พิสูจน์เสียง 2 ชายคุยใกล้ศพชมพู่เป็นไปได้ เจอกอหญ้าเป็นรอยคนนั่งเฝ้าส่อจริง (คลิป)

16 ก.ค. 63

เมื่อวันที่ 15 ก.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมาพบกับ นางตุนมา พรหมงอย หรือ ยายตุ่น ชาวบ้านที่พบรองเท้าชมพู่ โดยวันนี้ยายตุนมา ไม่พร้อมให้สัมภาษณ์ แต่ขอให้เป็นข้อมูล 

คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่ 

298084

โดยนางตุนมาให้ข้อมูลว่า เสียงคนพูดคุยกันที่ตนได้ยินว่า “ไปสิเหลอ ๆ” นั้นเป็นเสียงที่มาจากตีนเขา ไม่ได้มีต้นเสียงมาจากจุดที่เจอรองเท้าแต่อย่างใด และก็ขอยืนยันว่าตนไม่เห็นศพน้องชมพู่ ถ้าเห็นตนบอกกับตำรวจไปแล้ว ส่วนกรณีที่นางลิ้นจี่ ชาวบ้านกกกอกออกมาให้ข่าวว่าตนไปกระซิบบอกชาวบ้านว่าเห็นชาย 2 คน คุยกันข้าง ๆ ศพน้องชมพู่นั้น ก็อยากฝากบอกเขาว่าให้เลิกให้ข่าวได้แล้ว ตนไม่เคยไปคุยสุงสิงกับชาวบ้านกกกอก เคยไปแค่สองครั้งคือไปวันขึ้นไปเจอศพน้องชมพู่ หลังเจอรองเท้า และไปอีกวันก็คือวันที่ไปเอาไฟส่องกบที่ลืมไว้ที่บ้านกกกอก

ถ้าชาวบ้านกกกอกคนไหนคาใจตรงไหน หรือไปพูดว่าตนเห็นศพ เห็นคนร้าย ก็ให้มาถามตนตัวต่อตัวที่บ้าน ตนจะไม่ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อตอบโต้กันไปมาอีกแล้ว หลังจากนี้ก็สามารถมานั่งสอบถามข้อมูลกับตนได้ แต่ตนไม่ขอให้สัมภาษณ์อีกแล้ว

โดยเมื่อวันที่ 14 ก.ค.63 ที่ผ่านมา ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมาพบกับยายตุ่น ให้สัมภาษณ์ว่า ประเด็นที่ตนก้มเก็บรองเท้าน้องชมพู่ในวันที่ 14 พ.ค.63 แล้วตนไปเห็นบุคคลปริศนา 2 คน นั่งพูดคุยกันอยู่จุดที่เจอศพน้องชมพู่นั้น ตนขอยืนยันว่าตนไม่เคยไปพูดเรื่องนี้ให้ชาวบ้านกกกอกฟัง และตนก็ไม่เคยทราบข้อมูลนี้มาก่อนด้วย ที่บ้านกกกอกตนเคยไปแค่ตอนที่พาไปชี้จุดพบเจอรองเท้าเด็ก และตอนที่ตนไปเอาไฟฉายส่องกบ ที่ตนลืมไว้เท่านั้น

276711606034

นางตุ่น เล่าย้อนกลับไปอีกว่า ก่อนที่ตนจะเจอรองเท้าเด็ก ขณะที่กำลังหาของป่าอยู่นั้น ตนก็ได้ยินเสียงคนพูดคุยกันเป็นภาษาภูไทยว่า “ไปสิเหลอ ๆ” หมายความว่า จะไปไหน และมีเสียงคล้าย ๆ เด็กร้องไห้ ฮือ ๆ ๆ

218694

จากนั้นนางตุ่น จึงมองหาต้นเสียง โดยการปีนหินขึ้นไป แล้วทำท่าส่องลงมาที่ตีนเขา เพื่อดูว่าใครคุยกัน ระหว่างที่ส่องหาต้นเสียงนั้น นางตุ่นก็ได้เสียหลักล้มลงจากก้อนหิน กระทั่งไปเจอรองเท้าวางอยู่ 1 คู่ จากนั้นจึงหยิบรองเท้าขึ้นมาดู และคิดในใจว่า "รองเท้าใครนะ ทำไมมาทิ้งไว้ตรงนี้" ระหว่างนั้นก็มีเสียงเด็กร้องขึ้นมา แต่เป็นเสียงที่มาจากระยะไกล ไม่ได้อยู่ใกล้จุดที่เจอรองเท้า

ทั้งนี้ยายตุ่น ฝากถึงชาวบ้านที่ออกมาให้ข้อมูลว่า ตนเจอคนพูดคุยกันใกล้จุดเจอศพ ตนขอยืนยันว่าตนไม่เจอบุคคลปริศนา 2 คนตามที่ข่าวนำเสนอ และตนอยากให้เลิกล้มพฤติกรรมดังกล่าว อะไรที่ไม่ใช่ความจริง จะทำให้ตนเดือดร้อน

อย่างไรก็ตาม สำหรับลักษณะพื้นที่จุดอื่น ๆ บนเขา ก่อนที่ตนจะเดินไปเจอรองเท้านั้น ก็มีลักษณะหญ้าเหมือนเป็นทางเดินคนปกติ มีทั้งหญ้าเขียว และหญ้าที่ตายแล้ว ส่วนกิ่งไม้ก็เป็นกิ่งไม้ที่หักจากลำต้นตามธรรมชาติเท่านั้น

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินขึ้นภูเหล็กไฟ ไปยังโขดหิน จุดที่นางตุ่น ชาวบ้านที่ขึ้นไปหาของป่า เเล้วพบรองเท้าน้องชมพู่ เพื่อทำการจำลองระยะการมองเห็น ว่าจะสามารถมองเห็นศพได้หรือไม่ โดยมีเจ้าหน้าอุทยานเเห่งชาติภูผายล 2 คน คือ นายนภัสสร ตะวันคำ กับ นายประมวลศิลป์ อินไชยา เป็นผู้นำทางให้

701680

ทีมข่าวพร้อมเจ้าหน้าที่ออกจากบ้านน้องชมพู่ เวลา 12.00 น. เดินต่อเนื่องเเบบไม่พัก ใช้เวลา 45 นาที ถึงโขดหินที่พบรองเท้า เวลา 12.45 น. ระยะทางห่างจากบ้านน้องชมพู่ วัดเส้นตรงจากจีพีเอส 1.2 กิโลเมตร ส่วนระยะทางจากการเดิน 1.7 กิโลเมตร พื้นที่ดังกล่าวพบว่ามีหิน 2 ก้อน ก้อนเเรกอยู่ห่างจากจุดพบศพ 7 เมตร ก้อนที่ 2 ซึ่งเป็นก้อนที่พบรองเท้า อยู่ห่างจากจุดพบศพน้องชมพู่ 10 เมตร สภาพพื้นที่โดยรอบ มีไผ่เพ็ก เเละหญ้าขึ้นรกเป็นอย่างมาก

333334

ทีมข่าวจึงได้จำลองระยะการมองเห็น โดยให้ผู้สื่อข่าวยืนอยู่จุดที่พบรองเท้า ว่าในระดับสายตา จะสามารถมองเห็นศพน้องชมพู่ได้หรือไม่ ซึ่งผลการทดลอง ทีมข่าวไม่สามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ต่ำกว่าต้นขาเจ้าหน้าที่ได้ เนื่องจากมีหญ้าเพ็ก เเละพุ่มหญ้าต่าง ๆ บดบังการมองเห็น

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้จำลองการมองเห็น หลังจากที่นางตุน บุญมา ชาวบ้านที่ขึ้นไปหาของป่า เเล้วพบรองเท้าน้องชมพู่ บอกว่าอยู่ตรงจุดดังกล่าว เเล้วมองลงไปด้านล่าง เห็นไร่มันสำปะหลังของชาวบ้าน ทีมข่าวได้ทดลองปีนขึ้นไปยืนบนก้อนหิน เเล้วลองมองไปรอบ ๆ ตามระดับสายตา ว่าจะสามารถมองเห็นไร่มัน สวนยาง หรือชุมชนด้านล่างภูเหล็กไฟหรือไม่ พร้อมกันนี้ยังได้ทดสอบการได้ยิน ตามที่นางตุ่น บอกว่ายังได้ยินเสียงชายปริศนาพูดคุยกัน เสียงดังมาจากตีนภูเหล็กไฟ

307246

โดยให้ทีมข่าว 2 คน ยืนอยู่ตีนภู ห่างจากก้อนหิน 1 กิโลเมตร เเล้วลองตะโกนประโยคว่า "ไปสิเหล๋อ ๆ" เป็นภาษาภูไท เเปลว่า "จะไปไหน" เเล้วผู้สื่อข่าวที่ยืนอยู่บนก้อนหิน จะคอยฟังว่าได้ยินเสียงหรือไม่

ผลการทดลอง ทีมข่าวไม่สามารถมองเห็นไร่มัน สวนยาง หรือชุมชนบริเวณตีนภูเหล็กไฟได้เลย เนื่องจากมีต้นไม้จำนวนมาก บดบังการมองเห็น นอกจากนี้หญ้าต่าง ๆ ก็ขึ้นรก สูงกว่าช่วงเดือนพฤษภาคมมาก อีกทั้งยังไม่ได้ยินเสียงใด ๆ จากตีนภูเหล็กไฟเช่นกัน เเม้จะให้ทีมข่าวด้านล่าง ตะโกนเสียงดังก็ตาม

114821

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้ทดลองการได้ยิน ว่าหากมีคนพูดคุยซุบซิบกันอยู่ใกล้ ๆ จุดพบศพน้องชมพู่ จะได้ยินหรือไม่ ทีมข่าวจึงได้ทดลองโดยการให้เจ้าหน้าอุทยานเเห่งชาติภูผายล 2 คน ดังกล่าว คือ นายนภัสสร ตะวันคำ กับ นายประมวลศิลป์ อินไชยา ยืนซ่อนอยู่หลังต้นไม้ เเล้วพูดจาซุบซิบ สลับกับพูดคุยปกติ

โดยทดลองกับต้นไม้ เป็นต้นรัง 3 ต้น ระยะใกล้ไกลต่างกัน เเล้วให้ผู้สื่อข่าวยืนอยู่ตรงจุดที่พบรองเท้า เเล้วลองฟัง เพื่อทดสอบว่าจะได้ยินเสียง หรือมองเห็นคนที่พูดคุยกันหรือไม่

947398

เริ่มจากต้นไม้ต้นเเรก อยู่กึ่งกลางระหว่างจุดพบรองเท้ากับจุดพบศพ คือห่างจากศพ 5 เมตร เเละห่างจากรองเท้า 5 เมตร ผู้สื่อข่าวได้ยินทั้งเสียงซุบซิบ เเละได้ยินเสียงพูดคุย รวมถึงเห็นเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 คน อย่างชัดเจน

466609

ถัดมาคือต้นที่ 2 อยู่ห่างจากจุดพบศพ 4 เมตร เเละอยู่ห่างจากรองเท้า 14 เมตร ผู้สื่อข่าวได้ยินเสียงพูดคุย เเต่ไม่ได้ยินเสียงซุบซิบ เเละมองเห็นเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 คน อย่างชัดเจน

294762

เเละต้นที่ 3 อยู่ห่างจากจุดพบศพ 10 เมตร เเละอยู่ห่างจากรองเท้า 20 เมตร ผู้สื่อข่าวไม่ได้ยินเสียงใด ๆ เลย เเต่มองเห็นเจ้าหน้าที่ 2 คน อย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพื้นที่บริเวณพบศพ ไม่มีต้นไม้ขนาดใหญ่พอที่จะบังร่างกายคนได้ ดังนั้นไม่ว่าเจ้าหน้าที่จะยืนอยู่ต้นไม้ต้นใด ทีมข่าวก็ย่อมมองเห็น

963522

นายนภัสสร ตะวันคำ เจ้าหน้าที่อุทยานเเห่งชาติภูผายล ให้สัมภาษณ์ว่า ตนไม่เชื่อว่าน้องชมพู่จะเดินหลงขึ้นมาเองได้ เพราะสภาพพื้นที่เป็นป่ารก อีกทั้งทางขึ้นยังสูงชัน เจ้าหน้าที่ที่ชำนาญเส้นทาง ใช้เวลาเดินจากบ้านน้องชมพู่ ไปยังจุดพบศพ 35-40 นาที ส่วนคนที่ไม่เคยขึ้น ก็อาจใช้เวลาเป็นชั่วโมง หรือชั่วโมงครึ่ง ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของเเต่ละคน ซึ่งการเดินขึ้นภูเหล็กไฟ ปัจจัยสำคัญที่จะต้องมีคือ น้ำ เพราะสภาพอากาศที่ร้อน ประกอบกับลักษณะพื้นที่ที่ยากต่อการขึ้น ทำให้ร่างกายเหนื่อยล้า เเละกระหายน้ำ จำเป็นต้องดื่มให้เพียงพอต่อการกระหาย หากเด็กวัย 3 ขวบ เดินหลงตัวเปล่า ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหาร เป็นไปไม่ได้ที่จะขึ้นไปถึงจุดพบศพ

นายนภัสสร ยังกล่าวถึงกรณี นางตุ่น ชาวบ้านที่ขึ้นไปหาของป่า เเล้วพบรองเท้าใกล้ ๆ ศพน้องชมพู่ เเต่ไม่เห็นศพนั้น ก็อาจเป็นไปได้ เพราะพฤติกรรมการมองของชาวบ้าน จะขึ้นอยู่กับของป่าที่หา หากเป็นหน้าฝน ชาวบ้านจะหาเห็ด ก็จะมองพื้นดินเป็นส่วนใหญ่ เเต่ช่วงเดือนพฤษภาคม ที่น้องชมพู่หายไป เป็นหน้าเเล้ง ผักอย่างเดียวที่ขึ้นในตอนนั้นคือผักหวาน ดังนั้นชาวบ้านที่ไปหาผักหวาน ก็จะมองระยะที่สูง เพื่อหายอดผักหวาน ซึ่งศพน้องชมพู่นอนอยู่ที่พื้น เเละมีหญ้าบังไว้ จึงเป็นไปได้ว่านางตุ่น อาจมองไม่เห็นศพจริง ๆ

ส่วนในเรื่องเสียงนั้น คนที่อยู่ตีนภู เเละคนที่อยู่บนภู จะไม่สามารถได้ยินเสียงกันเเละกันได้เลย เพราะสภาพพื้นที่มีหน้าผาต่าง ๆ เเละมีต้นไม้เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังบดบังการได้ยินอีกด้วย 

โดยนางตุ่น ให้ข้อมูลว่า เสียงคนพูดคุยกันที่ตนได้ยินว่า “ไปสิเหลอ ๆ” นั้นเป็นเสียงที่มาจากตีนเขา ไม่ได้มีต้นเสียงมาจากจุดที่เจอรองเท้าแต่อย่างใด และก็ขอยืนยันว่าตนไม่เห็นศพน้องชมพู่ ถ้าเห็นตนบอกกับตำรวจไปแล้ว

439475

ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้มาพูดคุยนางแจ๋ม (นามสมมติ) ชาวบ้านกกกอก โดยนางแจ๋ม ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีที่ยายตุ่นขึ้นไปเก็บผักหวานบนภูเหล็กไฟ แล้วไปลื่นล้มก่อนจะเจอรองเท้านั้น ในความคิดของตนมองว่าน้องชมพู่ อาจอยากให้ยายตุ่นช่วยเหลือเขา เพราะตอนนั้นยังไม่มีใครเจอเบาะแสน้องชมพู่

915958

โดยนางแจ๋ม เล่าต่อว่า จากการฟังคำให้สัมภาษณ์ของยายตุ่น ก็เห็นว่าก่อนยายตุ่นจะเจอรองเท้า ยายตุ่นได้ยินเสียงคนพูดคุยกันอยู่ตีนเขาว่า “ไปสิเหลอ” จากนั้นก็มีเสียงเด็กร้องไห้ มีลมพัด และทำให้ยายตุ่นลื่นล้มจากก้อนหิน มาเจอรองเท้าของน้องชมพู่

ส่วนเสียงที่ยายตุ่น ได้ยินคนพูดคุยกันว่า “ไปสิเหลอ” ตนก็คิดว่าน่าจะเป็นเสียงของชาวบ้านที่ตามหาน้องชมพู่ อยู่ที่ด้านล่างภูเหล็กไฟ ส่วนเสียงเด็กที่ร้องไห้ ตนก็คิดว่าเป็นวิญญาณของน้องชมพู่ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ตนให้สัมภาษณ์นั้น ตนก็มองว่าเป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล แต่ส่วนตนเชื่อแบบนี้

985386

นายไชย์พล วิภา ลุงของน้องชมพู่ กล่าวว่า การทดสอบของทีมข่าว หากไม่ได้ยิน ตนคิดว่าป่าตอนนี้มันทึบแล้ว ซึ่งต่างจากหน้าแล้ง ที่พื้นที่จะโล่ง ช่วงเกิดเหตุตนคิดว่ามีโอกาสได้ยินเสียง เพราะว่าใบไม้โล่ง โดยเฉพาะป้าตุ่นเท่าที่ตนเห็น คิดว่าป้าตุ่นไม่น่าจะโกหก

