จากกรณีนายประทาน วังสอน หรือชาวบ้านเรียกว่า "ไอ้อ้วนหื่นกาม" อายุ 50 ปี ภูมิลำเนาบ้านหนองหญ้าปล้อง อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ก่อเหตุลวงเด็กหญิงอายุ 11 ปี จากหมู่บ้านอื่นไปข่มขืนกลางวัดร้าง ท้ายหมู่บ้านบ้านหนองหญ้าปล้อง อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ต่อหน้าพระประธาน เมื่อช่วงเวลา 11.00 น. ของวันที่ 16 ส.ต. 63 ก่อนจะใช้มีดจี้พาตัวไปข่มขืนต่อที่กระท่อมปลายนา และหลบหนีไป
จากการตรวจสอบประวัติพบว่าเคยก่อคดีในลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง มีผู้เสียหายหลายราย ทั้งเด็กและคนชรา นอกจากนั้นยังมีคดีเกี่ยวกับการลักทรัพย์และยาเสพติด เข้าออกคุกเป็นว่าเล่น
วันที่ 18 ส.ค. 63 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองสังข์ พร้อมเจ้าหน้าที่ป่าไม้ จัดชุดเร่งปูพรมตระเวนค้นหานายประทาน เพื่อจะนำตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว ข้อมูลชี้ว่านายประทานหลบหนีเข้าไปยังเขาผาแดง ซึ่งเป็นเขตรอยต่อบริเวณใกล้เคียง สามารถทะลุไปยังอำเภอมัญจาคีรี ซึ่งติดกับพื้นที่ จ.ขอนแก่น
โดยนายสัญ (นามสมมติ) พ่อของเด็กหญิงผู้เสียหาย เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ 16 ส.ค. 63 ตนดื่มเหล้ากับนายประทาน ผู้ต้องหา ตั้งแต่เวลา 8.00 น. ที่บ้านพัก ลูกสาวของตนก็อยู่ด้วย แต่ตนเริ่มเมาแล้วนอนหลับไป ขณะนั้นในเวลาประมาณ 10.00 น. ลูกสาวของตนได้บอกกับตนว่าให้ตนพาไปซ่อมหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่แตกในหมู่บ้าน ตนจึงวานให้นายประทานเป็นคนปั่นจักรยานพาลูกสาวของตนไปส่ง จากนั้นไม่นานนายประทานก็ปั่นจักรยานกลับมา ขอเงินตนเพิ่มเพื่อนำไปจ่ายค่าซ่อม แต่นำเงินนั้นไปซื้อเหล้าขาวเพิ่ม
จากนั้น เมื่อตนตื่นขึ้นมาในเวลา 14.00 น. แต่ไม่เห็นลูกสาว จึงออกตามหารอบหมู่บ้าน จนทราบจากชาวบ้านว่าเห็นลูกสาวตนซ้อนท้ายจักรยานออกไปกับนายประทาน ตนจึงออกตามหาและแจ้งเหตุกับผู้ใหญ่บ้านหนองหญ้าปล้อง ซึ่งขณะนั้นนายประทานและลูกสาวของตนอยู่ที่เถียงนา ห่างจากสำนักสงฆ์ประมาณ 600 เมตร เพื่อนของตนไปพบกับรถจักรยานที่ปากทางเข้านา และเดินตามหาจนพบลูกสาวตน
สำหรับตนโทษตัวเองที่ไว้ใจนายประทาน เนื่องจากรู้จักกันมา 15 ปี เคยเก็บหน่อไม้ขายด้วยกัน ไม่คิดว่าสิ่งที่ชาวบ้านลือกันว่านายประทานมีคดีติดตัวจะเป็นเรื่องจริง เมื่อตนคิดย้อนดูเหตุการณ์ คาดว่านายประทานจงใจที่จะก่อเหตุ จงใจที่จะมอมเหล้าตน และยังบอกกับลูกสาวตนว่า "ไม่ต้องชวนพ่อไปซ่อมมือถือหรอก พ่อเมา" ซึ่งนายประทานยังหลอกลูกสาวตนด้วยว่าเงินค่าซ่อมโทรศัพท์ไม่พอ ขอไปเอาเงินที่บ้าน โดยเมื่อถึงบ้าน นายประทานก็นั่งกินข้าวครู่หนึ่ง แล้วปั่นจักรยานพาลูกสาวตนย้อนกลับมา แต่แวะสำนักสงฆ์และลงมือข่มขื่น
สิ่งที่ตนสะเทือนใจที่สุดคือการที่ลูกสาวเล่าว่า ถูกต่อยท้องขณะอยู่ที่สำนักสงฆ์ ถูกบังคับให้ช่วยตัวเองต่อหน้านายประทาน ถูกบังคับให้ช่วยสำเร็จความใคร่ให้นายประทาน ถูกบังคับขืนใจ หากไม่ทำก็ถูกขู่จะฆ่า พร้อมทั้งกรอกเหล้าขาวและยาเสพติดด้วย
โดยสาเหตุที่นายประทานปล่อยลูกสาวตน เพราะบอกกับลูกสาวตนว่า ให้ลูกสาวตนไปหาเพื่อนผู้หญิงมาให้ข่มขืนอีก 2 คน เมื่อลูกสาวตนรับปาก นายประทานจึงปล่อยตัวออกมา จนตนพร้อมเจ้าหน้าที่ไปพบลูกสาวตนปั่นจักรยานมาตามความมืดในสภาพกระเซิงเนื้อตัวมอมแมมและอิดโรย
ขณะนี้ลูกสาวของตนยังมีอาการผวาและปวดท้อง ตนจึงพาไปอยู่กับแม่ในต่างพื้นที่ จากนี้ อยากจะวอนขอเจ้าหน้าที่ตำรวจให้จับนายประทานให้ได้ พาไปให้ไกลจากพื้นที่หรือประหารชีวิตก็ได้
นอกจากนี้ พ่อของเด็ก ชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองสังข์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจากจังหวัดชัยภูมิ ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ รวม 30-40 คน แบ่งการค้นหาออกเป็น 2 ชุด ชุดละ 20 คน โดยค้นหาทั้งพื้นราบและพื้นที่เขาผาแดง มีการใช้วิทยุสื่อสารและโดรนในการช่วยค้นหา
แต่ขณะนี้ยังไม่พบร่องรอบหรือเบาะแสใด ๆ ของนายประทาน เนื่องจากนายประทานเป็นผู้ชำนาญพื้นที่ และยังเคยหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นเขา โดยสิ่งที่น่ากังวลคือมีความเป็นไปได้ว่านายประทานจะขึ้นเขาและทะลุไปยัง จ.ขอนแก่น
ด้านนางสง (นามสมมติ) อายุ 80 ปี แม่ของผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ลูกชายของตนเคยก่อคดีลักทรัพย์ และเพิ่งออกจากคุกมาได้ 1 ปีกว่า แต่ไม่เคยทราบมาก่อนว่าเคยก่อคดีข่มขืน ฆ่าคน หรือเสพยาเสพติด ตนไม่เชื่อว่าลูกชายของตนก่อเหตุข่มขืนเด็กหญิง 11 ปี ถ้าทำจริงก็คาดว่าน่าจะเป็นเพราะอาการมึนเมา
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นายประทานไม่เคยไถ่เงินหรือทำร้ายร่างกายของตน เพียงแต่ขอเงินไปซื้อกาแฟบ้างเป็นบางครั้ง ขณะนี้ ตนเป็นห่วงลูกชาย แต่ตนไม่รู้ว่าลูกชายตนหายไปไหน ลูกชายตนไม่พกโทรศัพท์มือถือ ไม่สามารถติดต่อได้ จากนี้ถ้าลูกชายตนโดนจับ ตนคงไม่ประกันตัว เนื่องจากไม่มีเงิน และตนคงจะใช้ชีวิตอยู่กับลูกสาวและลูกเขย
ขณะที่ภายในหมู่บ้านช่วงค่ำ ชาวบ้านเริ่มมีความหวาดกลัว และต่างปิดบ้านกันเร็วขึ้น เนื่องจากกลัวว่าคนร้ายอาจจะหลบหนีผ่านมาก่อเหตุซ้ำได้ ซึ่งในหมู่บ้านก็มีเด็กจำนวนมาก จึงต้องมีการระมัดระวังมากกว่าปกติ