จากกรณีเมื่อเวลา 19.30 น. ของวันที่ 21 ก.ค. 63 เกิดเหตุทะเลาะวิวาทที่ลานจอดรถ ริมถนนเพชรเกษมขาล่องใต้ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน
โดยนางขวัญตา หวังผล อายุ 39 ปี มีบาดแผลฟกช้ำตามร่างกายเพราะถูกตีด้วยปืน และ นางสาวนงนภัส ธรรมสังข์ อายุ 23 ปี ลูกสาว มีแผลถูกตีด้วยปืนที่บริเวณศีรษะ
ล่าสุด วันที่ 22 ก.ค. 63 พนักงานสอบสวนได้เชิญตัวนายสมหมาย แก้วประเสริฐ รปภ. สามีของผู้เสียหาย นางขวัญตา และนางนงนภัส มาสอบปากคำ สำหรับคู่กรณี ทราบภายหลังว่าคือนายสหรัฐ ศรีถม อายุ 25 ปี
นางขวัญตา หวังผล ผู้ประสบเหตุ เปิดเผยว่า ขณะที่อยู่ในลานจอดรถ มีพนักงานของไทวัสดุมามองหน้าตนแบบแปลก ๆ ต่อมาตนจึงได้เดินเข้าไปถามพนักงานคนดังกล่าวว่า "มองหน้าทำไม" จนเกิดมีปากเสียง แล้วจึงแยกย้ายกัน โดยพนักงานคนดังกล่าวถูกผู้บริหารเรียกไปอบรม
ต่อมาเมื่อตนกลับมาอยู่ที่ลานจอดรถ เพื่อรอรับสามีกลับบ้าน ซึ่งสามีเป็น จนท.รักษาความปลอดภัยของไทวัสดุ ก็ได้มีผู้ชายซึ่งเป็นแฟนของคนที่ตนมีเรื่องด้วย พร้อมเพื่อนผู้ชายและผู้หญิงรวมกันแล้วเกือบ 10 คน เข้ามาหาเรื่อง ชักปืนมาตบตน และลูกสาวที่เข้ามาช่วยตนก็โดนตบด้วยปืน และถูกทำร้ายไปด้วยเช่นกัน
ขณะที่ นายโอ๊ค รองผู้จัดการไทวัสดุสาขาเพชรบุรี เปิดเผยว่า นางขวัญตาเกิดความหึงหวงสามี ซึ่งเป็นพนักงาน รปภ.อยู่ที่ไทวัสดุ และได้เข้าใจผิดคิดว่าพนักงานหญิงในไทวัสดุชอบพออยู่กับสามีตัวเอง จนเกิดมีปัญหามาก่อนหน้านี้หลายครั้ง แม้ผู้บริหารไทวัสดุจะเรียกมาไกล่เกลี่ยทำความเข้าใจไปแล้ว
ทั้งนี้ ในวันเกิดเหตุ นางขวัญตาได้พูดว่าจะเรียกพวกมาและมีอาวุธปืนติดมาในรถด้วย จนพนักงานหญิงเกิดความหวาดกลัว จนต้องโทรตามสามีให้มารับ แต่สามีของพนักงานไทวัสดุมาถึงแล้วเข้าไปพูดคุย นางขวัญตาได้เข้าไปค้ำคอก่อน แล้วบอกให้ลูกสาวไปหยิบปืนในรถ สามีของพนักงานไทวัสดุจึงชักปืนที่นำติดตัวมาด้วยตบนางขวัญตา และเกิดความชุลมุนจนเกิดการแย่งปืน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 รายดังกล่าว
ล่าสุดนายสหรัฐ เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อเวลา 17.00 น. ที่ผ่านมา และให้การสารภาพในบางส่วน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำของพนักงานสอบสวน ทั้งนี้ ตำรวจยังไม่อนุญาตให้ประกันตัว
เจ้าหน้าที่เตรียมแจ้งข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ใความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว โดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์โดยไม่มีเหตุสมควร และทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
