ชีวิตพลิกไม่หยุด! "เค้ก B5" จากนักร้องสู่เจ้าของร้านขนม ล่าสุดเป็น "หมอดู"!

21 ส.ค. 63

ถ้าพูดถึงนักร้องเสียงนุ่มที่แฟนเพลงหลายคนยังคงคิดถึง "เค้ก B5" หรือ อุทัย ปุญญมันต์ ต้องเป็นหนึ่งในนั้นแน่นอน ซึ่งหลังจากห่างหายจากวงการเพลงเพื่อไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เค้ก ก็ได้วิชาทำเบเกอรี่กลับมาด้วย รายการ ต้มยำอมรินทร์ เลยขอยกขนมปังแสนอร่อยมาชิม พร้อมพูดคุยเรื่องราวของนักร้องเสียงดีที่พลิกไม่มีหยุด จากนักร้องผันตัวมาเปิดร้านขนม “Loaf Bakery & Cafe” และล่าสุดพลิกผันถึงขั้นขีดสุดกับการผันตัวมาเป็นหมอดู! 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สายมูตัวพ่อ "เชน ธนา" จัดงานแต่งอีกครั้ง เสริมความปังให้ชีวิต!
- เปิดชีวิตของตัวแม่สายแดนซ์แห่งยุค 90 "เด็บบี้ บาซู" กับบทบาทการเป็นคุณแม่ลูกหนึ่งหุ่นแซ่บ
- แชมเปญ เอ็กซ์ จากเซ็กซี่สตาร์ พลิกผันชีวิต หันหน้าสู่การเกษตร ทำไร่ทำสวนกว่า 200 ไร่
- หัวใจสีชมพู!! "เชียร์ ฑิฆัมพร" เผยคำหวานตอน "บิ๊ก ธนพนธ์" ขอเป็นแฟน
- "แนน ชลิตา" ประกาศปิดอู่! มุ่งเก็บเงิน 20 ล้าน ไว้ให้ลูกชาย
- ดูเพลิงนางย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่

s__59695147

ถาม ทำไมถึงผันตัวมาทำขนม?

เค้ก : ทำมา 10 ปีแล้ว และที่ชื่อเค้กเพราะว่าแม่ทำเบเกอรี่มาตั้งแต่เราเกิด มันอยู่ในสายเลือด พอดีช่วง 10 ปีที่แล้วมีโอกาสได้ไปเรียนภาษาที่ฝรั่งเศสครับ แล้วเราก็แอบเบื่อการเรียนภาษา ก็เลยไปขอเทคคอร์สอื่นๆ ด้วย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเบเกอรี่ เราไปเรียนถึงโรงแรมริทซ์ ออริจินอลริทซ์เลยในปารีส เราไปเจออัชเชอร์(นักร้องชื่อดัง)กำลังยืนอยู่ข้างทางหน้าโรงแรมริทซ์ เราก็เข้าไปเรียน


ถาม ตอนที่เค้กไปเรียน ร้านเปิดแล้วหรือยัง?  

เค้ก : ยังครับ ตอนเด็กๆ บ้านอยู่ต่างจังหวัด แม่ก็เป็นคนแรกที่เอาเบเกอรี่มาขายให้กับคนพื้นบ้าน มันก็จะเป็นเบเกอรี่ประยุกต์ไทยๆนิดนึง ขนมปังไส้หมูหยอง ไส้กรอก ขนมเค้กแบบไทยๆ พอเราโตขึ้นมา คุณแม่ก็เปลี่ยนอาชีพ ยังชอบอยู่แหละ แต่ว่าไม่ได้ทำแล้ว แล้วเราก็รู้สึกผูกพันมา พอเราโตมาเป็นนักร้อง หลังจากเป็นนักร้องเราก็ไปเรียนประเทศต่างๆ สุดท้ายมาจบที่ฝรั่งเศสและก็กลับมาเมืองไทย แม่ก็บอกว่าเรามีที่อยู่ตรงนี้นะเป็นตึกของเราเอง แล้วก็อยู่ใกล้กับชุมชนที่มีฝรั่งมาอยู่เป็นรายเดือน น่าจะเปิดร้านอะไรสักหน่อยไหม เราก็คิดแบบ ก็อยากทำนะ สนุกๆ เราชอบร้านกาแฟ ร้านคาเฟ่อยู่แล้ว ก็เลยสรุปว่าลองทำเมื่อสิบปีที่แล้ว เหมือนกับว่าทำเอาสนุกอะ อยากทำอะไรอย่างนี้ ณ ตอนนั้น พัทยายังไม่ค่อยมีร้าน แต่จะมีร้านลา บาแกตต์นะครับที่เราชอบไปมาก(ร้านของจ๋าภรรยาอั๋น) ตอนนั้นเรารู้สึกว่าบริเวณนี้ยังไม่ค่อยมีร้านให้ฝรั่งแถวนี้เลย เราก็เลยมาลองเริ่มทำดูครับ ซึ่งตอนแรกเราทำเอง คือเรามีความรู้แต่ประสบการณ์เราสู้คุณแม่ไม่ได้ เพราะว่าทำมานาน เราก็เอาสูตรทุกอย่างมารวมกัน แล้วเราพยายามถ่ายทอดให้กับพนักงาน เพื่อที่เขาจะได้ทำต่อได้ครับ แต่ตอนแรกเราต้องทำเองทุกอย่าง


ถาม ชื่อร้านแปลว่าอะไร?

เค้ก : Loaf (อ่านว่า โลฟ) จริงๆ มันเป็นภาษาอังกฤษ A loaf of Bake มันก็คือก้อนขนมปัง ตอนนั้นปรึกษาพี่บอย(บอย โกสิยพงษ์)ว่าชื่ออะไรดี ก็คิดชื่อนี้ขึ้นมา พี่บอยก็บอกว่าก็ดีนะ เพราะมันสามารถเล่นเป็น Love ได้ สโลแกนของร้านคือ WE LOAF YOU คือ WE LOVE YOU 


ถาม มีบางอย่างที่เป็นไฮไลท์ ไม่สั่งไว้ก่อน หมดนะ

เค้ก : สติกกี้บัน ทำจากแป้งพัฟเพรสตี้ คล้ายๆ พวกครัวซองค์ เราเคยลองเอามาทำดู ไม่ค่อยถูกปากคนไทย มันจะติดแข็งนิดนึง เราก็เลยค่อยๆ ปรับสูตรมาเรื่อยๆ เราก็เลยเอาสูตรของอเมริกาเนี่ย มาผสมกับเทคนิคบางอย่างของการทำบริยอชของฝรั่งเศส แล้วเราก็ผสมมันเข้าด้วยกัน ให้เป็นแป้งที่นุ่มขึ้น แล้วก็ปรับไส้จากที่เมื่อก่อนจะเป็นอัลมอนด์แบบฝรั่ง เราก็เปลี่ยนเป็นมะพร้าว สั่งมาจากสัตหีบ ตอนนี้มี 2 รสเป็นรสหลักและจะมีรสพิเศษมาเป็นฤดูกาล


ถาม อันไหนขายดีสุด?

เค้ก : มะพร้าว

s__59695149

ถาม ตอนเปิดร้านครั้งแรกเนี่ยเห็นว่ามีปัญหาเยอะมาก?

เค้ก : ตอนที่เราเป็นนักร้องอะ เราโดนเทคแคร์ แต่ว่าพอมาทำร้านอาหารเนี่ยคือเราต้องเป็นฝ่ายดูแลคนอื่น ทั้งพนักงาน ทั้งลูกค้าแล้วเราก็ปรับตัวไม่ทัน เราไปอยู่ที่เมืองนอกมา เราจะมีภาพบางอย่างที่อยากให้ร้านเราเป็น แต่พอกลับมา ทีมงานของเราเป็นคนไทย แล้วเขาก็ไม่เคยเห็นภาพนั้นกับเรา แล้วพอมันไม่ได้ตามที่เราอย่างจะได้ มันก็หงุดหงิด


ถาม ถึงขนาดมีลูกน้องมาทำงานได้ชั่วโมงเดียวออกเลย?

เค้ก : คือตอนเขาออกเนี่ย เขาไม่ได้บอกเราว่าเขาจะออก เขาบอกพี่หนูไปซื้อของหน่อย ซื้อข้าวกินหน่อยแล้วเขาก็ไปเลย


ถาม แล้วทำไมเขาถึงไปใน 1 ชั่วโมง เราไปทำอะไร?

เค้ก : ไม่แน่ใจเหมือนกัน ตอนนั้นเหมือนกับว่าเขาเข้ามาแล้วรู้สึกว่ามาตราฐานมันสูง แล้วเขารู้สึกมันเกินตัวเขามากไปอะไรอย่างนี้ครับ


ถาม อีกอย่างหนึ่งที่แปลกมากที่เลือกจะไปเรียน คือ เรียนวิชาสะกดจิต?

เค้ก : จริงๆ แล้วเราชอบเรื่องจิตวิทยามาตั้งแต่เด็กแล้วแหละ แล้วพอมาทำตรงนี้ เรารู้สึกว่าทำไมเราเข้าใจคนอื่นน้อยจัง ทำไมเราบริหารจัดการอะไรยากมาก ก็เลยไปเรียนเพิ่มเติมจนกระทั่งถึงจุดนึง เราก็เริ่มสงสัยในตัวเอง เรารู้สึกว่าเรามีอะไรบางอย่างที่เราอยากจะเอามาใช้เป็นประโยชน์นะ แต่ว่ามันคืออะไร? ก็เลยไปคุยกับคุณหมอท่านนึงที่มีคนแนะนำไป ซึ่งเขาเป็นอาจารย์แพทย์แต่ว่าเขาไม่ได้ทำในโรงพยาบาลแล้ว ออกมาเปิดคลีนิคในการสะกดจิดเพื่อพัฒนาจิตใต้สำนึกอะไรอย่างนี้


ถาม ล่าสุดเป็นหมอดู นี่คือไพ่อะไรทำไมมันมีหลากหลายแบบนี้?

เค้ก : มันคือไพ่ออราเคิล จริงๆ ออราเคิลเนี่ย ตามตำนานเลยอะมันมีตั้งแต่สมัยกรีกแล้ว แต่เขาเพิ่งทำมาเป็นไพ่เนี่ยเมื่อประมาณ 200 กว่าปีที่ผ่านมา หลังจากไพ่ยิปซี ไพ่ทาโรต์ ไพ่ยิปซีมันเหมือนการพยากรณ์เหตุการณ์ แต่ว่าไพ่ออราเคิลเนี่ย ผมไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นการดูดวง แต่มันเป็นการช่วยตีความให้มุมมอง ออราเคิลมันไม่มีความแม่นหรือไม่แม่น มันเป็นความแค่ว่าแมสเซจที่คุณต้องการที่จะได้ยินเพื่อผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ดีที่สุดคืออะไร กึ่งโค้ชชิ่งนิดหน่อย คือมันไม่ได้ดึงอำนาจการตัดสินใจการใช้ชีวิตของเราไปมันแค่ให้มุมมองแล้วคุณก็ตัดสินใจเอง

s__59695145

ถาม ทำไมถึงเลือกไปเรียนอันนี้อีก?

เค้ก : อันนี้เราไม่ได้เรียน เราใช้เองก่อน ตอนแรกเราชอบเรื่องไพ่ เพราะว่าไพ่มันมีเรื่องของศิลปะและก็ชอบเรื่องของจิตวิทยา แล้วก็ชอบเรื่องของการช่วยเหลือคนอื่น มันเป็นอะไรที่ลงตัวพอดี 


ถาม แปลว่าทุกอันที่พี่เค้กเก็บคือสะสมด้วยไหม?

เค้ก : ใช่ ตอนแรกเราไม่คิดเลยว่าเราจะดูดวงหรืออะไรอย่างนี้ เราไปดูแล้วเราก็รู้สึกว่าเออ มันน่าสนใจดี แล้วก็ทำอะไรกับมันได้มั่งนะ แล้วก็ซื้อมาลองทำดู


ถาม เราลองใช้กับตัวเองก่อน เหมือนเป็นการไกด์กับตัวเองด้วย เพราะว่าเราก็ไปหลากหลายอาชีพอยู่?

เค้ก : ใช่ครับ อาจจะปัญหาของเรา ต่างจากคนอื่นนิดนึง คือเราร้องเพลงก็พอได้ ทำอาหารก็พอได้ คือทำได้หลายอย่าง กลายเป็นว่าแล้วเราจะเอาอันไหนดีนะ แล้วการที่เราได้ให้ความสบายใจกับคนอื่นอะ เป็นสิ่งที่เราทำแล้วมีความสุขที่สุด มันจะแม่นไม่แม่นอะไร อย่างน้อยเลยนะฮะ มันเป็นการเริ่มต้นบทสนทนาที่ดี สมมุติเราเปิดไพ่นึงมา ไพ่บอกบางอย่าง เราได้คุยกับคนนั้น

s__59695144

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส