เจอแล้ว! นร.สาว ม.4 หายตัวเจอกระเป๋าลอยน้ำ ที่แท้น้อยใจพ่อ ขอพักใจที่เมืองกรุง (คลิป)

19 ส.ค. 63

จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก “คนข่าวบางปะกง” ได้ไลฟ์สดเผยให้เห็นเหตุการณ์ หลังจากมีผู้พบกระเป๋าปริศนาตกอยู่ริมตลิ่ง เมื่อเปิดกระเป๋าดูกลับพบว่้ามีชุดนักเรียน และสิ่งของ พร้อมทั้งโทรศัพท์มือถืออยู่ในกระเป๋าด้วย

271901

จากการตรวจสอบพบว่ามีเอกสารที่มีชื่ออยู่ ระบุว่า เป็นของนักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ฉะเชิงเทรา มีชื่อนามสกุล และภาพปรากฏอยู่ โดยมีผู้ระบุว่า พ่อแม่กำลังตามหาตัวเด็กหญิงรายดังกล่าวอยู่ เนื่องจากเด็กหายตัวไปจากโรงเรียนที่ จ.พิษณุโลก เมื่อประมาณเวลา 14.00 น. ของวันที่ 19 ส.ค.63 และไม่ทราบว่ากระเป๋าดังกล่าวมาปรากฏที่แม่น้ำได้อย่างไร ทั้งนี้ยังไม่ทราบว่าเด็กรายดังกล่าวอยู่ไหนและอยู่ระหว่างติดตามตัว

631056850970

ล่าสุดวันที่ 19 ส.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุท่าเรือด้านหลังโรงงานแห่งหนึ่ง พื้นที่ ม.1 บ้านบน ต.บางปะกง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา โดยจุดที่พบกระเป๋าอยู่บริเวณเสาปูนใต้ท่าเรือ ซึ่งเป็นจุดที่น้ำลงจนเป็นดินโคลน

915267

สอบถามนายสมชาย ชะลีรัมย์ อายุ 49 ปี ผู้พบกระเป๋า ระบุว่า เมื่อเวลา 09.00 น. ขณะตนกำลังเดินตรวจตราอยู่บริเวณท่าเรือ สังเกตเห็นกระเป๋าอยู่ติดกับเสาปูนในแม่น้ำ จึงใช้ไม้เขี่ยขึ้นมา พบว่าเป็นกระเป๋าเป้สีดำแดง เปิดดูมีเสื้อผ้านักเรียนผู้หญิง 1 ชุด เสื้อยืดกางเกงขาสั้น 4-5 ตัว เอกสารผลการเรียน โทรศัพท์มือถือที่ไม่มีซิมการ์ด เครื่องสำอาง และเอกสารการเบิกถอนเงิน จำนวน 160,000 บาท ซึ่งเป็นชื่อของผู้ใหญ่ และรูปถ่ายติดบัตรของเด็กนักเรียนผู้หญิง และนักเรียนชาย

674621

เมื่อเห็นดังนั้นตนจึงแจ้งผู้ใหญ่บ้าน และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ จนได้ทราบว่ากระเป๋าดังกล่าวน่าจะเป็นของนักเรียนหญิงที่หายตัวจากโรงเรียนในจังหวัดพิษณุโลก ส่วนตัวคาดว่ากระเป๋าดังกล่าวน่าจะถูกโยนทิ้งจากสะพานบางปะกง ซึ่งอยู่ห่างจากท่าเรือประมาณ 200 เมตร และน้ำอาจจะซัดมาที่นี่ ทั้งนี้ตนไม่รู้จักเด็กนักเรียนในภาพ ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน

759257

สอบถามพนักงานสอบสวนสภ.บางปะกง ระบุว่า ล่าสุดพ่อของนักเรียนหญิง เจ้าของกระเป๋าโทรศัพท์มาแจ้งว่า สามารถติดต่อลูกสาวได้แล้ว ลูกแจ้งว่าปลอดภัยดี ขณะนี้อยู่กับเพื่อนที่กรุงเทพฯ ส่วนกระเป๋าได้ทำตกไว้และหาไม่เจอ

ผู้สี่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่โรงเรียนนครไทย อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ที่ถูกระบุว่าเด็กนักเรียนหญิง คือ น.ส.ปทิตตา อายุ 16 ปี โดยมีกลุ่มเพื่อน ๆ จับกลุ่มพูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น หลังเกิดเรื่องผู้ปกครองได้มาติดตามไถ่ถามที่โรงเรียน ก่อนจะเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.นครไทย นอกจากนี้หลังเกิดเรื่องทางโรงเรียนได้หามาตรการป้องกันบุคคลภายนอกเข้ามาภายในโรงเรียนอย่างเคร่งครัด

829700

ต่อมาที่สภ.นครไทยว่าที่ร.อ.นราศักดิ์ แก้วกรองทรัพย์ อายุ 47 ปี บิดาของน.ส.ปทิตตา พร้อมภรรยา ได้เดินทางเข้าพบกับพ.ต.อ.ธรธวัช แจ่มอุดมโชต ผกก.สภ.นครไทย เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม

ว่าที่ร.อ.นราศักดิ์ เปิดเผยว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นมาจากสาเหตุลูกสาวของตนอาจจะน้อยใจเรื่องวางแผนการเรียนในอนาคต ซึ่งน.ส.จิ๊บ สอบติดโรงเรียนช่างฝีมือทหาร (ภาคสมทบ) เพราะมีความฝันว่าอยากเป็นทหาร แต่ทางครอบครัวไม่เห็นด้วย อยากจะให้เรียนจบระดับ ม.6 และระดับปริญญาตรีตามลำดับ แล้วจะให้ไปสอบข้าราชการทหารหรือตำรวจ เพราะอาชีพจะมั่นคงมากกว่า จึงทำให้ลูกสาวอาจไม่เข้าใจและน้อยใจคิดว่าตนบังคับให้เรียน จึงเกิดภาวะความเครียด หนีออกจากบ้านไปหาเพื่อนที่กรุงเทพฯ

996024

ล่าสุดนั้นได้มีการติดต่อพูดคุยกันทางโทรศัพท์แล้วว่า ปลอดภัยดี ขณะนี้พักอาศัยอยู่กับเพื่อนที่หอพักแห่งหนึ่งย่านรัชดาฯ และขอพักผ่อนให้สบายอีกสัก 2 วัน จึงจะเดินทางกลับบ้านที่จ.พิษณุโลก

ส่วนฝ่ายชายที่ขี่รถจักรยายนต์บิ๊กไบก์มารับนั้น ทราบว่าเป็นเพื่อนที่เรียนอยู่วิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่งในจ.พิษณุโลก ไม่มีเจตนาไม่ดี แต่ทางฝ่ายลูกสาวโทรไปขอร้องให้มารับพาไปส่งที่สถานีรถไฟพิษณุโลก แต่ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน กลัวจะเป็นอันตรายและมีเงินติดตัวเพียง 500 บาท จึงอาสาขี่รถจักรยานยนต์พาไปส่งที่กรุงเทพฯ

846107

ในประเด็นกระเป๋านักเรียนที่พบในแม่น้ำปางประกง จ.ฉะเชิงเทรา คาดว่าน่าจะร่วงตกระหว่างทาง จนมีคนไปพบแล้วเก็บไปค้นหาทรัพย์สิน แต่ไม่มีทรัพย์สินมีค่าใด ๆ จึงนำไปโยนทิ้งแม่น้ำปางประกงในที่สุด

612021

ด้านพ.ต.อ.ธรธวัช ผกก.สภ.นครไทย กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทางผู้บังคับบัญชาให้ความสนใจเป็นพิเศษ ตนจึงสั่งการให้ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าว พร้อมกับประสานตำรวจพื้นที่จ.ฉะเชิงเทราจนพบภาพผู้ต้องสงสัยจากกล้องวงจรปิด กระทั่งมีการติดต่อพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ว่าพบตัวเด็กนักเรียนหญิงแล้ว ปลอดภัยดี ถือว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จบลงด้วยดีไม่ใช่คดีฆาตกรรมทิ้งน้ำแต่อย่างใด

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส