แม่ชมพู่ค้านหมอ ลูกเดินขึ้นเขาตายไม่มีทาง ลุงพลมั่นใจไร้แพะ ยกเว้นถ้าถูกจับ (คลิป)

15 ก.ค. 63

เมื่อวันที่ 15 ก.ค.63 ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้เชิญ พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะที่เป็นหัวหน้าชุดดูแลคดี เพื่อชี้แจงข้อร้องเรียนขอให้ตรวจสอบการใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องในการสืบสวนสอบสวนคดีน้องชมพู่ ในจังหวัดมุกดาหาร

คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่ 

138031

พล.ต.อ.สุวัฒน์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้ข่าวในคดีดังกล่าว เพราะคำนึงถึงสิทธิส่วนบุคคล โดยเด็กหายวันที่ 11 พ.ค.63 และพบศพวันที่ 14 พ.ค.63 แม่ได้ไปร้องทุกข์ว่ามีการพรากผู้เยาว์ จึงทำให้มีการสืบสวนสอบสวน เนื่องจากเราพบวัตถุพยานหลายอย่างจากร่างกาย ลักษณะเป็นเส้นผม หรือเส้นขนต่าง ๆ จึงเชื่อว่าจะสามารถสกัดออกมาได้ จึงมีการตรวจพบดีเอ็นเอ เพื่อตรวจสอบว่ามีใครเข้าไปในพื้นที่ได้

206079

โดยในหมู่บ้านมีคนจำนวน 278 คน แต่มีการเรียกคนจำนวน 900 กว่าคน เพราะต้องการไปซักถาม แต่ไม่ได้เป็นพยานทั้งหมด หากใครให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ก็จะมีการสอบปากคำเข้าพยาน ซึ่งมีเพียง 63 ราย จาก 900 กว่าราย ที่ถูกบันทึกปากคำอยู่ในสำนวน และไม่มีการบังคับใด ๆ และวันเวลาที่ไปพบก็เอาตามความสะดวกของผู้ในปากคำ สำหรับการตรวจเก็บดีเอ็นเอ ก็ทำตามกฎหทายทุกอย่าง เก็บโดยผ่านเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการอบรมทั้งหมด และมีบันทึกความยินยอมทั้งหมด

167929

พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า ประเด็นบนโซเชียลฯ นั้นควบคุมไม่ได้ แต่ตำรวจทำงานตามพยานหลักฐานชัดเจน ไม่ใช่ตามกระแสข่าว สำหรับการตรวจศพเกิดขึ้น 3 ครั้ง คือ ที่โรงพยาบาลดงหลวง และ โรงพยาบาลอุบลราชธานี และ อีกโรงพยาบาล คือ โรงพยาบาลตำรวจ สาเหตุที่ต้องตรวจทั้งหมด 3 ครั้ง เพราะว่าจากการผลการตรวจครั้งแรกนั้น ยังไม่สามารถระบุสาเหตุการตายได้

ผู้ปกครองติดใจจึงได้ร้องขอให้มีการประสงค์ตรวจอีกครั้ง การที่แพทย์บอกว่าไม่สามารถระบุสาเหตุการตายได้นั้น ก็ต้องชี้แจงให้ได้ว่าเพราะอะไร ต้องเอาข้อสันนิษฐานและข้อเท็จจริงแยกจากกัน ไม่ใช่ตั้งข้อสันนิษฐานว่า เด็กขาดน้ำ เพราะเห็นว่าอากาศร้อน กับขาดน้ำเพราะพยาธิสภาพของศพบอก มันต่างกัน บางคนสันนิษฐานว่า เด็กเดินขึ้นไปเองได้หรือไม่ ต้องย้อนกลับว่าวิสัยเด็กนั้นเคยเดินขึ้นไปหรือไม่ แต่ถ้าคิดไปเฉย ๆ ไม่มีคำอธิบายประกอบ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

844649554563

"นิติวิทยาศาสตร์ไม่ได้แปลว่ามีแค่นี้แล้วจะลงโทษใครได้ เราทำงาน ไม่ได้ทำเพื่อจะจับใคร เราทำเพื่อหวังผลในการดำเนินคดีในชั้นศาล การสืบสวนไม่ได้มองว่า แพ้หรือชนะในคดี เราจะระมัดระวังเรื่องพวกนี้มาก เพราะหากตำรวจแพ้มักถูกบอกว่าจับแพะ จึงต้องดูทุกอย่างประกอบกัน ต้องดูทั้งเหตุและผล ถ้าเป็นข้อสันนิษฐาน อธิบายได้ก็เพียงพอ" พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าว

ทั้งนี้ตนขอยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรนอกอำนาจหน้าที่ เราทำตามกฎหมาย หวังพิสูจน์ความจริง วันนี้ถ้าไม่สามารถหาข้อเท็จจริงได้ เมื่อถึงจุดหนึ่ง มีการบอกว่า จับคนร้ายไม่ได้ไม่กลับ ยืนยันว่า ผมพูดเพื่อให้ลูกน้องเดินหน้าหาหลักฐานให้เต็มที่ เป็นคำมั่นสัญญาให้กับลูกน้องในการทำงาน แต่ถึงวันหนึ่ง ไม่ได้ก็ต้องไม่ได้ การสืบสวนสอบสวนไม่จำเป็นต้องจับผู้ร้ายได้ทุกเรื่อง ตำรวจไม่ได้มีความกดดันซึ่งการที่จับผู้ร้ายไม่ได้เป็นเรื่องปกติ สามารถพักสอบได้ แต่ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

อย่างไรก็ตาม กมธ.ได้ตั้งข้อซักถามในประเด็น ตรวจดีเอ็นเอ ของคนในหมู่บ้านจำนวนมาก และการชันสูตรศพ ที่มีข้อมูลไม่ตรงกัน โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ อธิบายว่า คดีดังกล่าวได้เก็บดีเอ็นเอ จำนวน 115 ราย โดยได้ทำตามขั้นตอนและกฎหมาย เพื่อเป็นการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ตำรวจไม่เคยใช้คำว่าผู้ต้องสงสัย แต่ตรวจเพื่อให้คลายข้อสงสัย แต่ทุกวันนี้เมื่อเจ้าหน้าที่ไปคุยกับใคร สื่อบางแห่งก็ตามไปจ่อไมค์ถาม กลายเป็นผู้ต้องสงสัยในสังคมไป ยืนยันว่าเราเดินตามกรอบของกฎหมาย

เรื่องผลการชันสูตรศพ สาเหตุที่ต้องชันสูตรสองครั้ง พนักงานสอบสวนได้พบญาติที่ติดใจสงสัย ว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญท่านอื่นระบุสาเหตุการตายได้หรือไม่ ซึ่งไม่เสียหายที่เราจะฟังความเห็นมากกว่าหนึ่ง แต่คำของผู้เชี่ยวชาญต้องมีคำอธิบายประกอบด้วย โดยไม่มีใครสรุปว่า มีการล่วงละเมิด ยังไม่มีใครสรุปแบบนั้น แต่จำเป็นต้องยืนยันคำสรุปครั้งแรก โดยการชันสูตรครั้ง 2 อาจมีการปนเปื้อนหรือฉีกขาดได้ จึงจำเป็นต้องมีคำอธิบายเพิ่มเติม ต้องฟังด้วยวิจารณญาณ อย่าด่วนสรุป ทุกวันนี้สรุปเอาเองทั้งนั้น

452653

นพ.ภาณุวัฒน์ ชุติวงศ์ ผู้ช่วย ผอ.รพ.จุฬาลงกรณ์ และอ.ภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาที่สื่อ เพราะสื่อเข้าไปถามข้อมูลจากพยานถึงเรื่องในครอบครัว ดังนั้นคดีนี้มีความกดดันอย่างแน่นอน ส่วนการผ่าศพ 2 ครั้งยืนยันว่า ในทางนิติเวชไม่มีทางจะได้ข้อมูลมากกว่าครั้งแรก แต่ครั้งที่ 2 อาจถูกชี้นำได้ ในทางการแพทย์ไม่มีใครอยากผ่าซ้ำ และการผ่าครั้งที่ 2 ผ่าได้ยากมาก แต่ในทางสังคมมักเชื่อไปเองว่าครั้งที่ 2 จะได้ผลมากกว่าครั้งแรก

ส่วนตัวคิดว่าคดีนี้กำลังมาผิดทาง เพราะเมื่อได้ผลจากครั้งแรกไม่พอใจ ต้องส่งไปผ่าครั้งที่ 2 เสมอ ทำให้ประชาชนรู้สึกไม่มั่นใจในการทำหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน และเมื่อผลออกมาต่างกัน คำตอบก็จะไปออกในผลที่น่าพอใจมากที่สุด ทั้งที่ไม่รู้ว่าผลครั้งไหนถูกต้อง และคดีนี้จากการชันสูตรสาเหตุการตายว่า มาจากการขาดอาหารก็มีความเป็นไปได้

แต่ถ้าจะถามว่าใครพาขึ้นไป ทางการแพทย์ไม่สามารถตอบได้ และขอให้ตำรวจแยกสิ่งตรวจพบ และความเห็น โดยเฉพาะสื่อที่พอหาคำตอบไม่ได้ ก็ไปหาความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญที่ไม่เกี่ยวข้องในคดีจนเกิดความสับสน

464549
 
อย่างไรก็ตาม ส่วนระบบภายในร่างกายนั้น พบว่าผิวเยื่อหุ้มปอดไม่มีเลือดออก หัวใจเริ่มเน่า ปอดทั้ง 2 ข้างเริ่มเน่า และผิวทั้งร่างกายเริ่มแห้งกร้าน
 
854769
 
ทั้งนี้อวัยวะสำคัญ ได้แก่ ทวารหนักขยายเล็กน้อย ช่องคลอดไม่พบบาดแผล กระดูกขาไม่แตกหัก และเยื่อพรหมจารี ไม่ฉีกขาด
 
716559

วันที่ 15 ก.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีลงพื้นที่หมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ซึ่งวันนี้ครอบครัวของน้องชมพู่ได้เริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ออกไปทำไร่ทำสวน โดยนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ก็ได้ไปนั่งที่กระท่อมในไร่เพื่อพักผ่อนจิตใจ ซึ่งก็ดูผ่อนคลายขึ้น มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มมากกว่าเดิม ส่วนนายชาญ หลาบโพธิ์ ตาของน้องชมพู่ ก็ได้นำรถไถไปไถนาของเพื่อปรับหน้าดิน และเตรียมทำนา ด้านนายนรินทร์ หลาบโพธิ์ หรือน้าแต น้าของน้องชมพู่ ก็ได้ใช้เวลาว่าตัดหญ้าที่ริมคันนา เพื่อปรับปรุงพื้นที่คันนาที่หญ้าเริ่มขึ้นรก

329970

นางสาวิตรี เปิดเผยว่า ยอมรับว่ารู้สึกกังวล หากผลสรุปออกมาว่าน้องชมพู่เดินหลงไปตายเอง แต่คิดว่าถ้าจะสรุปอย่างนั้น ตำรวจก็ต้องมีหลักฐานและตอบตนให้ได้ว่าเสื้อของเด็กหายไปไหน ใครตัดผมน้องชมพู่ ซึ่งประเด็นที่ว่าน้องชมพู่จะเดินขึ้นไปตายเองนั้น คนในพื้นที่และตำรวจก็น่าจะตอบคำถามได้ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่น้องชมพู่จะเดินขึ้นไปตายเอง ซึ่งยอมรับว่าถ้าผลออกมาเป็นเช่นนั้นก็จะค้านกับความรู้สึกของตนมาก เนื่องจากตนเชื่อว่าน้องชมพู่ไม่ได้ไปคนเดียว แต่น่าจะมีคนร้ายพาขึ้นไป เนื่องจากในวันที่หายไปนั้น น้องได้กินอาหารเพียงนิดเดียว คือกินไข่เจียว ในเวลา 7 โมงกว่า ๆ และกินน้ำส้มอีกนิดหน่อยในเวลา 08.00 น. ซึ่งหลังจากนั้นก็หายตัวไปในเวลา 9 โมงต้น ๆ ซึ่งตนคิดว่าในเวลานั้นน้องชมพู่ก็น่าจะเริ่มหิวแล้ว และจะเดินขึ้นเขาไปได้เหรอ

สำหรับผลตรวจที่ออกมาว่าน้องชมพู่เสียชีวิตก่อนที่จะมีคนไปพบศพ 8-10 ชั่วโมงนั้น ตนก็อยากตั้งคำถามกลับไปว่าถ้าน้องชมพู่ตายในเช้าวันที่ 14 พ.ค.63 แล้วน้องชมพู่จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรตั้งแต่วันที่หายไป ซึ่งตนเชื่อว่าช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ น้องชมพู่ก็ต้องได้กินอาหารถึงจะอยู่ได้จนถึงวันที่ 14 พ.ค.63 และถ้าน้องชมพู่จะตายเช้าวันที่ 14 พ.ค.63 ตนก็คิดว่าต้องมีคนคอยให้อาหารน้องชมพู่ระหว่างที่หายตัวไป

645105544983

อย่างไรก็ตาม หากมีผลสรุปว่าน้องชมพู่เดินหลงไปตายเอง ตนก็อยากจะสู้ต่อ แต่ตนก็ต้องปรึกษาตำรวจว่าได้หลักฐานอะไร หรือเห็นตรงกับตนหรือไม่ เพราะทุกวันนี้ตนก็อยากจะจับคนร้ายให้ได้ เพราะตนเชื่อว่าลูกไม่ได้ไปเอง นอกจากนี้ตนก็อยากให้คนที่คิดว่าน้องชมพู่เดินไปตายเอง มาทดสอบด้วยการตื่นเช้า กินไข่เจียวเพียงนิดหน่อยตอนเวลา 7 โมง กินน้ำส้มนิดหน่อยตอน 8 โมง และเดินขึ้นเขาตอน 9 โมง เพื่อพิสูจน์ว่าจะหิวและเดินไปถึงจุดที่น้องชมพู่ตายหรือไม่ 

460341

ทั้งนี้ข้อมูลจาก รพ.สรรพสิทธิประสงค์ ระบุในใบชันสูตรศพว่า น้องชมพู่ วัย 3 ขวบ เสียชวิตแล้วนานกว่า 18 ชม. 

901413

นายไชย์พล วิภา ลุงน้องชมพู่ เปิดเผยว่า กรณี รอง ผบ.ตร.ออกมาให้ข้อมูลกับ กมธ.ด้านกฎหมาย ระบุว่า การไปแจ้งความคดีน้องชมพู่ ตนไม่ทราบเรื่องว่าไปแจ้งความเรื่องอะไร มีเพียงคุยกับป้าแต๋นบ้างเท่านั้น ซึ่งกรณีพรากผู้เยาว์ตนไม่ทราบเรื่อง หากมีการแจ้งความเรื่องอะไรก็เป็นดุลพินิจของแม่ชมพู่

การติดใจเรื่องศพ ให้มีการส่งชันสูตรเพิ่มเติม ส่วนใหญ่เป็นการคุยในวงพี่น้องของภรรยา ซึ่งตนก็จะอยู่ข้างนอก ในตอนนั้นให้ช่วยเหลืออะไรตนก็ยินดี กรณีน้องชมพู่ไปตายเอง ตนมองว่าเป็นเรื่องของแพทย์ แต่หากบอกว่าชมพู่เดินไปเอง ตนยังยืนยันเหมือนที่ผ่านมาว่ายากต่อตวามรู้ของตน เพราะยังเชื่อว่าเด็กไปตายเองไม่ได้ ส่วนจะติดใจใคร ตนก็มองว่าเป็นเรื่องของพ่อแม่ชมพู่

807880

คดีนี้หากตำรวจจะพับเก็บไว้ หรือไว้สอบสวนหลังจากนี้ตนก็ขอให้เป็นเรื่องของพ่อแม่ของน้องชมพู่ ประเด็นสุดท้ายเรื่องแพะ ตนยังเชื่อมันในตำรวจ หากจะจับเชื่อว่าคงไม่จับแพะ แต่สิ่งที่กังวลมาตลอดคือ หากตำรวจหากคนร้ายไม่ได้ จะหาจับใครไปก่อนที่ไม่ใช่คนร้าย และหากหมายจับออกที่ตน พูดได้คำเดียวว่า ”แพะ” เพราะตนไม่ได้ทำอะไร

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส