เมื่อวันที่ 5 ส.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี รายงานว่า "อุ๊บ วิริยะ" นักปั้นศิลปิน ซึ่งมีแนวความคิดอยากจะสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับบ้านกกกอก ได้เดินทางมาถึงบ้านกกกอกตั้งแต่ 09.30 น. โดยแวะบ้านแรกที่บ้านของตาชาญ หลาบโพธิ์ และพูดคุณกับคุณตา และนางสมควรหลาบโพธิ์
คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่
โดย อุ๊บ พูดคุยกับตาชาญ ขอโทษที่ก่อนหน้านี้มีข่าวเรื่องกระแสสร้างหนังที่ทำให้บรรยากาศไม่ดี ซึ่งในอนาคตถ้ามีการสร้างหนังก็จะมีค่าลิขสิทธิ์ในหลักหมื่น แต่ปล่อยให้เป็นเรื่องในอนาคต ยืนยันว่าจะยังไม่สร้างอะไร เพราะอยากให้ผ่านเรื่องเลวร้ายไปก่อน
หลังจากนั้น อุ๊บ ก็ได้ไปพูดคุยกับยายสมควร แจ้งให้ทราบว่ามาเพื่อให้กำลังใจครอบครัวน้องชมพู่ ส่วนเรื่องการทำหนังให้เป็นเรื่องของอนาคต แต่ก็ขึ้นอยู่กับแม่ของชมพู่ว่าจะยินยอมหรือไม่ ซึ่งจะมีลิขสิทธิ์ในหลักหมื่น โดยคดีที่ใหญ่ ๆสามารถสร้างเป็นหนังให้ข้อคิดได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก
ด้านตาชาญ เปิดเผยว่า ตอนนี้คดียังไม่จบ คงจะทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าจับคนร้ายได้ ก็พร้อมจะให้คุณอุ๊บเขียนบท และควรจะทำ เพราะคนจะได้รู้จักหมู่บ้านเรามากขึ้น ก่อนเดินทางไปบ้านน้องชมพู่ อุ๊บ กล่าวกับตาชาญว่า ตอนนี้มีงบประมาณ 10 ล้านบาท ถ้าหากสร้างหนังตัวประกอบ ชาวบ้านในหมู่บ้านก็จะได้มีรายได้ แต่ตราบใดที่ยังจับคนร้ายไม่ได้ ก็คงจะไม่มีการสร้าง อาจจะต้องรออีก 10 ปีก็ทำได้ ในตอนนั้นจิตใจแม่อาจจะเปลี่ยนใจ
จากนั้นอุ๊บ ได้ขึ้นรถตู้ เพื่อเข้าไปที่บ้านของนางสาวิตรี และนายอนามัย วงศ์ศรีชา โดยมีน้าต่าย และน้าเสริม รออยู่ด้วย ระหว่างนั่งรถอุ๊บ ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ ระบุว่าวันนี้ตนมีกำหนดเดินทางมาที่นี่ ตั้งใจมาบ้านครอบครัวน้งอชมพู่ ครอบครัวลุงพล เพื่อมาให้กำลังใจทั้ง 2 ฝ่าย อีกทั้งตั้งใจจะมาเจอเจ้าปลาส้มด้วย เนื่องจากตนเป็นคนรักสุนัข
อุ๊บ วิริยะ ได้เดินทางมาเยี่ยมพ่อแม่ของน้องชมพู่ที่บ้าน ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น ซึ่งอุ๊บ บอกกับครอบครัวน้องชมพู่ว่า อยากให้คดีจบก่อน จึงจะมีการสร้างหนังโดยให้เป็นเรื่องในอนาคต ซึ่งทั้งพ่อและแม่จะได้ค่าลิขสิทธิ์หลายหมื่นบาท โดยจะสร้างหนังให้เป็นอุทาหรณ์สอนคน ไม่ได้จะนำเรื่องของน้องชมพู่มาย่ำยี แต่วันนี้ก็มาเพื่อให้กำลังใจพ่อแม่ สำหรับบทแม่ชมพู่ ได้เลือกดาราคือ "ตุ๊ก ดวงตา" ตนมองว่ามีพลังบางอย่าง เพราะสามารถแต่งหน้าให้สาวได้ อีกทั้งมีใฝบนใบหน้าเหมือนกัน รวมถึงเข้าคาแรคเตอร์ของแม่ชมพู่ที่เป็นคนตรงและมีความชัดเจน เพราะช่วงแรก ๆ ก็กลัวไม่ได้เข้าหมู่บ้าน เพราะเห็นแม่เป็นคนพูดตรง
แม่ของน้องชมพู่ ตอบเพียงว่า ตนเพียงเป็นคนพูดตรง พูดแบบไม่ต้องแปล และไม่ได้ติดป้ายห้ามพี่อุ๊บเข้าบ้าน เพราะเขาไม่ได้เดินทางมาด่าตน
อุ๊บ วิริยะ กล่าวต่อว่า ตนอยากช่วยหมู่บ้านและทำบุญให้น้องชมพู่ ถ้าหากมีงานออกพรรษา ตนก็อยากมาช่วย ซึ่งสำหรับคนที่มองว่าตนมาเกาะกระแส ก็ยอมรับว่าเกาะกระแสจริง แต่ตนเกาะกระแสและทำก็ประสบความสำเร็จ จึงอยากเดินทางมาช่วยชาวกกกอก และอีก 5-10 ปี ถ้าแม่ชมพู่เปลี่ยนใจ ตนจะหอบเงินมาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ เพราะตอนนี้ก็มีนายทุนติดต่อมา งบประมาณ 10 ล้านแล้ว ส่วนประเด็นที่จะให้ "หนึ่ง จักรวาล" มารับบทเป็นพ่อชมพู่ เพราะเขามีคาแรคเตอร์ผอมเหมือนกัน
แม่ของน้องชมพู่ กล่าวต่อว่า จริง ๆ แล้วตนไม่อยากให้ทำหนัง เพราะด้วยความรู้สึกคงทนดูหนังไม่ได้ที่นำเรื่องช่วง 4 วันที่น้องชมพู่หายมาเล่าผ่านหนัง เพราะตนรับไม่ได้ว่าลูกเจออะไรบ้างก่อนเจอศพ ตนไม่อยากให้พูดถึงเรื่องนั้นเลย เพราะตนจะจินตนาการว่าลูกต้องเจออะไรบ้าง แม้ว่าจะจบเรื่องแล้วและตำรวจออกมาแถลงว่า น้องชมพู่เจอกับอะไร ตนก็คงรับไม่ได้ แต่การที่คุณอุ๊บมาที่บ้าน ตนก็ไม่กดดัน เพราะไม่ได้มาร้าย ไม่ได้เดินมาที่บ้านแล้วด่ามาจากหน้าบ้าน เพราะถ้ามาอย่างนั้นตนก็คงจะติดป้ายไม่ต้อนรับไว้หน้าบ้าน
อุ๊บ วิริยะ ยังบอกอีกว่า ตนเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ และสบายใจที่ได้มานั่งคุยกับพ่อแม่ของน้องชมพู่ ตนก็อยากให้ครอบครัวน้องชมพู่ทำใจให้สบาย เพราะแม่ชมพู่ก็มีความเป็นแม่อย่างสมบูรณ์แบบ ปกป้องลูกปกป้องทุกอย่าง และตนเชื่อว่าสิ่งดี ๆ จะตามมา ส่วนเรื่องสร้างหนังก็ปล่อยเป็นเรื่องอนาคต และอยากขอโทษที่กระแสสร้างหนังทำให้แม่ลำบากใจ และถ้าหากทำบุญ 100 วันของน้องชมพู่ ตนก็อยากร่วมเป็นเจ้าภาพด้วย เพราะจะมาร่วมทำบุญด้วย เพราะตนไม่เลือกที่รักมักที่ชังเหมือนบางคน
ถ้ามีโอกาสตนก็อยากฟังเสียงชาวบ้านมาโหวตว่าให้สร้างหรือไม่ เพราะตนไม่ได้มาย่ำยีหมู่บ้าน แต่ตอนนี้ต้องให้ความคิดแม่เป็นใหญ่
แม่ของน้องชมพู่ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ก็ไม่ได้ต้องการเงินบริจาค พออยู่พอกิน มีหนี้สินก็ยังพอหากันได้ ซึ่งบรรยากาศการพูดคุยเป็นไปอย่างชื่นมื่นและมีแต่รอยยิ้มสนุกสนาน จากนั้นพี่อุ๊บได้ทักทายกับเจ้าปลาส้ม หมาของน้องชมพู่ด้วยความเป็นกันเอง ซึ่งอุ๊บก็บอกว่า ปลาส้มมีความน่ารัก และเข้ากับคนได้ง่าย
อุ๊บ วิริยะ ยังบอกอีกว่า ตนรู้สึกโล่งหลังจากที่ออกจากบ้านน้องชมพู่ ตนแอบคิดว่าจะขึ้นป้ายหรือไม่ว่าจะไม่ต้อนรับตน เพราะติดตามข่าวแล้วรู้สึกว่าแม่ชมพู่มีมุมเหวี่ยง แต่พอมาเจอตัวจริงแล้วน่ารักมา คน ๆ นี้เป็นคนฉลาด มีความคิด ถ้าได้อยู่ถูกที่ถูกเวลาตนว่าจะดีมาก ๆ ตนคิดว่าวันนี้มีความสุขมาก ตนก็ได้ไปขอโทษ เพราะอาจจะทำให้พ่อแม่ ไม่สบายใจ ตนก็มาในฐานะคนดูข่าว และมาให้กำลังใจ มันเป็นอะไรที่ดูบริสุทธิ์ น่ารัก พ่ออนามัยก็น่ารัก แม่ชมพู่ก็เป็นผู้หญิงทันสมัย ตนก็สบายใจ รู้สึกไม่เสียเที่ยวที่ได้มา
เรื่องหนังตนไม่ได้รีบ เพราะต้องใช้เวลา บางเหตุการณ์ใช้เวลาเป็น 10 ปี 20 ปี ก็มี สภาพจิตใจแม่หากดีขึ้น ก็อาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ เพราะว่ามีค่าลิขสิทธิ์หลักหมื่นบาทมอบเป็นค่าตอบแทนด้วยหากมีการสร่างหนัง ซึ่งตาชาญก็มีแนวความคิดว่าหากมีการสร้างหนัง จะทำให้พื้นที่เป็นที่รู้จักมากขึ้น คนในชุมชนก็จะมีรายได้ เพราะตัวประกอบต้องให้คนในหมู่บ้านเป็นคนเล่น หลังจากนั้นภาพการท่องเที่ยวก็จะมีเพิ่มขึ้น
หลังจากนั้น อุ๊บ เดินทางต่อจากบ้านของน้องชมพู่ ไปยังบ้านของนายไชย์พล วิภา และนางสมพร หลาบโพธิ์ ลุงป้าน้องชมพู่ ซึ่งมีคนมาให้กำลังใจจำนวนหนึ่ง ซึ่งชาวบ้านมาให้กำลังใจกันค่อนข้างมาก ลุงพลได้เดินออกมาต้อนรับ โดยพี่อุ๊บ บอกว่าตัวจริงหล่อมาก หากจะเอาตัวไปเป็นดารา ภรรยาจะยอมไหม ซึ่งลุงพลก็ระบุว่า รอเรื่องทุกอย่างให้คลี่คลาย
พี่อุ๊บพูดแซวว่า “ยอมเป็นเมียน้อยก็ได้” วันนี้มาให้กำลังใจทุกคน ทุกฝ่าย และเห็นวิวัฒนาการของลุงพลมาเรื่อย ๆ ถือว่ายังมีร่างการที่ฟิตมาก หากตนเจอเร็วกว่านี้ก็คงพาไปเป็นศิลปินตั้งแต่หนุ่มแล้ว เรื่อบหนังคดียังไม่เรียบร้อย หากมีความพร้อมแล้ว อีก 4-5 ปี ก็สามารถทำได้ โดยฝากขอให้ลุงพลดูแลตัวเอง ย้อมสีผม
จากนั้นลุงพลได้พาพี่อุ๊บ เดินเข้าไปในบ้านของลุงพล เพื่อดูบรรยากาศในบ้าน วิ่งก็บอกว่ามีคนใจรวมทั้งภายในห้องน้ำ โดยระบุว่าพื้นที่ห้องน้ำทำให้รู้ว่าลุงพลเป็นคนที่เรียบง่ายมาก ลุงพลได้ให้ร้องเพลงในลุงพล "เสมอ" ให้กับพี่อุ๊บฟัง โดยร้องเพียงบางท่อน ก็เรียกเสียงปรบมือให้กับคนที่ดู
จากนั้นพี่อุ๊บเดินทางต่อมาที่วัดถ้ำภูผาแอก โดยให้สัมภาษณ์ระหว่างนั่งรถไปที่วัด ระบุว่า เป็นเรื่อวที่น่าทึ่งมากเพราะจะเห็นว่ามีคนรักลุงพลมาก ตนมาเห็นด้วยตาของตัวเอง ขนาดยังไม่ได้เป็นดารา ยังไม่ได้เป็นศิลปิน แต่มีคนรักมาขนาดนี้ ถือว่าเป็นอนิสงฆ์ของความดี พูดดี ทำดี ตนอยากให้ลุงพลรักษาความดีแบบนี้ตลอดไป
ลุงพลเป็นคนน่ารัก ซื่อ จริงใจ บริสุทธิ์ มาเจอแล้วละลายเลย ตัวจริงออร่ามาก ตนมองว่าลุงพลอยู่แบบนี้ดีแล้ว หากจะมีงานในวงการบันเทิงก็มองว่าดี แต่อาจจะเป็นการทดลองบ้าง ไม่ต้องจริงจัง เนื่องจากคิดว่าลุงพลหล่อขนาดนี้ ป้าแต๋นจะยอมให้ไปหรือไม่ ตนยังคิดว่าตอนนี้ยังทำหนังไม่ได้ ต้องตามความคิดของเจ้าของลิขสิทธิ์ด้วย แต่ในอนาคตก็ต้องคุยกับแม่ชมพู่อีกครั้งหนึ่ง ตนไม่เสียดายเวลาเลยที่มาที่บ้านกกกอก ตนก็ยืนยันจะกลับมาที่บ้านกกกอกอีก
จากนั้ย อุ๊บ ได้เดินไปที่เจดีย์อัฐิของน้องชมพู่ โดยเตรียมธูป เทียน และนมเปรี้ยวสีเขียวที่ชมพู่ชอบ จากนั้นได้จุดธูป 1 ดอก เทียน 2 เล่ม และอธิษฐานแก่น้องชมพู่ โดยระบุว่า ขอให้คดีคลี่คลายโดยเร็ว เพื่อให้ชาวบ้านได้กลับมาสงบสุข ตนคิดว่าอาจจะเร็ว ๆ นี้ที่คดีจะสิ้นสุด จึงอยากมาแสดงความไว้อาลัยต่อน้องชมพู่ รวมทั้งก็มาขอขมาน้องชมพู่ด้วย หากอนาคตต้องทำหนังขึ้นมาจริง ๆ ตนก็อยากจะบอกกล่าวว่าที่ตนทำเพื่อเป็นวิทยาทานให้กับคนที่รับชม ไม่ได้จะเอาชีวิตมาย่ำยี
ตอนแรกตนจะไปขึ้นภูเหล็กไฟ แต่สภาพอากาศมีฝนตก กลัวว่าจะลำบากในการเดินทาง จึงมาที่ภูผาแอกแทน ช่วงหนึ่ง อุ๊บ พูดกับอัฐิชมพู่ว่า ทำบุญ 100 วันชมพู่ ตนจะเดินทางมาร่วมเป็นเจ้าภาพด้วย หนังตอนนี้จะได้ทำหรือไม่ตนไม่ได้ติดใจ ตนขอให้จับตัวคนร้าย คดีสิ้นสุดก่อน
จากนั้นมีการเดินเท้าขึ้นไปยังถ้ำผาแอก ซึ่งเป็นจุดสาบาน โดยพี่อุ๊บตอนแรกตั้งใจจะขึ้นไปภูเหล็กไฟ ไปจุดพบศพ แต่สภาพอากาศค่อนข้างแย่ มีฝนตก ทำให้ไม่สามารถขึ้นภูเหล็กไฟได้ พี่อุ๊บเดินขึ้นภูผาแอก โดยมีพระอธิการบุญมา เดินขึ้นไปด้วย เพื่อพาไปสักการะ หลวงปู่ลิ้น และไปกราบที่ถ้ำพระ โดยพี่อุ๊บได้ตีฆ้อง 3 ที เพื่อทุกอย่างๆที่จะเกิดกับบ้านกกกอกดีขึ้น
หลังจากนั้นพี่อุ๊บได้ลงจากถ้ำผาแอก และเดินทางมาที่บ้านลุงพล เพื่อรับประทานอาหาร ซึ่งมีคนเข้ามาให้กำลังใจไม่ขาด และเข้ามาขอถ่ายรูป
พี่อุ๊บ นั่งทานข้าวพร้อมกับ ลุงพล ป้าแต๋น และทีมข่าว โดยมีการพูดคุยกันด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง โดยพี่อุ๊บได้เรียกลูกลุงพลทั้ง 2 คนเข้ามาพูดคุย เพื่อสอบถามถึงอนาคตว่าอยากเข้าวงการหรือไม่ ซึ่งน้องน้ำมนต์ลูกลุงพล ระบุว่า ไม่มีความคิดอยากเข้าวงการ แต่อยากบวชเป็นพระ เพื่อต่ออายุให้กับพ่อแม่
จากนั้นพี่อุ๊บ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า จุดสุดท้ายที่มาคือบ้านลุงพล ซึ่งวันนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ได้มากกกอก ความคิดแรกกับความคิดที่มาก็เปลี่ยนไปมาก เพราะกระแสข่าวอาจจะมองว่าตนมาฉวยโอกาส มาทำอะไรลบหลู่หรือไม่ ซึ่งตนไปมาครบทุกบ้าน ก็รู้สึกว่าทุกคนน่ารัก เป็นธรรมชาติ ซื่อบริสุทธิ์ 86 วันที่ดูข่าว ตนมาให้กำลังใจทุกฝ่าย ขอให้คดีคลี่คลาย ตนก็เอาหัวใจของดาราหลาย ๆ คน ทั้งอั้ม พัชราภา, เอ๊ะ อิศริยา, ลิบ สุพจน์, เขม รุจิรา, เวย์ ไทเทเนี่ยม, ธันวา ราศีธนู มามอบให้ลุงพลกับป้าแต๋น ซึ่งลุงพลกับป้าแต๋น 86 วันที่ดูข่าวก็พิสูจน์ได้ว่าทั้งคู่เป็นคนดี
กรณีมีสื่อสำนักหนึ่งเผยแพร่เรื่องราวว่า อุ๊บ วิริยะ จะมีการให้เงิน 3 ล้านบาท เป็นค่าลิขสิทธิ์ จนมีการแชร์และคนด่าแม่ของน้องชมพู่ จนได้รับความเสียหาย
ล่าสุดนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา เปิดเผยว่า ช่วงที่คุยกับอุ๊บ วิริยะ ไม่ได้การกล่าวถึงเงิน 3 ล้านบาทแต่อย่างใด เพราะความตั้งใจของแม่ ก็ไม่อยากให้สร้างหนังอยู่แล้ว และไม่เคยถามเรื่องเงิน จึงไม่รู้ข่าวที่ระบุว่ามีการเสนอเงิน 3 ล้านบาทนั้นมาได้อย่างไร
สำหรับครอบครัวชมพู่กับการส้รางหนังนั้น ตาชาญ บอกว่า "ถ้าจับคนร้ายได้ก็พร้อมให้เขียนบท และควรจะทำ เพราะคนจะได้รู้จักหมู่บ้านมากขึ้น" ส่วนนางสาวิตรี บอกว่า "ไม่อยากให้ทำ เพราะเป็นการตอกย้ำความเจ็บปวด" และนายไชย์พล บอกว่า "ตัวเองไม่ได้ติดอะไร แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพ่อแม่ชมพู่"
