรลุธรรมได้ แต่บรรลุแล้วจะไม่อวด เนื่องจาก ถ้าอวดมากถือว่าไม่ดี เป็นโทษด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม พระพยอม ขอวิงวอนหน่วยงานทั้งสำนักพุทธศาสนา และมหาเถรสมาคม ควรจะอธิบายแต่ละประเด็นให้ประชาชนเข้าใจ เพราะประชาชนจะได้ไม่หลงใหล หากหลงใหลแล้วจะดึงกลับยาก หรือที่เรียกว่า "บริโภคปัญญาของอาจารย์แต่เพียงผู้เดียว" แล้วจะไม่เชื่อฟังใครทั้งสิ้น
ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก นิตยสารข้ามห้วงมหรรณพ กับอ.อัจฉราวดี วงศ์สกล

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