กรณีด.ต.ไชยงค์ แจ่มรุ่งโรจน์ อายุ 53 ปี ตำรวจสังกัด สภ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ก่อเหตุใช้อาวุธปืนประจำกาย ขนาด 9 มม. ยิงนายรมย์ ร่าเริงยิ่ง อายุ 51 ปี เพื่อนบ้านได้รับบาดเจ็บกระสุนเจาะเข้าบริเวณขาหนีบด้านซ้าย และชายโครงซ้าย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
ด.ต.เขียนฝาบ้านเตือนใจ ทนข้างบ้านเปิดเพลงดัง ชักปืนแค่ขู่ แม่คนเจ็บแฉยิง 2 นัดเลือดสาด
ทั้งยังได้ตามไปชกต่อยกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันชุลมุน ที่บ้านเลขที่ 135 หมู่ 5 ต.บ้านปรือ อ.กระสัง เมื่อเวลา 11.50 น. ของวันที่ 13 ก.ค.63 ที่ผ่านมา โดยมีสาเหตุเบื้องต้นคาดว่า ด.ต.ไชยงค์ ไม่พอใจที่ลูกชายนายรมย์ ผู้บาดเจ็บเปิดเพลงเสียงดัง
ด้าน พ.ต.อ.วิษณุ ผกก.สภ.กระสัง อ.กระสัง กล่าวว่าดาบตำรวจไชยยงค์ ปกติจะเป็นคนจริงจังกับการทำงาน ตรงไปตรงมา จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่าดาบตำรวจไชยยงค์ น่าจะอัดอั้นมานานเรื่องการเปิดเพลงเสียงดัง จนถึงขั้นเขียนข้อความติดไว้กับฝาบ้านของตัวเอง ลักษณะระบายความในใจเหมือนอัดอั้นมานาน
ล่าสุดนายรมย์ ที่ถูกยิงบาดเจ็บยังนอนรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ ซึ่งแพทย์ได้ทำการผ่าตัดเอากระสุนออกแล้ว ขณะนี้อาการพ้นขีดอันตรายสามารถพูดคุยสื่อสารได้แล้ว แต่ยังต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ส่วน ด.ต.ไชยงค์ ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุยิงนายรมย์ ได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สภ.กระสัง ตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยเบื้องต้นถูกแจ้งข้อหา “พยายามฆ่า” และขณะนี้อยู่ระหว่างการควบคุมตัวที่ สภ.กระสัง เพื่อสอบปากคำตามกระบวนการขั้นตอน
ขณะที่นางสุเพียบ ร่าเริงยิ่ง อายุ 48 ปี ภรรยาพร้อมลูกชาย และลูกสาวผู้บาดเจ็บ ก็ได้ออกมาขอร้องไม่ให้มีการประกันตัวผู้ต้องหา เพราะเกรงจะไม่ปลอดภัยเนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจและมีอาวุธปืน เรียกร้องให้ทางตำรวจภูธรภาค 3 หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณาแต่งตั้งชุดพนักงานสอบสวนจากนอกพื้นที่เข้ามาทำคดีดังกล่าว เพราะเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจในสังกัด สภ.กระสัง และเกรงจะมีการช่วยเหลือหรือทำคดีไม่ตรงไปตรงมา
พร้อมยืนยันว่าชนวนเหตุไม่ใช่แค่เรื่องเปิดเพลงเสียงดัง ตามที่ผู้ก่อเหตุกล่าวอ้าง เพราะความจริงแล้วคู่กรณีเคยมีปัญหาพิพาทกับทางญาติมาก่อนหน้านี้ ถึงขั้นมีการแจ้งความดำเนินคดีกันมาแล้ว หลังจากนั้นคู่กรณีก็ไม่พอใจทางครอบครัวมาตลอด ที่ผ่านมาก็เคยยิงปืนขึ้นฟ้าในลักษณะข่มขู่มาหลายครั้งแล้ว จนครอบครัวต้องอยู่อย่างหวาดระแวงมาตลอดว่า จะถูกวันไหน เพราะคู่กรณีเป็นตำรวจและมีปืนพกติดตัว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงอยากขอความเป็นธรรมให้กับทางครอบครัวด้วย
ด้านนางอุก แจ่มรุ่งโรจน์ แม่ของด.ต.ไชยยงค์ กล่าวว่า เมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา จำได้ว่าลูกชายซื้อลอตเตอรี่มา 6 ใบ แต่บ้านคู่กรณีได้ขอเอาลอตเตอรี่ไปดู แล้วเอามาคืนเพียง 5 ใบ ทำให้ลูกชายไม่พอใจทวงถามลอตเตอรี่อีกใบที่หายไปกลับ ได้รับคำตอบง่าย ๆ ว่า “ไม่ได้เอาไป” ทำให้ลูกชายโกรธแค้นมาโดยตลอด เพราะคิดว่าลอตเตอรี่ใบที่หายไปถูกรางวัลที่ 1
นางถนอมศิลป์ (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี พี่สะใภ้ผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุตนคิดว่าด.ต.ไชยยงค์ ตั้งใจจะยิงหลายคนภายในบ้าน รวมถึงตนที่เคยมีเรื่องทะเลาะกันเรื่องลอตเตอรี่ของด.ต.ไชยยงค์ที่หายไป เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว
โดยด.ต.กล่าวหาว่า ตนได้ขโมยลอตเตอรี่ ซึ่งคาดว่าถูกรางวัลที่ 1 ไป แต่ทางครอบครัวของตนยืนยันว่าไม่ได้เอาไป ทำให้มีเรื่องบาดหมางกันมาโดยตลอด ซึ่งคู่กรณียังฝังใจและพูดถึงเรื่องนี้ออกมาเป็นประจำ
ด้านนายชัยยา แจ่มรุ่งโรจน์ อายุ 60 ปี พี่ชายดาบตำรวจไชยยงค์ และผู้เข้าไปห้าม เล่าว่า บ้านน้องชายและบ้านคนถูกยิงอยู่ตรงข้ามกัน ที่ผ่านมามักจะมีเรื่องทะเลาะกันเป็นประจำ เนื่องจากบ้านฝั่งตรงข้ามมักจะเปิดเพลงเสียงดัง น้องชายซึ่งมีหน้าที่เป็นตำรวจจึงเข้าไปห้ามให้ลดเสียงเป็นประจำ แต่อีกฝั่งไม่ยอมลดเสียงเพลงลง แถมยังยั่วยุด้วยการเปิดเสียงเพลงดังขึ้นและท้าทาย โดยวันนี้ก็มีการเปิดเพลงเสียงดัง และน้องชายน่าจะเข้าไปตักเตือน ก่อนจะมีเรื่องทะเลาะถึงขั้นชกต่อยกัน แล้วมีเสียงปืนดังขึ้น
นางช้อย ยอดเครือ อายุ 63 ปี แม่ยายผู้บาดเจ็บและเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.บ้านปรือ ได้ออกมาระบุเกี่ยวกรณีดังกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนเห็นกับตาว่าทั้งสองฝ่ายทะเลาะกันเรื่องเดิม คือ การเปิดเสียงเพลงดัง จากนั้นดาบตำรวจได้เอาปืนยิงขึ้นฟ้า 1 นัด แล้วหันกระบอกปืนยิงใส่ 2 นัด ผู้บาดเจ็บได้วิ่งกลับเข้าบ้าน นายดาบตำรวจยังถือปืนมาตามถึงบ้าน หมายจะยิงซ้ำ แต่มีคนเห็นเหตุการณ์พยายามเข้ามาช่วยเหลือ จึงเป็นภาพเหตุการณ์ตามคลิป
ทั้งนี้การกระทำดังกล่าวของดาบตำรวจไชยยงค์ ถือว่ารุนแรงเกินไป เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ น่าจะใช้กฎหมายเข้ามาแก้ไข แต่กลับใช้ปืนมายิงใส่เหมือนบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป จึงอยากจะให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
