หมอ-แรมโบ้คาดคดีชมพู่ ส่อจัดฉากปั่นตำรวจหัวหมุน ชี้หั่นผมเด็กโยงความเชื่อ (คลิป)

23 ก.ค. 63

นับเข้าวันที่ 72 แล้ว สำหรับกรณีการเสียชีวิตของ “น้องชมพู่” วัย 3 ขวบ ที่ไปพบศพบนเขาภูเหล็กไฟ จ.มุกดาหาร ห่างจากบ้าน ประมาณ 1.2 กม. โดยในช่วงแรก ๆ นั้นมีพยานซึ่งเป็นเด็กแก๊งจำปา ให้ข้อมูลอ้างว่าเห็นชายร่างใหญ่เสื้อส้มอุ้ม เหมือนคนตัดอ้อย ปิดบังใบหน้า คาดอาจจะเป็นเบาะแสของคนร้ายได้ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่ 

760827308650

พ.ต.อ.ชัชชัย วงศ์สุนะ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร บอกว่า กางเกงก็พบวันที่ขึ้นมาเจอศพตั้งแต่วันแรก วันรุ่งขึ้นจึงขึ้นมาเห็นหลักฐานเอาเครื่องจับอินฟราเรดมาตรวจ พบเส้นผม และเส้นขนข้างศพน้องชมพู่

544084

"และไปตรวจจุดที่พบกางเกง ก็เจอเส้นขนวางใต้กางเกงอีก 1 เส้น เราก็เอาไปตรวจหมดเพื่อเชื่อมโยง จึงเป็นเหตุผลของการตรวจ DNA ของคนทั้งหมู่บ้าน" พ.ต.อ.ชัชชัย กล่าว 

502508375603

ล่าสุดวันที่ 22 ก.ค.63 นายแพทย์สิทธา ลิขิตนุกูล เจ้าของเพจคุณหมอสตอรี่ มองว่า เรื่องที่ตำรวจบอกว่า ไม่มีดีเอ็นเอของคนอื่น ต้องไปถามว่า แล้วบนกางเกงของน้องชมพู่ ตำรวจพิสูจน์หลักฐานตรวจเจอดีเอ็นเอของน้องชมพู่ไหม ถ้าเจอก็แสดงว่า กางเกงเป็นของน้อง หากไม่เจอดีเอ็นเอ ของน้องบนกางเกง จุดนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะแม่ของน้องชมพู่ บอกว่า น้องยังถอดเสื้อผ้าเองไม่ได้

เรื่องกางเกงหลุดได้เอง หรือโดนกิ่งไม้เกี่ยวหลุด จะเป็นไปได้หรือไม่ หรือว่ากางเกงตัวที่พบ ไม่ใช่กางเกงของน้องชมพู่ แสดงว่ามีคนอื่นนำกางเกงลักษณะคล้าย หรือเหมือนกัน ขึ้นมาบริเวณนั้น เพื่อปลอมหลักฐาน นำกางเกงไปวางใกล้จุดพบศพ สร้างหลักฐานมาหลอกในคดีนี้ เนื่องจากน้องอาจจะตายที่อื่น แล้วนำมาสร้างหลักฐานว่าน้องตายบนเขา

ส่วนเรื่องที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ใช้กล้องอินฟาเรดตรวจบริเวณจุดเจอศพน้องชมพู่ พบขน 1 เส้น กับเส้นผม ลักษณะผมที่โดนตัดแบบนี้คงไม่ใช่การหลุดร่วงเอง ต้องเป็นการใช้เครื่องมือตัด

สำหรับเรื่องเส้นผม ตนมองว่าชาวบ้านยังมีความเชื่อเรื่องมนต์ดำ หรือไสยศาสตร์อยู่แล้ว จึงตั้งข้อสงสัยเรื่องเส้นผมที่โดนตัด อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องไสยศาสตร์ แต่ที่แน่ ๆ การที่พบขนบริเวณศพน้อง ต้องมีคนทำอะไรน้อง และต้องมีคนไปกับน้องอย่างแน่นอน

827829

พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช ฉายาสารวัตรแรมโบ้ อดีตผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ และอดีตสารวัตรกองปราบนครบาล มีความเห็นเรื่อง พบขน 1 เส้น กับเส้นผมของน้องชมพู่โดนตัด บ่งบอกว่า คนร้ายมีเจตนาจัดฉากให้ตำรวจไขว้เขว มั่นใจจัดฉากมาแล้วหลายเรื่อง เช่น เรื่องเอารถแบ็กโฮไปไว้บนเขา อย่างไรก็ตาม เรื่องขนที่พบ 1 เส้น ไม่กล้าฟันธงว่า ขนนั้นเป็นของคนร้ายหรือไม่ เพราะคนร้ายทำงานเป็นทีม มีลักษณะชอบใส่ร้ายคนอื่น

ส่วนเรื่องตัดผมน้องชมพู่ จะสื่อเรื่องมนต์ดำ หรือไสยศาสตร์ บ้างหรือไม่ ตนคิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องคิดอย่างเดียวว่า เป็นการทำให้ตำรวจไขว้เขว แต่เมื่อก่อนคดีดัง ๆ เรื่องมนต์ดำ มีอยู่จริง กรณีคนร้ายมีเวลาก็จะเอามะนาวยัดปากศพ ตามความเชื่อเรื่องสะกดวิญญาณ

ปมเรื่องที่ตำรวจบอกว่า ไม่มีดีเอ็นเอของคนอื่นบนกางเกง มองว่าเรื่องไม่เจอดีเอ็นเอ คาดว่าคนร้ายมีเวลาเยอะ จึงจัดฉากทั้งหมด เชื่อว่าน้องเสียชีวิตด้านล่าง แล้วคนร้ายอาบน้ำให้ศพ ล้างตัวจนดีเอ็นเอ ไม่หลงเหลือ และนำกางเกงมาวางไว้ให้ตำรวจไขว้เขว

326415

รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดี และประธานกรรมการคณะอาชญวิทยา ม.รังสิต มีความเห็น เรื่องตำรวจบอกว่า ไม่มีดีเอ็นเอของคนอื่น ติดอยู่บนกางเกงน้องชมพู่ หมายความว่า เจ้าหน้าที่เอากางเกงไปตรวจแล้วไม่พบดีเอ็นเอของคนอื่น และต้องดูว่า บนกางเกงมีดีเอ็นเอของน้องชมพู่หรือไม่ 

ส่วนกรณีที่น้องชมพู่ ถอดกางเกงเองไม่ได้ แสดงว่ามีความผิดปกติว่า ทำไมกางเกงไม่อยู่กับตัว และไม่มีดีเอ็นเอของคนอื่นติดอยู่ เรื่องนี้เป็นไปได้ว่า ลม ฝน แดด อาจจะชะล้างดีเอ็นเอที่ติดอยู่ก็เป็นได้ แต่บอกไม่ได้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไรดีเอ็นเอถึงจะเลือนหายไป

ขณะเดียวกันเรื่องเส้นผม และขน ที่ตำรวจไปตรวจเจอเพิ่ม หากเทียบ ดีเอ็นเอ แล้วปรากฏว่าไปตรงกับของใคร คนนั้นเป็นผู้ต้องสงสัยแน่นอน ซึ่งต้องตอบตำรวจให้ได้ว่า เส้นขนที่ร่วงหล่น ไปอยู่บริเวณนั้นได้อย่างไร

สำหรับเรื่องความเชื่อทางไสยศาสตร์ ก็อาจจะเป็นไปได้ ต้องดูว่า ผมโดนตัดก่อน หรือหลังน้องเสียชีวิต อาจเชื่อมโยงตามแนวคิดเรื่องสะกดวิญญาณ อย่างเช่น บางคดีก็พบว่า หลังจากก่อเหตุแล้ว คนร้ายฉี่ใส่ศพ เพื่อสะกดวิญญาณ ไม่ให้ตามอาฆาต โดยเรื่องนี้อยู่ที่ความเชื่อส่วนบุคคล

206812

เมื่อสรุปข้อมูลเรื่องดังกล่าว นพ.สิทธา บอกว่า "อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์" ส่วน พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงศ์ บอกว่า "อาจเชื่อโยงแนวคิดเรื่องสะกดวิญญาณ" ด้านสารวัตรแรมโบ้ บอกว่า "คนร้ายทำให้ตำรวจไขว้เขว ไม่เกี่ยวไสยศาสตร์"

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส