เมื่อวันที่ 14 ส.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี รายงานบรรยากาศช่วงเช้าที่หมู่บ้านกกกอก ชาวบ้านได้ช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ โดยได้นำโต๊ะหมู่บูชาและจัดที่ให้พระนั่งภายในเต็นท์ที่กางไว้ตั้งแต่เมื่อวาน
คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่
ขณะเดียวกันก็มีชาวบ้านช่วยกันทำความสะอาดศาลหลักบ้าน อีกทั้งยังมีชาวบ้านนำดินและกรวดใส่ถุงมาตั้งไว้ใต้ศาลหลักบ้านคนละ 1-2 ถุง เพื่อที่จะรอการทำพิธีปลุกเสกดิน ซึ่งพ่อแม่ของน้องชมพู่ก็ได้นำทรายและกรวดมาตั้งศาลหลักบ้านด้วยเช่นกัน
ในช่วงบ่าย ยังมีชาวบ้านมารวมตัวกันทำบายศรีสู่ขวัญเพื่อใช้ประกอบพิธี และด้านยายสมควรก็ได้ออกมาช่วยชาวบ้านทำฝ้ายผูกข้อมือ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบง่าย ชาวบ้านก็ต่างออกมาช่วยเหลือกันในงานครั้งนี้ ส่วนตาชาญก็ได้ออกมาดูความเรียบร้อยของสถานที่ที่จะต้อนรับพระ
นอกจากนี้ ชาวบ้านได้นำสายสิญจน์ผูกที่ศาลหลักบ้าน และโยงไปตามบ้านต่าง ๆ ทั่วหมู่บ้าน เพื่อตอนที่ทำพิธีสวด ความศิริมงคลก็จะได้ต่อเชื่อมโยงไปทั้งหมู่บ้าน และเพื่อป้องกันภูติผี ปีศาจและผีปอบ
ด้านนางอุ่น อวนวัง ชาวบ้านกกกอก ก็ได้ออกมาร่วมช่วยกันทำบายศรีด้วย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ไม่มีการทำบุญหมู่บ้านมา 5-6 ปี แล้ว ปีนี้ชาวบ้านจึงตัดสินใจช่วยกันจัดงานในครั้งนี้ เพื่อช่วยรักษาให้ชาวบ้านอยู่ดีมีสุข เจ้าที่เจ้าทางได้คุ้มครองคนในหมู่บ้าน ซึ่งการโยงสายสิญจน์ไปทั่วหมู่บ้าน เพื่อป้องกันภูติผีเข้ามาทำร้ายคนในหมู่บ้าน และมีการนำดิน ก้อนกรวดไปหว่านตามสถานที่ต่าง ๆ ในหมู่บ้านเพื่อสร้างอาณาเขตและเพื่อความศิริมงคล ทำน้ำมนต์ประพรมให้กับคนในหมู่บ้าน ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้ทำบุญบ้านก็เกิดเรื่องร้าย ๆ อย่างเช่นที่น้องชมพู่หายตัวไป ซึ่งชาวบ้านก็กลับสิ่งร้าย ๆ เกิดขึ้นในหมู่บ้านอีก จึงได้ทำบุญบ้านเพื่อเรียกขวัญกำลังใจให้กับคนในหมู่บ้าน ไม่ต้องหวาดระแวงว่าจะมีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้สนทนากับ พระอธิการบุญมา ศรีลเตโช เจ้าอาวาสวัดป่าภูผาเเอก กล่าวถึงความเป็นมาของการทำบุญหมู่บ้าน ว่าปกติเเล้วทุกปีจะทำช่วงเดือนหก (เดือนพฤษภาคม) เเต่ปีนี้เกิดเหตุการณ์ไม่ปกติขึ้นในหมู่บ้าน จึงเลื่อนมาเป็นช่วงนี้ ซึ่งวัตถุประสงค์ก็เพื่อให้ชาวบ้านเกิดความสามัคคี ในการตักบาตรร่วมกัน เเละเพื่อความเป็นศิริมงคล ให้เกิดสิ่งดี ๆ ขึ้นในหมู่บ้าน
สำหรับพิธีนั้น การสวดเจริญพระพุทธมนต์ เพื่อความเป็นศิริมงคลเเก่ชาวบ้านเเละหมู่บ้าน ส่วนการสวดบทพระธรรมจักรกัปวัตนสูตร เป็นปฐมเทศนา เทศนากัณฑ์แรกขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเป็นการเทศนา เพื่อความเป็นศิริมงคลเเก่ชาวบ้าน เเละหมู่บ้าน และการหว่านหินหว่านทราย เป็นการไล่สิ่งที่ไม่ดีให้ออกจากหมู่บ้าน
โดยตามประเพณีที่ทำกันมานั้น ชาวบ้านทุกหลังคาเรือนจะมาร่วมพิธี ส่วนตัวก็อยากให้ลุงพลมาร่วมด้วย จะได้เห็นหน้าเห็นตากัน เเต่ถ้าหากลุงพลไม่มาก็ไม่เป็นอะไร เพราะไม่ใช่เรื่องเสียหายเเต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่ช่วงหลัง ๆ ลุงพลไม่ได้มาใส่บาตร หรือมาทำบุญที่วัดป่าภูผาเเอกเลย เเต่กลับไปทำบุญในวัดที่มีชื่อเสียงที่อยู่ไกลนั้น พระอธิการบุญมา กล่าวว่า ในเรื่องการไปทำบุญที่อื่น เป็นเรื่องส่วนตัวของลุงพล ซึ่งอาตมาไม่ได้มองว่าลุงพลเปลี่ยนไปเเต่อย่างใด เพราะช่วงนี้เกิดเรื่องที่ไม่ดี เป็นใครก็คงทุกข์ ดังนั้นการที่ลุงพลไปทำบุญวัดอื่น ๆ ก็เป็นการเปิดหูเปิดตา เพื่อให้เกิดความสบายใจขึ้น "ทำบุญที่ไหนก็ได้บุญเหมือนกัน"
สำหรับพิธีสวดทำบุญหมู่บ้าน เริ่มเวลา 17.00 น. โดยมีพระ 7 รูป จากวัดภูผาแอก 4 รูป จากวัดภูหลวง 4 รูป โดยได้โยงสายสิญจน์จากพระพุทธรูปที่โต๊ะหมู่บูชาไปที่หลักบ้าน และโยงสายสิญจน์ไปทั่วหมู่บ้าน
โดยจะให้พระทั้ง 7 รูปจับสายสิญจน์ พร้อมกับสวดบทเจริญปริตรมงคล หรือบทเจริญพุทธมนต์ เป็นบทสวดใช้ในงานมงคลขึ้นบ้านใหม่ ขณะที่สวดก็มีปู่ฤๅษีที่้เดินทางมากับอาจารย์เอก ได้ช่วยทำน้ำมนต์ โดยใส่น้ำไว้ในตุ้ม และโยงสายสิญจน์มาพันที่ปากตุ่มและสวดหยดเทียนลงในตุ่มเพื่อปลุกเสกน้ำมนต์ห ลังจากนั้นก็กรวดน้ำให้แด่ภูมิเจ้าที่
โดยวันนี้อาจารย์เอกได้นั่งบริเวณแถวหน้า และมีชาวบ้านมาร่วมงานเพียง 60-70 คนเท่านั้น ส่วนมากจะเป็นคนเฒ่าคนแก่สวมชุดขาว มาร่วมในพิธี ซึ่งวันนี้ได้มียายสมควร, ตาชาญ, น้าต่าย, น้าเสริม, น้าแต, น้าฝน, พ่อแม่ของน้องชมพู่ มานั่งร่วมพิธีอยู่ก่อน
ส่วนลุงพล ได้เดินทางมาร่วมพิธีในภายหลัง จากนั้นไปนั่งบริเวณเก้าอี้แถวหน้าสุด โดยลุงพลกับพ่อแม่น้องชมพู่ได้นั่งเยื้องกันเพียงแถวเดียว ซึ่งลุงพลนั่งเก้าอี้แถวหน้าสุด ส่วนพ่อแม่น้องชมพู่นั่งแถวรองลงมา บรรยากาศก็เป็นไปตามปกติ ลุงพลก็ไม่ได้มีการพูดคุยกับใครในครอบครัว เพียงแต่ไปนั่งแถวหน้าร่วมพิธีเท่านั้น ซึ่งระหว่างการทำพิธีลุงพลได้นั่งสีหน้านิ่งตลอดเวลา ส่วนพ่อแม่น้องชมพู่ก็นั่งประนมมือไหว้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
หลังจากนั้นในเวลา 18.30 น. พระอธิการบุญมาก็เริ่มเดินประพรมน้ำมนต์ให้กับชาวบ้าน และประพรมที่กองดิน กรวดที่ชาวบ้านนำมากองไว้ และประพรมบริเวณศาลหลักบ้าน
หลังจากนั้นก็เดินไปยังบ้านของน้องชมพู่ พร้อมประพรมบริเวณลานปูนหน้าบ้านของน้องชมพู่ เพื่อความเป็นศิริมงคล หลังจากนั้นก็เดินไปยังบริเวณจุดที่น้องชมพู่หายตัวไป และได้ประพรมน้ำมนต์ในบริเวณนั้นเพื่อความเป็นศิริมงคล
ในเวลา 18.46 น. ชาวบ้านได้แบ่งน้ำมนต์กันคนละขวด และหลังจากนั้นก็มีพิธีหว่านหินหว่านทราย โดยชาวบ้านจะรวมตัวเดินเป็นขบวนแห่หว่านหินทรายตามบ้านทั้งหมู่บ้าน ซึ่งจะใช้ดินและกรวดที่ชาวบ้านนำมาวางใต้ศาลหลักบ้านของใครของมัน เดินหว่านบ้านของตัวเอง โดยพระที่มาร่วมพิธีจะเริ่มหว่านช่วงต้นเพื่อเป็นพิธี หลังจากนั้นชาวบ้านก็จะหว่านกันเอง ซึ่งสาเหตุที่ต้องทำตอนกลางคืนเพราะภูติผี และสิ่งที่เลวร้ายมองไม่เห็น จะออกมาในเวลากลางคืน เมื่อหว่านครบทุกบ้าน ก็เป็นอันเสร็จพิธี
โดยพ่อแม่ของน้องชมพู่ได้เริ่มเดินหว่านตั้งแต่ศาลหลักบ้านจนถึงบ้านของตัวเอง ซึ่งเมื่อมาถึงบ้านก็ได้หว่านดินขึ้นหลังคาบ้าน และเริ่มหว่านตั้งแต่หน้าบ้านเดินไปยังหน้าบ้านน้าต่าย และหว่านบริเวณจุดที่น้องชมพู่หายหายตัวไป
จากนั้นเดินหว่านไปทางถนนหลังบ้าน หว่านต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงสุดถนนหลังบ้าน ซึ่งเป็นการเดินหว่านไปทางทิศตะวันออก ตามที่พระอธิการบุญมา ส่งให้หว่านทางทิศตะวันออกของหมู่บ้าน เพราะจะได้ทั่วถึงบ้านของคนอื่น ๆ ด้วย ส่วนดินที่เหลือก็เก็บไว้ที่บ้าน
หลังจากเสร็จพิธีเจริญน้ำพระพุทธมนต์ ชาวบ้านต่างให้ความสนใจกับอ่างน้ำมนต์ โดยต่างมามุงดูเเละถ่ายรูปหยดเทียนที่อยู่ในอ่าง เพื่อนำไปตีหวย ซึ่งเเต่ละคนก็เห็นเลขเเตกต่างกันไป เเล้วเเต่มุมมองของเเต่ละคน
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับลุงพล หลังจากเสร็จพิธีทำบุญหมู่บ้าน โดยลุงพล กล่าวว่า รู้สึกดีที่เห็นชาวบ้านมาร่วมพิธีกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งในหมู่บ้านไม่ได้มีพิธีเเบบนี้มานานเเล้ว ถือเป็นนิมิตหมายอันดี เชื่อว่าหลังจากนี้คงจะมีสิ่งดี ๆ เข้ามาในหมู่บ้าน ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้โปรยหินโปรยทรายกับชาวบ้าน เนื่องจากก่อนหน้านั้นได้รับของมงคล จากสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดยานนาวา ประกอบด้วย พระสมเด็จ น้ำมนต์ เเละทรายมาโปรยที่บ้านเรียบร้อยเเล้ว
ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงการนั่งร่วมพิธีในวันนี้ มีการนั่งใกล้พ่อกับเเม่น้องชมพู่ครั้งเเรกในรอบหลายเดือน ลุงพล กล่าวว่า "รู้สึกดีที่ได้นั่งใกล้กับญาติเราเเท้ ๆ ซึ่งเรามีเรื่องที่ไม่สบายใจต่อกันเเละกัน เเต่วันนี้รู้สึกอบอุ่น เขาก็ไม่ได้มีท่าทีให้เราวิตกกังวล เชื่อว่าหลังจากนี้ เวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น หากทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น การประนีประนอมต่อกัน จะช่วยเยียวยาสถานการณ์"
ส่วนในพรุ่งนี้เช้า วันที่ 15 ส.ค.63 เวลา 07.00 น. จะมีพิธีทำบุญตักบาตร อุทิศส่วนบุญกุศล และทำพิธีผูกแขนสู่ขวัญเพื่อความศิริมงคล
การเตรียมความพร้อมจัดงานบุญหมู่บ้าน 1.วางโต๊ะหมู่บูชา 2.จัดเตรียมที่นั่งพระ 3.เตรียมบายศรีประกอบพิธี
การเตรียมความพร้อมจัดงานบุญหมู่บ้าน 4.เตรียฝ้ายผูกข้อมือ 5.ทำความสะอาดศาลหลักบ้าน 6.นำดินกรวดมาวางรอปลุกเสก
ทีมข่าวเดินทางมาพบ นางวิภาวัลย์ ใจเที่ยง ชาวบ้าน ซึ่งบ้านอยู่ปากซอย 3 เปิดเผยว่า วันที่ 11 พ.ค.63 ตนไม่เห็นอะไรแปลกเลย ประกอบกับช่วงเวลา 03.00-07.00 น. ตนไปกรีดยางอยู่สวน ห่างไปราว 1 กิโลเมตร จากนั้นก็กลับมาบ้าน มาเตรียมของขาย ซึ่งตนนั่งเสียบลูกชิ้นอยู่หน้าบ้าน ระหว่างนั้นไม่ได้เห็นอะไร เพื่อนบ้านก็นั่งกันอยู่จำนวนมาก
ในวันที่ 11 พ.ค.63 มีพระรูปหนึ่งมาที่บ้านน้องชมพู่ ซึ่งมีคำทำนายตอนนั้นว่า น้องชมพู่ไปไกล บนภู ให้ขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งพวกตนก็แห่กันขึ้นไปจนถึงพัก 2 แล้วก็ตัดสินใจกลับ หลังจากมีโทรศัพท์เข้ามาว่า มีคนนำน้องชมพู่มาส่งที่โรงเรียน ประกอบกับแม่น้องชมพู่ให้ข้อมูลไว้ว่า น้องชมพู่ไม่เคยขึ้นภู หรือไปไกลแบบนี้ ทำให้ไม่มีใครคิดว่าชมพู่จะไปไกล อีกอย่างแม่น้องชมพู่บอกว่า “น้องชมพู่ยังเดินขึ้นบันไดเองไม่ได้เลย” ยอมรับว่าเสียดายมากที่ตนไม่ได้เดินขึ้นไปสูงอีก
นอกจากนี้ช่วงค่ำก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่มาบ้านน้องชมพู่ อ้างว่ามีบางสิ่งสิงร่าง บอกว่า "หมู่บ้านนี้ไม่เคยทำบุญ ผิดบ้าน ผิดเมือง ตั้งแต่ผ้าเหลือง ยันผู้ใหญ่ในบ้าน" คล้ายกับพูดถึงเจ้าแม่ตะเคียน ซึ่งมีการทำพิธียกแม่ตกตะเคียนขึ้นมาช่วงปลายปีที่แล้ว โดยตอนนั้นก็นิมนต์พระมาสวด แล้วหญิงคนดังกล่าวก็บอกว่า 21.00 น. จะเจอเด็ก แต่สุดท้ายก็ไม่เจอ ที่ผ่านมาเคยมีการทำบุญให้แม่ตะเคียนอยู่บ้าง แต่ไม่เคยทำบุญบ้านจริง ตนก็ไม่ได้เชื่อทั้งหมดว่าผีจะเอาเด็กไป