เมื่อวันที่ 12 ส.ค.63 นายอนามัย วงศ์ศรีชา และนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา พ่อแม่ของน้องชมพู่ ได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกตามหาเจ้าปลาส้ม โดยขี่รถไปหาที่หมู่บ้านกกตูมแต่ไม่เจอ และขี่รถลัดเลาะตามสวนมันและสวนยางต่าง ๆ ซึ่งได้ขี่ย้อนกลับไปทางตีนภูกะโล้น เป็นทางเข้าป่าโดยได้ส่งเสียงเรียกชื่อ ปลาส้ม ตลอดทาง
คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่
เมื่อขับไประหว่างทางถึงบริเวณสวนยางก่อนถึงชายป่า ปรากฏว่าพบเจ้าอ้วน สุนัขสีดำของยายจำลอง ที่เป็นเพื่อนสนิทของเจ้าปลาส้ม โดยปกติสุนัขคู่นี้จะอยู่ด้วยกันตลอด แต่ครั้งนี้เจอเจ้าอ้วนอยู่เพียงตัวเดียวไม่เจอเจ้าปลาส้ม
หลังจากนั้นพ่อแม่ของน้องชมพู่ได้ขี่รถมุ่งไปทางตีนภูกะโล้น ประมาณ 300 เมตร ก็พบรอยเท้าสุนัขวิ่งไปทางชายป่าจำนวนหลายรอย แต่พ่อแม่ของน้องชมพู่สังเกตว่าอาจจะไม่ใช่รอยเท้าของปลาส้ม เนื่องจากเป็นรอยเท้าที่ใหญ่กว่า และเท้าไม่มีติ่งเล็บ ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของเจ้าปลาส้ม จึงได้ขี่รถย้อนกลับถนนใหญ่ และลัดเลาะตามถนนลาดยางภายในหมู่บ้านกกกอก แต่ก็ไม่เจอ
นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ ให้ข้อมูลว่า "ไม่ได้กลัวมันจะตาย แต่กลัวมันไม่ได้กลับมา" ต้องไปกับคนแต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร คิดว่าอาจจะหลงตามไปกับคนที่ขึ้นไปหาเห็ด ซึ่งตนกลัวว่าเจ้าปลาส้มยังอยู่บนเขา เพราะเป็นหมาที่กลัวทางลาดยาง ไม่เดินถนน อยากประชาสัมพันธ์ใครที่เห็นหมาสีแดง เล็บติ่งงอกออกมาทั้ง 4 ข้าง เรียกชื่อปลาส้ม ก็หัน อุปนิสัยชอบเดินตามคน ใครนำมาส่งที่บ้านก็จะมีรางวัลให้ 1,000 บาท
ขณะที่แม่ของน้องชมพู่ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.กกตูม มีรายงานข่าวว่า เจ้าปลาส้ม ได้ถูกนำกลับมาส่งที่บ้านแล้ว ทันทีที่แม่ของน้องชมพู่ลงบันทึกประจำวันเสร็จ ก็รีบเดินทางกลับบ้านไปหาเจ้าปลาส้มทันที โดยเมื่อไปถึงเจ้าปลาส้ม ก็รีบวิ่งมาหาแม่น้องชมพู่ และกระดิกหางไปมา ทำเสียงเหมือนอ้อนแม่ของน้องชมพู่ ซึ่งแม่ได้พูดว่า "ถ้ามันไม่ใช่ปลาส้มคงไม่มีใครรู้จักมันหรอก คงไม่ได้กลับบ้าน"
ทั้งนี้ เจ้าปลาส้ม พยายามปีนป่ายอ้อนแม่น้องชมพู่ ขณะเดียวกัน เจ้าแก้ว สุนัขเพศเมียอีกตัว เมื่อเห็นปลาส้มอ้อน ก็เข้ามาปีนป่ายแม่น้องชมพู่เพื่ออ้อนด้วย
อย่างไรก็ตาม แม่น้องชมพู่จะให้เงินคนเจอ 1,000 บาท และให้เงินคนที่พามาส่งบ้าน ชื่อกุ้ง 300 บาท โดยปลาส้มได้กินข้าวเหนียวก้อนใหญ่เป็นมื้อแรก
ต่อมาทีมข่าวลงพื้นที่หมู่บ้านกตูม ไปพูดคุยกับนายวิทยา หอมสนิท อายุ 33 ปี ชาวบ้านกกตูมที่เจอปลาส้ม เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้เดินขึ้นไปเก็บเห็ด โดยเข้าทางป่าหลังวัดกกตูม เดินเข้าไปในป่าประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อเก็บเห็ด เวลาประมาณ 15.00 น. ขณะที่ตนนั่งพักอยู่ที่ลานหินที่ชื่อโคกดานคอย หันไปข้างหลังก็เจอสุนัขมายืนอยู่ ซึ่งตอนนั้นตนก็ไม่รู้ว่ามันคือเจ้าปลาส้ม แต่สังเกตว่ามันไม่ได้มีนิสัยดุร้ายอะไร ขณะที่ตนเดินเท้ากลับบ้าน เจ้าปลาส้มก็เดินตามหลังลงมาด้วย ซึ่งตนเดินไปถึงชายป่า ขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน เจ้าปลาส้มก็วิ่งตามรถ กระทั่งตนขี่รถมาเจอเพื่อนบ้าน จึงทราบว่าสุนัขที่วิ่งตาม คือ เจ้าปลาส้ม เป็นสุนัขที่ตามหากันอยู่ เมื่อตนรู้ดังนั้นจึงขี่รถไปที่หมู่บ้านกกกอก เมื่อเจอชาวจึงนำสุนัขไปฝากให้นำไปคืนแม่ชมพู่
อย่างไรก็ตาม ตนไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าปลาส้ม คือ สุนัขที่คนกำลังตามหาในหมู่บ้านกกกอก ซึ่งตอนที่เจอท่าทีของเจ้าปลาส้มนั้น ก็ดูเชื่องมาก ๆ ตอนนั้นตนก็ไม่ได้นำอะไรให้สุนัขกิน เพราะไม่รู้ว่ามันเป็นหมาหลงหรือไม่
