“อ.จตุรงค์ จงอาษา” ช็อกไอ้โม่งดักตีหน้าบุบ คาดปมรายการทีวี (คลิป)

19 ส.ค. 63

"อ.จตุรงค์ จงอาษา" ถูกฟาดด้วยหมวกกันน็อกแก้มยุบ คาดอาจเป็นผู้ไม่หวังดี ไม่ชอบที่ตนเองเคลื่อนไหวและวิพากษ์วิจารณ์หลายเรื่อง

 

จากกรณี อ.จตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการพุทธศาสนา ถูกคนร้ายทำร้ายร่างกาย จนแก้มขวายุบเล็กน้อย มีอาการปวดที่บริเวณศีรษะและกรามด้านขวา ต้องหลบซ่อนตัว และระมัดระวังตัวมากขึ้น คาดว่าปมทั้งหมดอาจจะมาจากที่อาจารย์เคลื่อนไหวในหลายเรื่อง

 

จตุรงค์ จงอาษา

 

ล่าสุดวันที่ 19 ส.ค. 63 อ.จตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการพุทธศาสนา เปิดใจว่า ตนเองยังรู้สึกเบลอ ๆ จากเหตุการณ์เมื่อวานนี้ ตนเองไปทำธุระที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ระหว่างกลับเวลาประมาณ 19.00 น. แวะไปซื้อก๋วยเตี๋ยวย่านวัดเอี่ยมวรนุช เขตพระนคร กรุงเทพฯ ซึ่งขณะที่ตนกำลังยืนหันหลังเลือกเมนูอยู่หน้าร้าน มีบางอย่างเข้ามากระทบศีรษะและใบหน้าด้านขวา ตนมีอาการคล้ายจะวูบ จึงเข้าไปหลบในร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านก็รู้สึกตกใจอึ้ง แต่ได้ช่วยเหลือตนให้หลบอยู่ในร้าน

 

จตุรงค์ จงอาษา

 

หลังจากนั้นตนเองได้แจ้งความกับ สน.ชนะสงคราม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ช่วยเหลือ และได้ทราบว่ากล้องวงจรปิดของทางตำรวจสามารถบันทึกภาพตอนที่ตนถูกตี 1 ครั้ง คนร้ายใช้หมวกกันน็อกเข้าฟาดตนและหนีไป

 

จตุรงค์ จงอาษา

 

ซึ่งตนเองไม่ทราบสาเหตุ แต่คาดว่าอาจจะเป็นผู้ไม่หวังดี ไม่ชอบที่ตนไปร้องเรียนกับทาง DSI ทั้งเรื่องมาเฟียวัดไอ้ไข่ และรายการช่องส่องผี ที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อ

 

จตุรงค์ จงอาษา

 

นอกจากนี้ คนที่ทำอาจจะไม่พอใจที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาตนออกรายการวิพากษ์วิจารณ์ในหลายเรื่อง ซึ่งการวิจารณ์ของตนอาจจะทำให้คนไม่พอใจได้

 

จตุรงค์ จงอาษา

 

ตอนนี้ความรู้สึกของตนคือเจ็บใบหน้า รู้สึกกลัว และก็งงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตนไม่เคยเจอเหตุแบบนี้มาก่อน ตนก็คิดว่า "ประเทศไทยเป็นประเทศเสรี ดังนั้นอย่าคิดอะไรเยอะ หากรักที่จะวิพากษ์วิจารณ์หรือเคลื่อนไหว ก็ต้องทำใจกับสิ่งที่มันตามมา เพราะมันอาจจะไม่ได้มีใครชอบหรือรักไปทั้งหมด" อาการของตนตอนนี้แก้มด้านขวามีรอยยุบลงไปเล็กน้อย ยังไม่ถึงขั้นว่าต้องผ่าตัด อยู่ในช่วงเฝ้าดูอาการก่อน

 

จตุรงค์ จงอาษาจตุรงค์ จงอาษา

 

หลังจากนี้ ตนเองก็จะระมัดระวังตัวมากขึ้น เก็บเนื้อเก็บตัวมากขึ้น แต่สิ่งที่ตนเคลื่อนไหวไป ตนเองก็คงไม่เลิกทำแน่นอน เพราะตนพูดอย่างสุจริต

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส