คาใจญาติเมียใหม่ชนพ่อโคม่า คาดจัดฉากฮุบมรดก อีกฝ่ายโต้อุบัติเหตุตัวเองเจ็บด้วย (คลิป)

14 ส.ค. 63

จากกรณีนายวินัย พรมวิเชียร อายุ 46 ปี และน.ส.อนงค์ พรมวิเชียร อายุ 49 ปี สองพี่น้องได้เข้าร้องเรียนต่อ พ.ต.อ.ผดุงศักดิ์ ซื่อกำเนิด ผกก.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.ระยอง เพื่อขอความเป็นธรรมว่า นายสำเนียง พรมวิเชียร อายุ 82 ปี บิดา ถูกนายเพ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ขับรถกระบะอีซูซุ สีดำ ทะเบียน บพ-6689 ระยอง ชนรถจักรยานยนต์ของพ่อ ศีรษะฟาดพื้น จนได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณวงเวียนช้าง สี่แยกพัฒนา อ.เขาชะเมา จ.ระยอง ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. 63 ขณะนี้ยังอยู่ในห้องไอซียู อาการโคม่า ยังไม่รู้สึกตัว ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา

915258594088

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ปรากฎว่ากล้องทั้งหมด 4 ตัวเสียทั้งหมด แต่ยังคงมีภาพจากกล้องวงจรปิดของพลเมืองดีที่เป็นหลักฐาน โดยตั้งข้อสังเกตว่านายเพมีพฤติกรรมตั้งใจชนหรือไม่ เนื่องจากรถคันที่ชนวิ่งมาด้วยความเร็วต่ำ สามารถเบรกได้ทัน แต่กลับไม่ทำ รอให้รถจักรยานยนต์ของนายสำเนียงขับผ่าน แล้วขับพุ่งชน

941692

ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุ นายเพยังมีทีท่าไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยถ่ายรูปที่เกิดเหตุ รวมถึงยังยกรถจักรยานยนต์ออกจากจุดเกิดเหตุทันที ไม่รอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ โดยให้เหตุผลว่าเป็นญาติกัน สำหรับแรงจูงใจคาดว่าอาจเกิดจากการที่นายสำเนียง ผู้เป็นพ่อ เตรียมจะแบ่งมรดกที่ดินประมาณ 50 ไร่ และเงินสดในบัญชีหลายแสนบาท ให้กับลูกทั้ง 2 คน ทำให้มีคนบางกลุ่มไม่พอใจ เช่น นายเพ ญาติของภรรยาใหม่ของนายสำเนียง นอกจากนี้ หลังเกิดเหตุสมุดธนาคารของนายสำเนียงได้หายไปทั้งหมด

ขณะนี้ เริ่มไม่มั่นใจในอิทธิพลของคู่กรณี และต้องการให้คู่กรณีชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น รวมถึงค่ารักษาพยาบาลด้วย

162572

นางสาวอนงค์ เล่าว่า ตนมีพี่น้องทั้งหมด 4 คน ได้แก่ นางสาวอนงค์ พรมวิเชียร อายุ 49 ปี, นางสาวศรีนวล พรมวิเชียร อายุ 47 ปี, นายวินัย พรมวิเชียร อายุ 46 ปี และนายอำนาจ พรมวิเชียร อายุ 42 ปี

436184

โดยนายสำเนียงอยู่กินกับนางสาวสนม อายุ 62 ปี ซึ่งเป็นแม่เลี้ยงมาประมาณ 30 ปี โดยแม่เลี้ยงมีลูกติดชาย 1 คน อายุ 42 ปี และหญิง 1 คน อายุ 30 กว่า นายสำเนียงได้สร้างบ้านอยู่ที่อำเภอเขาชะเมาเพื่ออยู่กับนางสนม เมื่อ 20 ปีก่อน ซึ่งพื้นที่บริเวณนั้นมีญาติของนางสนมอาศัยอยู่หลายคน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพี่น้องฝ่ายตนไม่สนิทกับลูกของแม่เลี้ยง พ่อก็คอยเลี้ยงดูลูกของแม่เลี้ยงทั้ง 2 คน สร้างบ้านให้อยู่คนละ 1 หลัง ราคาหลักล้านบาท แต่แม่เลี้ยงก็ยังคงมาขอเงินจากพ่อตนเพิ่มเพื่อนำไปให้ลูกของตัวเอง

โดยเหตุอุบัติเหตุวันที่ 18 ก.ค. 63 เวลาประมาณ 16.17 น. พ่อและแม่เลี้ยงขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันไปซื้อของที่ตลาด ขับผ่านบริเวณวงเวียนช้าง สี่แยกพัฒนา และถูกนายเพ ญาติของแม่เลี้ยงขับรถกระบะชน ซึ่งนายเพลงจากรถและโทรศัพท์หาพ่อแม่ตัวเองให้มาที่เกิดเหตุ และทำการยกรถจักรยานยนต์ของพ่อตนขึ้นรถ บอกชาวบ้านและเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่มาช่วยว่าไม่ต้องแจ้งตำรวจ เคลียร์กันแล้ว เป็นญาติกัน อีกทั้งยังห้ามเจ้าหน้าที่กู้ภัยถ่ายรูปที่เกิดเหตุ

633389

โดยตั้งข้อสังเกตว่า 1. ทำไมคนในบริเวณนั้นไม่เห็นรถกระบะคันนี้ขับผ่านทางมา ดูกล้องวงจรปิดจากร้านค้าข้างทาง ก็ไม่ปรากฎว่ามีรถกระบะคันนี้ขับผ่าน ตนจึงคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่นายเพจอดรถกระบะหลบข้างทาง เพื่อรอก่อเหตุหรือไม่

557188

2. จากภาพกล้องวงจนปิด รถกระบะขับด้วยความเร็วต่ำ หากเบรกก็น่าจะเบรคทัน แต่ไม่เบรก

231683

3. หลังก่อเหตุ นายเพโทรศัพท์บอกพ่อแม่ตัวเองให้มาดูที่เกิดเหตุ ซึ่งพ่อแม่ของนายเพใช้เวลาเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์มาถึงที่เกิดเหตุ 2-3 นาที ทั้ง ๆ หากเดินทางออกมาจากบ้าน ต้องใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 10 นาที

407807

4. หลังก่อเหตุ ทำไมนายเพถึงยกรถจักรยานยนต์ของพ่อตนขึ้นรถกระบะ แต่กลับไม่เรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัยหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งยังห้ามเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ชาวบ้านเรียกมาช่วย ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปที่เกิดเหตุ

136368

5. ก่อนพ่อจะโคม่า พ่อบอกกับตนว่าขี่รถจักรยานยนต์ไปตลาด เพื่อซื้อกับข้าวเพิ่มเติม แต่แม่เลี้ยงบอกกับตนว่าจะไปซื้อขนมหวาน ซึ่งพูดไม่ตรงกัน

562692

โดยหลังจากที่นางสาวสนม แม่เลี้ยง ขาหัก นอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลระยะหนึ่ง และย้ายออกไปอาศัยอยู่บ้านของนายเพ ญาติช่วยเก็บของของจากบ้านของพ่อตน เมื่อตนตรวจสอบบ้านของพ่อที่อำเภอเขาชะเมา พบว่าโฉนดที่ดิน 50 ไร่ บริเวณเขาชะเมาหายไปพร้อมสมุดบัญชีเงินฝากนับแสนบาท แต่ขณะนี้แม่เลี้ยงได้หายตัวไป ไม่มีใครติดต่อไป ญาติของแม่เลี้ยงก็ไม่รู้ว่าแม่เลี้ยงหายไปไหน คาดว่าที่พ่อของตนประสบอุบัติเหตุเป็นเพราะ ระยะหลังพ่อของตนพยายามจะจัดสรรทรัพย์สินให้แก่ตนและน้อง ๆ ทำให้มีคนบางกลุ่มอิจฉาและเกิดความโลภ ตนจึงอยากจะขอความเป็นธรรมให้กับพ่อ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาเบื้องต้นแก่นายเพ ขับรถโดยประมาท และไม่มีใบขับขี่

245282

นางสาวสนม คงสิริ อายุ 62 ปี ภรรยาของนายสำเนียง บาดเจ็บข้อเท้าซ้ายร้าว ขณะนี้พักอาศัยอยู่กับญาติ ห่างจากบ้านของนายสำเนียงประมาณ 700 เมตร เปิดเผยว่า ขณะนี้อาการดีขึ้นมาก ไม่เจ็บไม่ปวดแต่ยังเดินไม่ค่อยถนัด ตนได้ติดตามกระแสข่าวที่คนพูดกันว่าเหตุการณ์นี้เป็นการจัดฉากเพื่อหวังสมบัติ ตนรู้สึกเสียใจและเครียดมาก เพราะเหตุการณ์นี้เป็นแค่อุบัติเหตุ

643408

ตนขอชี้แจ้งทุกประเด็นว่า วันเกิดเหตุตนและนายสำเนียงทำกระเพราเครื่องในไก่ไว้ แต่ตนและนายสำเนียงต้องการที่จะออกไปซื้อกับข้าวเพิ่มเติมและจะซื้อขนมกินกันที่ตลาด จึงได้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์กันออกไป แต่ประสบอุบัติเหตุก่อน ตนไม่ได้หายตัวไปไหน ตนอยู่บ้านญาติ ที่ไม่มีใครติดต่อตนได้เพราะโทรศัพท์เสียจากอุบัติเหตุ ส่วนสมุดบัญชี 3 เล่ม เล่มแรกนายสำเนียงได้มอบให้กับนาวสาวศรีนวล ลูกคนรองของนายสำเนียงเมื่อปีที่แล้ว มีเงิน 100,000 บาท เล่มที่สองถูกปิดบัญชีไปแล้ว เล่มที่สามเป็นบัญชึผู้สูงอายุ ตนเป็นคนเก็บไว้ มีเงิน 10,000 บาท ส่วนโฉนดที่ดินยังคงอยู่ในบ้านของนายสำเนียง ไม่มีใครเอาไป เป็นโฉนดของนายสำเนียง 15 ไร่ และโฉนดของตน 10 ไร่ ทั้งนี้ นายสำเนียงยังไม่ได้จัดสรรที่ดินให้ลูก ๆ เพียงแต่พูดเกริ่นไว้เท่านั้น ตนขอยืนยันว่าตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ตนอยู่กินกับนายสำเนียง ไม่เคยทะเลาะกับนายสำเนียงเกี่ยวกับเงินและที่ดิน

881410

ด้านพ่อและแม่ของนายเพ (นามสมมติ) เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 16.20 น. มีชาวบ้านโทรศัพท์มาบอกตนว่าลูกชายขับรถชนรถจักรยานยนต์ ให้ตนรีบออกไปดู ตนกับสามีจึงรีบซ้อนรถจักรยานยนต์ออกไปดู โดยใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากบ้านห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร ขอยืนยันว่าตนไม่เคยห้ามขาวบ้านหรือเจ้าหน้าที่กู้ภัยถ่ายรูป ตนยังช่วยถ่ายรูปด้วยซ้ำ และส่งรูปให้ตำรวจแล้ว ทั้งนี้ ตนประมาทดูแลลูกชายไม่ดี ซึ่งลูกชายได้หยิบกุญแจรถแล้วขับรถออกไปข้างนอกขณะที่ตนนอนหลับ บอกว่าจะไปส่งการบ้านครูที่โรงเรียน

343756225815992683

ส่วนที่อีกฝ่ายมองว่าตนจัดฉากเพราะอยากได้สมบัติ ขอยืนยันว่าไม่จริง ตนคิดเพียงว่าคู่กรณีเป็นญาติกัน รถจักรยานยนต์คันนั้นไม่มี พ.ร.บ. ทะเบียนขาด ตนคิดว่าเป็นญาติก็จะช่วยดูแลกันไป ไม่ต้องทำให้เหตุกลายเป็นเรื่องใหญ่ จึงยกรถจักรยานยนต์ขึ้นท้ายรถกระบะ เพื่อที่จะได้ไม่ขวางทางการจราจร

997135364244

แต่ยอมรับว่าได้เดินทางมาเอาเอกสาร เช่น บัตรประชาชน เอกสารทะเบียนบ้าน เงินสด 2,260 บาท ที่บ้านของนายสำเนียงซึ่งถูกเก็บไว้ในกระเป๋า เนื่องจากนายสำเนียงสั่งให้เอาไปให้ เพราะต้องนำไปให้แพทย์ ส่วนสมุดบัญชีเงินฝากเห็นว่าอยู่ในกระเป๋า ทั้งนี้ ยอมรับว่าลูกชายเป็นผู้ก่อเหตุจริง ตนยินดีชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด แต่ตำรวจบอกให้รอให้นายสำเนียงได้สติให้ปากคำได้ก่อน ค่อยมาเจรจาตกลงกัน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส