จากกรณีเกิดอุบัติเหตุ รถเก๋งเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้า มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ประกอบไปด้วยนางสาวแพรววนิต สกุลวรภัคดี อายุ 22 ปี นางสาวสมุตตา โคตรชมภู อายุ 22 ปี และนายคมกฤษ เลพล อายุ 22 ปี นอกจากนี้มีบาดเจ็บ 2 ราย คือนายวรรณประสิทธิ มะรินธร อายุ 22 ปี และนายสุกัลย์ เกตุแก้ว อายุ 21 ปี โดยเหตุเกิดใกล้ซอยสิรินธร 2 ถนนสิรินธร แขวงและเขตบางพลัด ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 12 ก.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุบริเวณ ถนนสิรินธร ใกล้กลับทางโค้งใกล้ศูนย์เอ็มจี พบเสาไฟแรงสูงหัก 1 ตน ใกล้กันพบต้นไม้ถูกเฉียวชนจนลำต้นพังเสียหาย และถัดออกไปประมาณ 20 เมตร ก่อนถึงจุดเกิดเหตุพบรอยครูดเป็นทางยาวอีก 2 รอย บนทางเท้าก็พบกับรอยยางรถยนต์ ซึ่งคาดว่าหลังจากที่ผู้ขับขี่เสียหลักและควบคุมรถไม่อยู่ รถเกิดปีนขึ้นทางเท้า ไปชนเข้ากับต้นไม้และฟาดเข้ากับเสาไฟฟ้าจนรถพังยับ นอกจากนี้เครื่องยนต์ของรถคันดังกล่าว ยังกระเด็นไปตกอยู่บนบ้านของชาวบ้านในที่เกิดเหตุหลักคาพังเสียหาย
โดยกล้องจับภาพมุมกว้าง เผยในเห็นเวลา 01.57 น. เป็นภาพรถคันเกิดเหตุขับมาด้วยความเร็วก่อนจะชนขอบฟุตพาทและต้นไม้จนไฟแลบ จากนั้นภาพกล้องก็กระโดดไป อาจจะเป็นเพราะชนเสาไฟหักเลยทำให้ไฟดับกระทันหัน
ต่อมากล้องตัวเดิมแต่ซูมเข้าไปดูมุมใกล้ขึ้น เผยนาทีที่นายวรรณประสิทธิ มะรินธร อายุ 22 ปี เจ้าของรถคลานออกมาจากฝั่งคนขับ โดยข้ามร่างของนางสาวสมุตตา ซึ่งอยู่ที่นั่งฝั่งคนขับออกมา แต่ที่น่าเหลือเชื่อคือ นายวรรณประสิทธิ สามารถยืนและเดินได้ตามปกติ เหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
โดยในช่วงบ่ายทางญาติของผู้เสียชีวิตได้เดินติดต่อรับศพที่ นิติเวช รพ.วชิระพยาบาล บรรยากาศเป็นไปดเวยความเศร้าโศกเสียใจ โดยทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับแม่ของนางสาวสมุตตา โคตรชมภู ผู้เสียชีวิต เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ลูกสาวตนอยากเรียนพยาบาลมาก จนกระทั่งเรียนจบก็สอบเข้าพยาบาล จนสามารถสอบเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาได้ในที่สุด และเพิ่งจะเรียนจนเตรียมรับปริญาในเดือนตุลาคมนี้
ทั้งนี้ต้องบอกว่าลูกสาวคนนี้ ถือเป็นลูกหัวแก้วหัวแหวน อยากเรียนตนก็ส่งให้เรียน เป็นความหวังของครอบครัว ตนไม่เชื่อว่าลูกสาวจะเป็นคนขับรถยนต์คันดังกล่าว ถึงแม้ว่าร่างของลูกสาวจะอยู่ในตำแห่งคนขับ ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเกิดจากแรงเหวี่ยงทำให้กระเด็นไปอยู่จุดนั้น นอกจากนี้ลูกไม่เคยขับรถมาก่อน ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่ลูกจะขับรถยนต์
แม่ของน.ส.สมุตา เล่าให้ทีมข่าวฟังทั้งน้ำตาว่า ตนได้คุยกับลูกครั้งสุดท้ายคือเมื่อวาน ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกับตามปกติ และลูกยังถ่ายรูปใส่ชุดพยาบาลมาให้ตนดู ตนยังพูดชมอยู่เลยว่าลูกสวยมาก และท้ายที่สุดอยากบอกลูกว่า "แม่รักลูกมากนะ"
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้ประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานให้มาตรวจสอบรายนิ้วมือบนพวงมาลัย เพื่อพิสูจน์ว่าใครเป็นผู้ขับรถคันดังกล่าวกันแน่ เพื่อที่จะแจ้งขอกล่าวหาต่อไป
