ญาติสาวตายทั้งกลมเผยน้องมาหา หลังหมอปลาตัดมัดตราสังทำพิธีเปิดปาก เชื่อไปสบายแล้ว (คลิป)

จากกรณีการเสียชีวิตของน.ส.รุ่งทิพย์ แสงจันทร์ อายุ 29 ปี สาวท้อง 9 เดือนใกล้คลอด ซึ่งมีกำหนดการคลอดในวันที่ 27 ส.ค.63 ถูกนายชัยราชวัฒน์ เพ็งสว่าง ผู้เป็นสามี ตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ใช้ปืนพกขนาด 9 มม. ยิงกระสุนเจาะทะลุศีรษะ ตายทั้งกลม เมื่อวันที่ 7 ส.ค.63 ที่ผ่านมา

อ่านข่าวเพิ่มเติม
- หมอปลาเปิดโลงสาวถูกฆ่าทั้งกลมตัดมัดตราสัง เฮี้ยนศพเด็กเปลี่ยนเพศ

โดยเมื่อวันที่ 16 ส.ค.63 ทางครอบครัวของผู้ตายได้เชิญ "หมอปลา" มาทำพิธีที่วัดสารหิตาวาส ตำบลกลัดหลวง อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี เนื่องจากสงสัยว่า ผู้ตายไม่มาหาหรือมาเข้าฝันครอบครัวเลย กลัวว่าผู้ตายจะถูกทำคุณไสย หรือตายอย่างไม่สงบหรือไม่

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางมายังวัดสารหิตาวาส ตำบลกลัดหลวง อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี โดยหมอปลาได้ตัดต้นบอนมาใช้ในการทำพิธี โดยได้ให้น.ส.รภัสสรณ์ ฤทธิธนไพบูลย์ หรือ น้ำฟ้า ภรรยา เป็นผู้นำต้นบอนไปใส่ในปากของ น.ส.รุ่งทิพย์ แสงจันทร์ และได้ใช้มีดตัดสายสิญจน์ที่มัดตราสังออก พร้อมพันสายสิญจน์ไว้ที่มือผู้ตายใหม่ โยงลงมาให้ครอบครัวผู้ตายถือ

จากนั้นหมอปลาก็ได้จุดธูปก้านยาว 2 ดอก พร้อมให้ครอบครัวเอ่ยชื่อผู้ตาย ได้แก่ น.ส.รุ่งทิพย์ แสงจันทร์ หรือ กุ๊กไก่ และบุตร ที่ทางครอบครัวตั้งชื่อว่า "น้องไข่ดาว" เพื่อให้ผู้ตายรู้ตัวว่าตัวเองเสียชีวิตแล้ว จากนั้นก็ได้นำสายสิญจน์ไปลนเทียนให้ขาด หมอปลาได้ขึ้นไปบอกกล่าวศพผู้ตายว่า เจ้าตัวนั้นตายแล้ว และกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตายและบุตร เป็นอันเสร็จพิธี

หมอปลา ให้สัมภาษณ์ว่า การทำแบบนี้เป็นการทำให้ครอบครัวผู้ตายสบายใจ การใส่ต้นบอนไว้ในปากผู้ตาย เพื่อให้ผู้ตายสามารถมาหาครอบครัวได้ ส่วนการที่เด็กเปลี่ยนเพศ คาดว่าเด็กน่าจะอยากเกิด แล้วต้องการสื่อสารอะไรบางอย่าง แต่วิญญาณแม่ของเด็กไม่สามารถสื่อสารอะไรได้ เนื่องจากถูกมัดตราสังไว้ ขอฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทำงานอย่างเต็มที่

น.ส.เฉิดโฉม คำตัน อายุ 44 ปี พี่สาวผู้ตาย เล่าว่า การเชิญหมอปลามาทำพิธีเปิดปากวิญญาณผู้ตายนั้น ทำเพื่อความสบายใจ เพราะครอบครัวอยากจะให้ผู้ตายกลับมาสื่อสาร และช่วยทำให้คดีความคืบหน้า ครอบครัวและชาวบ้านอยากให้ผู้ตายได้พูดในสิ่งที่อยากพูด

ส่วนเพศของ “น้องไข่ดาว” นั้น ตนขอชี้แจงว่า ผู้ตายเคยได้อัลตราซาวด์ จำนวน 2 ครั้ง แต่เด็กนั้นหนีบเพศไว้ ทำให้มองไม่เห็น แพทย์คาดว่าเป็นเพศหญิง แต่ไม่ฟันธง จนวันที่ตนรับศพน้องสาวและหลานมาทำพิธีที่วัด ด้วยความสงสัย ขณะที่กำลังนั่งรถตู้เดินทางมาได้กลางทาง ตนจึงบอกให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยแกะผ้าห่อศพ เพื่อดูเพศของเด็ก ซึ่งขณะนั้นตนและเจ้าหน้าที่กู้ภัยเห็นว่าเด็กเป็นผู้ชาย เห็นอวัยวะเพศชาย

แต่เมื่อนำศพลงมาตั้งรดน้ำศพที่วัด ญาติที่เหลือได้เข้ามาดูเพศเด็กอีกครั้ง แต่ทุกคนเห็นเป็นเด็กผู้หญิง ตนและเจ้าหน้าที่กู้ภัยอาจจะตาฟาดเอง หรือไม่หลานก็อยากจะหยอกล้อหรือสื่อสารอะไรด้วย ตนยืนยันไม่ได้มีการสลับศพแต่อย่างใด

โดยเมื่อคืนนี้ หลังจากที่หมอปลาทำพิธีเสร็จ ตนเป็นเพียงคนเดียวที่นอนไม่หลับ บ้านปูนชั้นเดียว 1 โถง 1 ห้องน้ำ 2 ห้องนอน โดยตนและสามีนอนอยู่ในห้องโถง พ่อนอนห้องนอน ส่วนแม่นอนกับหลานชายอีกห้องหนึ่ง จนในเวลาประมาณ 01.00 น. ตนก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนเดินอยู่บนหลังคา เสียงตุบตับตลอดทั้งคืน นอกจากนั้นยังมีเสียงขันหล่นในห้องน้ำ แต่เมื่อตื่นเช้าขึ้นมา สิ่งของในห้องน้ำไม่มีอะไรหล่น ส่วนแม่ของตนนั้นก็ได้กลิ่นเน่าของศพลอยมาขณะที่นอนหลับ

เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ทางครอบครัวก็รู้สึกว่าผู้ตายน่าจะรู้ตัวว่าเสียชีวิต และพยายามจะสื่อสารอะไรบางอย่าง แต่หากเป็นไปได้ ตนก็อยากให้ผู้ตายมาเข้าฝัน ครอบครัวอยากรู้ว่าผู้ตายเป็นอย่างไรบ้าง ได้รับสิ่งที่ทำบุญไปให้หรือไม่ นอกจากนี้ทางครอบครัวยังอยากให้ผู้ตายเข้าฝันบอกเหตุการณ์ของคนที่ฆ่า และชี้หลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งทางครอบครัวมีความเชื่อว่าคดีความจะจบลงด้วยดีเร็ว ๆ นี้

นางสาวเฉิดโฉม บอกอีกว่า ขณะนี้ทางครอบครัวได้ทำพิธีเผาหลอกให้กับผู้ตายไปแล้วตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค.63 ที่ผ่านมา แต่ที่ยังคงเก็บศพไว้อยู่ เนื่องจากอยากจะรอให้คดีความจบสิ้นลงก่อน โดยขณะนี้ทางครอบครัวรอให้ผลตรวจสอบลายนิ้วมือบนปืนที่ใช้ก่อเหตุออกมา จากนั้นจะพิจารณาว่าจะเผาศพผู้ตายหรือไม่ ตนและครอบครัวปักใจเชื่อว่า น.ส.รุ่งทิพย์ ไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่ถูกนายชัยราชวัฒน์ ผู้เป็นสามีลงมือฆาตกรรม ซึ่งขณะนี้นายชัยราชวัฒน์ ได้รับการประกันตัวออกมาแล้ว น่าจะประกันตัวออกมาหลังถูกจับได้ 1-2 วัน คาดว่าวันที่ 9 ส.ค.63 โดยทางครอบครัวกลัวว่านายชัยราชวัฒน์ จะย้อนกลับมาทำร้ายครอบครัวหรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่นำรวจ สภ.ชะอำ จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่มาคอยดูแลความเรียบร้อยที่บ้านของตน 2 นาย

อย่างไรก็ตาม ครอบครัวตนสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ถึง 2 ชีวิต แต่ตนก็มีความมั่นใจว่าครอบครัวของตนจะได้รับความเป็นธรรม ขอให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย

นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ “หมอปลา” เปิดเผยว่า ความเชื่อของชาวบ้าน เรื่องตายทั้งกลมวิญญาญจะเฮี้ยน จึงมัดตราสังข์เอาไว้ แต่ศพไม่เฮี้ยน แต่คนยิงเฮี้ยน ตายโหงต้องมัดตราสัง ตายทั้งกลมไม่ต้องมัดตราสัง ถ้าวิญญาณเฮี้ยนจริงไปหักคอคนยิงไปแล้ว ที่ตนไปตัดสายสิญจน์มัดตราสัง เพื่อปลดปล่อยดวงวิญญาณให้ไปหาคนที่เขารัก พวกมัดตราสังตัวดี หมอผีนอกรีต ชอบเอาด้ายมัดตราสังศพตายทั้งกลม ไปทำเครื่องลางของขลัง อันตรายกับวิญญาณของศพนี่คือจุดบอด และอันตรายของวงการไสยศาสตร์

ตอนทำพิธีเอาใบบอนตัดใส่ในปากศพ เพื่อให้ศพมาสื่อสาร ให้คดีคลี่คลาย เพราะศพถูกฆาตกรรม ไม่ใช่ฆ่าตัวตาย จึงนำใบบอนตัดใส่ปาก จะได้พูดความจริงออกมาทั้งหมด เมื่อคืนหลังทำพิธี ตนโทรกลับไปหาญาติ ญาติคนตายเล่าว่า นอนไม่หลับ ได้ยินเสียงตลอดเวลา สัมผัสได้ว่าวิญญาณมาหา เพราะได้ยินเสียงคนเดินบนหลังคา และได้ยินเสียงขันหล่น เหมือนคนอยู่บ้านตลอดเวลา หมายความว่า ศพรู้ตัวแล้วว่าเสียชีวิต จึงมาหา

โดยวิถีกระสุน ซึ่งเป็นผลสรุปจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นการให้การของนายราชวัฒน์ ระบุว่า ภรรยาสาวฆ่าตัวตาย โดยใช้ปากอมปลายกระบอกปืน กระสุนจึงทะลุท้ายทอยเสียชีวิต แต่ผลชันสูตรจากแพทย์ ปรากฏว่า กระสุนเข้าทางศีรษะด้านบน ทะลุท้ายทอย 

จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านญาติของนายชัยราชวัฒน์ เพ็งสว่าง เพื่อสอบถามความเป็นอยู่ของเจ้าตัวหลังได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดี โดยทางญาติของนายชัยราชวัฒน์ บอกเพียงว่า หลังจากที่นายชัยราชวัฒน์ได้รับการประกันตัวออกมา ก็ค่อนข้างจะมีนิสัยเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่ออกมาเจอญาติเหมือนแต่ก่อน ทั้งนี้ภายในครอบครัวไม่ได้ติดต่อหรือพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 31 หมู่ 7 ต.ห้วยทรายเหนือ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นบ้านของนายชัยราชวัฒน์ เพ็งสว่าง หรือ ป้อม อายุ 37 ปี สามีผู้ตาย ตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่ ซึ่งขณะนี้ได้รับการประกันตัวออกมาเพื่อต่อสู้คดี

โดยเมื่อทีมข่าวเดินทางไปถึง พบว่าบริเวณลานหน้าบ้านมีรถเก๋งจอดอยู่ 1 คัน โดยทีมข่าวได้พยายามส่งเสียงเรียกนายชัยราชวัฒน์ และคนในบ้าน แต่ไม่มีใครขานรับและออกมาพบกับทีมข่าว

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายณรงค์ฤทธิ์ นาเมือง อายุ 38 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 บอกว่า ขณะนี้นายชัยราชวัฒน์ ได้รับการประกันตัวออกมา และขอลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งเท่าที่ตนสังเกตหลังจากที่นายชัยราชวัฒน์กลับมาอยู่บ้าน ก็ทำไร่ทำสวนอยู่แต่ภายในบ้าน ไม่ได้ออกไปไหน

โดยชาวบ้านต่างก็ไม่ได้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  เนื่องจากชาวบ้านยังคิดว่าเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องส่วนตัวภายในครอบครัว และไม่มีใครได้ยินเสียงปืนหรือเห็นเหตุการณ์ เพราะบ้านแต่ละหลังจะสร้างขึ้นแบบมีระยะห่าง ไม่ได้สร้างบ้านติด ๆ กันเหมือนชุมชนอื่น แต่ตนบอกได้เพียงว่าปืนพกขนาด 9 มม. ที่ใช้ก่อเห็นนั้นเป็นปืนสวัสดิการของนายชัยราชวัฒน์

นายณรงค์ฤทธิ์ บอกอีกว่า ตนได้ทราบกระแสข่าวมาว่ามีการใช้อิทธิพลบิดเบือนคดีนี้ ขอยืนยันว่าในหมู่บ้านของตนไม่มีการใช้อิทธิพลใด ๆ ตนยังเชื่อในความเป็นธรรมของกฎหมาย ขณะนี้คดีอยู่ในมือศาลแล้ว ก็ขอให้เป็นไปตามคำตัดสินของศาล นอกจากนี้ตนอยากขอให้ครอบครัวฝ่ายหญิงสบายใจเกี่ยวกับคุณไสย เพราะตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ตนรู้จักนายชัยราชวัฒน์ เจ้าตัวไม่เคยปรากฏพฤติกรรมชอบเครื่องลางของขลังให้เห็น