ทั้งนี้ตนไม่ทราบว่าเป็นเสียงใคร ซึ่งเสียงนั้นป้าตุ่นน่าจะตอบได้ดีกว่า ว่าทิศที่ได้ยิน ใกล้ไกลขนาดไหน ตนคงเดาไม่ได้ หากได้ยินในระยะใกล้ก็อาจจะเป็นคนร้ายได้ แต่หากไกลก็อาจจะเป็นเสียงของชาวบ้าน เท่าที่ทราบ วันที่ 14 พ.ค.63 ก็ยังมีคนคนตามหาน้องชมพู่อยู่ด้วย 

475931

นางสมพร หลาบโพธิ์ ป้าของน้องชมพู่ กล่าวว่า กรณีเสียงที่ยังเป็นปริศนา ตนคิดว่าวันที่ค้นหาจะมีคนร้องเรียกตะโกน ซึ่งธรรมดาแล้วเสียงก็จะก้อง ซึ่งตอนจำลองเหตุการณ์อาจจะมีแค่คนเดียว แต่วันที่ค้นหาจริงมีคนออกหาหลายคน อาจจะดังกว่าการทดสอบหรือไม่ เสียงที่ยายตุ่นได้ยิน ตนคิดว่าน่าจะเป็นเสียงชาวบ้าน เพราะแต่ละคนคงไปหาแล้วร้องดังสุดเสียง ไม่น่าเป็นคนร้าย

ส่วนตัวช่วงแรก ๆ ที่ชาวบ้านค้นหา ไม่มีใครคิดเรื่องคนร้ายเลย เพราะว่าตะโกนหากันสุดเสียง แต่มาคิดภายหลังว่า หากมีคนร้ายจริง คนร้ายได้ยินเสียงตอนค้นหา คงจะหลบหนีจากเสียงไป

titled_4

เมื่อสรุปความเห็นการได้ยินเสียงชายปริศนา วันที่ 14 พ.ค.63 เวลาประมาณ 12.00 น. เจ้าหน้าที่บอกว่า "ไม่ขอแสดงความคิดเห็น" ส่วนนายไชย์พล นางสมพร และนางจำลอง บอกว่าเสียงที่นางตุ่นได้ยิน อาจเป็นของชาวบ้านที่ค้นหาน้องชมพู่ในวันดังกล่าว  

386760

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้ทดลองเเหวกหญ้าเพ็ก ซึ่งเป็นหญ้าชนิดเดียวกับบริเวณพบศพน้องชมพู่ เเละทดลองนั่งในพงหญ้า เพื่อจะดูร่องรอยว่าเเตกต่างกันหรือไม่ หรือร่องรอยจะเป็นอย่างไร หลังจากมีชาวบ้านพบร่องรอยเเหวกหญ้า เเละร่องรอยการนั่ง บริเวณจุดพบกางเกงน้องชมพู่

โดยการทดลองเริ่มจากการให้ผู้สื่อข่าว เดินเเหวกหญ้าธรรมดา พบว่าหญ้าเอนตัวไปด้านข้าง เป็นรอยเเคบ ๆ เเละหญ้าก็ไม่ได้ล้ม จากนั้นทีมข่าวทดลองเดินเเหวกหญ้า เเล้วลองนั่ง ซึ่งจุดที่ช่างภาพยืน อยู่ห่างจากจุดที่ผู้สื่อข่าวนั่ง 10 เมตร ระยะสายตามองเห็นศีรษะผู้สื่อข่าวชัดเจน เเละหลังจากผู้สื่อข่าวลุกขึ้น พบว่าหญ้าในจุดที่นั่งมีการล้ม เเละเห็นร่องรอยอย่างชัดเจน

965512

ทีมข่าวได้มาพูดคุยกับนายสมบัติ อวนวัง ชาวบ้านกกกอกที่พบศพน้องชมพู่เป็นคนแรก โดยนายสมบัติ ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่า ตนตั้งข้อสังเกตจุดที่เจอกางเกงน้องชมพู่ คือจะมีหญ้าเพ็กล้มลง มีใบไม้หัก และร่วง และมีรอยดินร่วนใต้หิน คล้ายกับเด็กเคยนั่งอยู่ตรงนั้น ตนก็อยากจะทราบว่ากองพิสูจน์หลักฐานได้เอาหญ้าตรงนั้น ไปพิสูจน์หลักฐานหรือไม่

652950

นอกจากนี้เมื่อทีมข่าวอมรินทร์ทีวี สรุปจากคำสัมภาษณ์ พบว่านายสมบัติ บอกว่า "เป็นไปได้" ด้านเจ้าหน้าที่ 2 นาย บอกว่า "ไม่ขอแสดงความคิดเห็น"  

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส