จากกรณีนายประทาน วังสอน อายุ 50 ปี หรือชาวบ้านเรียกกันว่า "ไอ้อ้วนหื่นกาม" ก่อเหตุข่มขืนเด็กหญิงวัย 11 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าได้หลบหนีขึ้นเขาผาแดง จนกระทั่งตามล่าจนพบแล้ว คุมมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ปิดเขาล่า “ไอ้อ้วน” แม่ไม่เชื่อฉุดเด็ก 11 ขยี้กาม พ่อเหยื่อรับผิดเองเพราะไว้ใจเพื่อน
วันที่ 19 ส.ค. 63 ทีมค้นหานายประทาน วังสอน อายุ 50 ปี รวมตัวกันบริเวณหน้าเทศบาลตำบลหนองสังข์ในเวลา 9.00 น. แบ่งทีมค้นหาออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มวัดป่าวงกฎคีรี ประกอบไปด้วย เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตรวจสภ.หนองสังข์ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ รวม 20 นาย
เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลมาว่านายประทานมาปรากฎตัวขึ้นบนยอดเขาผาแดงในช่วงเช้า เวลาประมาณ 07.30 น. ห่างจากวัดป่าวงกฎคีรีประมาณ 5 กิโลเมตร และได้ทำการข่มขู่ชาวบ้านที่ขึ้นไปเก็บเห็ดบนยอดเขา ขอข้าวเหนียว 2 ห่อไปกิน
โดยในเวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่ได้พบกับชาวบ้านชาวต.นางงาม อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ชายเก็บเห็ดบริเวณตีนเขาผาแดงพบนายประทานในสภาพหิวโซ สวมเสื้อสีฟ้า กางเกงสีดำ สะพายกระเป๋าสีดำ เดินเข้ามาขอห่อข้าวเหนียวจำนวน 2 ห่อ ด้วยความหวาดกลัว ซึ่งนายประทานพูดกับคนเก็บเห็ดว่า "กูจะจะไม่ยอมมอบตัวเด็ดขาด" ก่อนจะวิ่งหนีไป
ส่วนกลุ่มค้นหากลุ่มที่ 2 กลุ่มวัดป่าอัมพวัน ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่ปกครอง ชาวบ้าน เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้จากอุทยานแห่งชาติน้ำพอง 8 นาย ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ 12 นาย รวม 72 นาย นำทีมโดยนายสุเมฆ รวงงาม อายุ 43 ปี กำนันตำบลหนองสังข์ ซึ่งจะทำการค้นหาเริ่มจากวัดป่าอัมพวัน ขึ้นเขาผาแดง ทะลุไปถึงบ้านโคกม่วง หมู่ 9 โดยจะแบ่งเป็นกลุ่มย่อย กลุ่มละประมาณ 5 คน กระจายกำลังกันค้นหา ถือว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มดักคอยนายประทานที่จะเดินทางมาจากวัดป่าวงกฎคีรี
โดยทีมข่าวได้เดินขึ้นเขามาพร้อมกับกลุ่มที่ 2 ของนายสุเมฆ รวงงาม กำนันตำบลหนองสังข์ สภาพภูเขานั้นค่อนข้างจะสูงชัน เดินทางลำบาก ใช้เวลา 1.30 ชั่วโมง เดินจากตีนเขาบริเวณวัดอัมพวันขึ้นมาถึงถ้ำค้างคาว ซึ่งเป็นถ้ำจำศีลของพระวัดป่าอัมพวัน ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร ไม่พบร่องรอยการหลบซ่อนของนายประทาน
จากนั้น เจ้าหน้าที่และทีมข่าวได้เดินขึ้นเขาผาแดงต่ออีกประมาณ 500 เมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที เพื่อสำรวจถ้ำพระประธานที่เจ้าหน้าที่ได้มาสำรวจไปแล้วเมื่อวานนี้ แต่ก็ไม่พบร่องรอยของนายประทาน พบเพียงร่องรอยเก่า เช่น หม้อข้าวที่นายประทานเคยใช้เมื่อขึ้นมาหลบซ่อนบนเขาเพื่อหนีคดีลักทรัพย์เมื่อครั้งก่อน
เมื่อเวลาประมาณ 16.15 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหาสามารถจับกุมตัวนายประทานได้แล้ว เวลาประมาณ 17.20 น. ทีมค้นหาได้พาตัวนายประทานลงมาจากเขาผาแดง มาบริเวณวัดป่าอัมพวัน โดยมีชาวบ้านคอยมุงดูเหตุการณ์กว่า 50 คน ตะโกนส่งเสียงดังด่านายประทาน นายประทาน บอกเพียงสั้น ๆ ว่า "ไม่ได้ตั้งใจก่อเหตุ" และพยักหน้ายอมรับว่าตัวเองเมา
เวลา 19.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพาตัวนายประทาน ผู้ต้องหา มาถึงสถานีตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ตั้งโต๊ะแถลงข่าว นำโดยพล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี รอง ผบช.ภาค 3, พล.ต.ต.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ, พ.ต.อ.ไพโรจน์ ขุนหมื่น รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ชัยภูมิ และ ผู้ต้องหา
พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี รอง ผบช.ภาค 3 กล่าวว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ากระทำความผิดจริง โดยผู้ต้องหาเคยต่อคดีมาหลายคดีตั้งแต่อายุประมาณ 30 ปี
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยใช้กำลังประทุศร้าย โดยมีอาวุธและโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้, พาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่ออนาจาร, พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่ออนาจาร
ด้านนายประทาน เปิดเผยว่า ตนไม่ได้เตรียมการก่อเหตุมาก่อน ตนพาเด็กหญิงไปบริเวณสำนักสงฆ์ เนื่องจากตนจะเลยเข้าไปเอาเงินกับแม่ของตนก่อนจะไปซ่อมโทรศัทพ์มือถือ แต่ตนเกิดอารมณ์ทางเพศ จึงลงมือบังคับขืนใจเด็ก สิ่งที่ตนทำลงไป ตนอาจจะเกิดอารมณ์ทางเพศจากการดื่มสุรา
ทั้งนี้ ตนไม่เคยข่มขืนใคร ตนไม่ได้บังคับเด็กให้ไปเรียกเพื่อนมาให้ตนข่มขืนเพิ่ม ตนยอมรับว่าตนบังคับให้เด็กหญิงดื่มสุรา แต่ไม่ได้บังคับให้เสพยา ยืนยันไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ แค่ทำการถูไถ ก่อเหตุบริเวณกระท่อมเท่านั้น
ด้านนายสัญ (นามสมมติ) พ่อของเด็กหญิงผู้เสียหาย ที่เดินทางมาดูการคุมตัวนายประทานลงจากเขาผาแดง บริเวณตีนเขา วัดป่าอัมพวัน เกือบจะวิ่งเข้าไปทำร้ายผู้ต้องหาด้วยความโกรธแค้น
นายสัญ (นามสมมติ) เปิดเผยว่า ตนดีใจและโล่งใจสบายใจมากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายประทานได้สำเร็จ ซึ่งตนยอมรับว่ายังคงมีความโกธรอยู่ ไม่รู้ว่าตนเองจะระงับอารมณ์ได้หรือไม่ หากเจอหน้านายประทาน ขณะนี้ลูกสาวของตนอาการดีขึ้นมาก หายผวาและหายปวดท้องแล้ว แต่ตนยังคงโทษตัวเองที่เป็นคนทำให้ลูกสาวต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ตนผิดที่ติดสุรา และอยากขอโทษครอบครัวด้วย
สุดท้าย ตนขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานเป็นอย่างมากที่จับกุมตัวนายประทานได้ จากนี้ขอให้ศาลประหารชีวิตนายประทานทันที เพราะเคยก่อคดีหลายครั้ง ปล่อยตัวออกมาเดี๋ยวก็ก่อคดีอีก ไม่สมควรให้นายประทานอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป
จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พ.ต.อ.ไพโรจน์ ขุนหมื่น รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ชัยภูมิ สั่งคุมนายประทานไปบริเวณกระท่อมนาแห่งที่ 2 ซึ่งห่างจากกระท่อมแรกที่ข่มขืนเด็กหญิงประมาณ 600 เมตร โดยนายประทานยอมรับว่าหลังจากเจอกับนายศักดิ์ (นามสมมติ) ชาวบ้าน ก็ได้พาเด็กหญิงมาที่กระท่อมแห่งนี้ พยายามจะลวนลามข่มขืนอีกครั้ง แต่ไม่เสร็จกิจ และได้ทิ้งมีดไว้ที่กระท่อมและปล่อยตัวเด็กหญิงไป ก่อนที่จะหนีขึ้นเขาผาแดง
เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บวัตถุพยานมีดแล้ว ก็ได้พาตัวนายประทานขึ้นรถตู้ เพื่อเดินทางมายังสถานีตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ นายประทาน บอกว่า ตนไม่ได้คิดจะมอมพ่อของเด็ก ตนเองขึ้นเขาผาแดงเมื่อวานนี้ ประมาณ 22.00 น. เสื้อสีเขียวที่ใส่อยู่นี้เป็นเสื้อที่ใส่อยู่แล้ว แต่ตนถอดเสื้อลายพรางทิ้งไป ตนได้เจอขาวบ้านที่เก็บเห็ดเมื่อเช้านี้ ซึ่งชาวบ้านบอกให้ตนมอบตัว ตนก็รู้ดีว่าตนต้องถูกออกหมายจับ