กรณีตำรวจชุดคลี่คลายคดีน้องชมพู่ นำโดย พ.ต.อ.ชัชชัย วงศ์สุนะ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วยเเพทย์ที่ทำการชันสูตรศพน้องชมพู่คนเเรก คือ นายเเพทย์ศักดิ์สิทธิ์ บุญลักษณ์ หัวหน้ากลุ่มงานนิติเวช รพ.สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี เดินทางขึ้นภูเหล็กไฟไปยังจุดพบศพ เพื่อวิเคราะห์สภาพพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่ได้นำอุปกรณ์ คือ ตลับเมตร เเละเครื่องมือวัดความลาดชันขึ้นไปด้วย
คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่
จากนั้นทีมข่าวได้ปีนลงไปสำรวจใต้ถ้ำ ซึ่งปีนลงค่อนข้างยากลำบาก เพราะทางลงคับเเคบ 70 เซนติเมตร สูงชัน 5 เมตร ก้อนหินลื่นเนื่องจากฝนตกต่อเนื่องมาหลายวัน เมื่อลงมาถึงด้านล่าง พบว่าปล่องถ้ำสามารถใช้พักอาศัยได้
ทีมข่าวใช้ตลับเมตรวัดขนาดถ้ำ ความสูง 1 เมตร ความกว้าง 2 เมตร ความยาว 15 เมตร หลังจากนั้นจะไม่สามารถคลานต่อได้ เพราะปล่องถ้ำเริ่มเเคบลง เหลือเพียง 50 เซนติเมตร
คาดการณ์เส้นทางที่พาน้องชมพู่ขึ้นเขา ต้องผ่านถ้ำน้ำลอด ก่อนจะถุงจุดพบรถแบ็กโฮ และไปถึงจุดพบกางเกง โดยจุดสุดท้ายคือ จุดพบศพน้องชมพู่ รวมระยะทาง 2.670 กิโลเมตร
สำหรับสภาพพื้นที่มีก้อนหินในถ้ำมีหลายขนาด เเต่ละก้อนมีความเปียกชื้น เเละพบน้ำขังอยู่ตามพื้นถ้ำ ชื้นเเฉะเป็นอย่างมาก นอกจากนี้หินภายในถ้ำบางจุดยังมีน้ำหยดลงมา เเละภายในถ้ำได้ยินเสียงสัตว์จำพวกค้างคาว เขียด เเละพบซากปูภูเขา ซึ่งในช่วงฤดูฝน น้ำจากลำธารจำนวนมาก จะไหลลงสู่ถ้ำ ระยะความยาวรวมของถ้ำไปจนถึงปล่องอีกด้านที่น้ำไหลออก ไม่ต่ำกว่า 40-50 เมตร
นายแพทย์สิทธา ลิขิตนุกูล เจ้าของเพจคุณหมอสตอรี่ มองว่า พฤติกรรมของเด็ก 3 ขวบ หากอยู่คนเดียวกลางป่า ซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้ และโขดหิน เป็นเวลา 1 คืน การใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีเสื้อผ้าที่เตรียมไปเปลี่ยน ไม่มีอุปกรณ์เดินป่าเลย ไม่มีน้ำดื่ม หรืออาหาร เป็นอะไรที่น่าเห็นใจมาก
เพราะอาหารการกินคงจะกินได้แต่พวกผลไม้ที่หล่นลงมาบนพื้น เพราะน้องปีนต้นไม้ไม่ได้ และเขย่าให้ผลไม้ร่วงลงมาไม่ได้ ส่วนน้ำคงจะกินจากแอ่งน้ำเล็ก ๆ โดยใช้มือวักน้ำ ไม่เอาหน้าจุ่มลงในแอ่งน้ำ เรื่องอาหาร และน้ำน่าจะมีไม่พอ และยิ่งช่วงกลางวันอยู่กลางแดดที่ร้อน น้องน่าจะสูญเสียน้ำ สูญเสียเกลือแร่ และเสียเหงื่อ จนร่างกายขาดน้ำ ช่วงกลางวัน อาจจะพอหลบสัตว์เล็ก ๆ พวกมดแมลงได้ และจะหลบแดดใต้ต้นไม้
ส่วนช่วงเวลากลางคืน เด็กจะไม่เดินวนไปไหน เพราะเดินกลางคืนเด็กจะรู้สึกเป็นอันตราย จะอยู่นิ่ง ๆ ในที่ที่ปลอดภัย เช่น หลังก้อนหิน หรือบนโขดหิน สำหรับตอนนอน เด็กจะไม่รู้เลยว่า ต้องถอดเสื้อออกมารองนอน อาจจะปีนไปบนก้อนหินที่ไม่สูงมาก ประมาณ 10-20 เซนติเมตร เพื่อหลบมด หลบแมลง หลบตะขาบ และสัตว์มีพิษ ชนิดต่าง ๆ และอาจจะนอนบนก้อนหิน
นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ ให้ข้อมูล อาจเป็นไปได้ที่นำน้องชมพู่ไปปล่อยไว้ เพราะคนร้ายจะพาชมพู่ไปปล่อยที่ไหนก็ได้ แต่ช่วงที่น้องหายไปเป็นฤดูร้อน เขาภูเหล็กไฟจะแล้งและไม่มีน้ำ จึงไม่สามารถกินน้ำที่บนเขาได้
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับชาวบ้านกกตูม คือ นายอ๊อด สุขภัณฑ์ หรือ สท.อ๊อด ถึงเรื่องคดีน้องชมพู่ ว่ามองอย่างไร สท.อ๊อด กล่าวว่า เชื่อว่าต้องมีคนร้าย ซึ่งช่วงที่น้องชมพู่หายไป ตนไปช่วยหาตั้งเเต่วันที่ 11 พ.ค.63 กระทั่งพบศพวันที่ 14 พ.ค.63 จากการประเมินสภาพพื้นที่ คิดว่าเด็กไม่สามารถเดินขึ้นเองได้ เพราะระยะทางที่ไกล ประกอบกับมีความลาดชัน จึงเชื่อว่าต้องมีคนร้ายพาขึ้นไป ส่วนจะพาไปด้วยวิธีไหนตนก็ไม่ทราบ เเต่ส่วนตัวสันนิษฐานไว้ว่า คนร้ายน่าจะอุ้มน้องขึ้นไปทิ้ง เเล้วน้องก็เดินเองจนหลงไปตาย
ทีมข่าวลงพื้นที่บ้านกกกอก ไปพูดคุยกับ นายพิษณุพร ชัยมะโย ชาวบ้านกกกอก เปิดเผยว่า ในช่วงที่น้องชมพู่หายไปใหม่ ๆ นั้น สาเหตุที่ไม่ได้เดินไปหาที่ถ้ำน้ำลอด เพราะว่าชาวบ้านตามหากันเอง ไม่ได้ประชุมหรือวางแผนในการเดินหา ซึ่งแม้ตนจะเคยเดินป่าบ่อย แต่ก็ไม่รู้จักถ้ำน้ำลอดนี้ เคยได้ยินแต่ชื่อ เพราะตนไม่ค่อยได้เดินขึ้นเขาภูเหล็กไฟ แต่จะเดินหาของป่าที่เขาภูผาเหี้ยเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม คนในครอบครัวของน้องชมพู่ ทั้งแม่ ลุงพล และป้าแต๋น ก็ยืนยันว่าไม่เคยรู้จักถ้ำน้ำลอดดังกล่าว
นายเชษฐ คะปัญญา ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดมุกดาหาร ได้เดินทางมาดูแลตรวจสอบการขยายเขตระบบจำหน่ายไฟฟ้า โดยวันนี้ได้มีการนำเสาไฟฟ้าสูง 8 เมตร จำนวน 3 ต้น ปักขยายระยะทางการจ่ายไฟ 120 เมตร เพื่อให้สามารถต่อไฟไปยังบ้านลุงพล
ต่อมานายเชษฐ ได้เดินทางมาให้กำลังใจพ่อแม่ของน้องชมพู่ พร้อมทั้งได้รับเรื่องการขยายเขตระบบจำหน่ายไฟฟ้าเข้าซอยบ้านของน้องชมพู่ด้วย โดยนายเชษฐ เปิดเผยว่า วันนี้ได้ออกตรวจสอบสายไฟฟ้าในหมู่บ้านว่าหย่อนยานตรงไหนหรือไม่ และจะปรับปรุงให้สวยงาม
รวมถึงรับเรื่องของครอบครัวน้องชมพู่ที่ขอเสาไฟฟ้ามาติดตั้งที่หน้าบ้าน 1 เสา เพราะเสาเก่าเป็นเสาไม้ ซึ่งตนจะเร่งให้เสร็จภายในวันที่ 15 ส.ค. นี้ และไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เพราะห่างจากเสาใหญ่ไม่ถึง 140 เมตร อย่างไรก็ตาม วันนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจครอบครัวน้องชมพู่ และถามสารทุกสุขดิบ
ความคืบหน้าบ้านลุงพล โดยวันนี้ได้มีการนำเสาไฟฟ้าสูง 8 เมตร จำนวน 3 ต้น ปักขยายระยะทางการจ่ายไฟ 120 เมตร เพื่อให้สามารถต่อไฟไปยังบ้านลุงพล ส่วนบ้านมีความคืบหน้า คือ ได้ติดประตูทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน รวมถึงมีการปูกระเบื้องครึ่งบ้าน และติดฝ้าเพดานบางส่วนแล้ว และได้ติดตั้งจานดาวเทียมอันใหม่ที่บริเวณหลังบ้าน
นายไชย์พล วิภา ลุงของชมพู่ กล่าวว่า ตนก็ดีใจที่บ้านใกล้จะสมบูรณ์ ตนเชื่อว่าลูกชายน่าจะชอบมากที่สุด วันนี้ไฟฟ้าจังหวัดมุกดาหารก็นำเสาไฟฟ้ามาคิดตั้งให้แล้ว ซึ่งเสานี้ไม่ใช่แค่ตนที่จะได้ใช้ ชาวบ้านคนอื่น ๆ ก็สามารถใช้ได้
