แม่ชมพู่แจงคลิปน้าแตไลฟ์สดรู้จุดลูกตายก่อนคนอื่นอาจเดา "ลุง-ป้า" งงทำได้ยังไง (คลิป)

เมื่อวันที่ 12 ก.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับนางสาวิตรี วงค์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ โดยนางสาวิตรี ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่า หลังจากที่มีข้อความแชตไลน์ปลอมเป็น พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งนอดสุข ส่งข้อความมาข่มขู่ตน วันนี้สภาพจิตใจตนเองก็ดีขึ้นมาก เมื่อประมาณเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนก็เดินทางมาให้กำลังใจตนแล้ว

คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่ 

ทั้งนี้ตนยอมรับว่าเมื่อตนมีปัญหา ตนจะปรึกษาตำรวจอยู่เสมอ และครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่มีคนส่งข้อความมาข่มขู่ตน และตนก็คิดว่าจุดประสงค์ที่ส่งข้อความมาลักษณะนี้ เพราะต้องการเงินจากตน และหลังจากนำเสนอข่าวเมื่อวาน ก็ไม่มีแชตไลน์ส่งมาข่มขู่ตนแต่อย่างใด

นางสาวิตรี เล่าต่อว่า สำหรับประเด็นที่ตนเคยให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 15 พ.ค.63 ทำนองว่าที่น้องชมพู่เสียชีวิต “น้องน่าจะหิว และขาดอาหาร” ซึ่งเป็นถ้อยคำที่ตรงกับคำพูดของลุงพล ที่พูดขณะเจอศพนั้น ตนก็ตอบว่าวันที่ 15 พ.ค.63 ที่ตนให้สัมภาษณ์นั้น ตนรู้ว่าลูกสาวเสียชีวิตแล้ว ที่ตนตอบไปอย่างนั้น เพราะตนรู้ว่าเช้าวันที่ 11 พ.ค.63 ลูกสาวของตนเอง กินแค่ไข่เจียว ไม่ได้กินข้าว ไม่ได้กินนม

และที่ตนคิดแบบนั้น เพราะหลังจากผลพิสูจน์รอบแรกออกมาว่าน้องชมพู่ไม่ได้โดนทำร้าย ไม่ได้ถูกข่มขืน แขนขาไม่หัก ตอนนั้นตนจึงเกิดคำถามขึ้นมาว่า น้องตายเพราะอะไร และตนขอยืนยันเลยว่า ตนไม่เคยพูดเรื่อง น้องตายเพราะขาดอาหารกับลุงพลเลยสักครั้ง ลุงพลรู้ได้อย่างไรว่า น้องกินอะไรบ้างวันที่ 11 พ.ค.63 ตนต่างหากที่รู้ว่าน้องกินอะไร

ส่วนกรณีที่มีภาพการวางขนม และของกิน อยู่ข้างศพน้องขมพู่ ในวันที่เจอศพนั้น ตนไม่รู้เรื่องว่ามีการนำอาหารไปวางตรงนั้น ตนก็เพิ่งทราบเรื่องนี้ ถามว่าตนยังมีข้อสงสัยในตัวลุงพลหรือไม่ ตนจะไม่ขอตอบเรื่องนี้อีกแล้ว

นอกจากนี้กรณีที่ทีมค้นหาและชาวบ้าน ขึ้นไปที่จุดหารองเท้าน้องชมพู่ในวันที่ 14 พ.ค.63 นั้น แล้วนายนารินทร์ หลาบโพธิ์ หรือน้าแต มีการไลฟ์สดอยู่ที่บ้าน

โดยมีนางสาวิตรี นายอนามัย และนางสมควร นั่งอยู่ด้วยกัน ซึ่งคำพูดของน้าแตที่พูดในไลฟ์สด เหมือนรู้ว่าจุดที่เจอศพน้องชมพู่นั้นอยู่ห่างจากบ้านกี่กิโลเมตร ทั้งที่ยายตุ่นผู้ที่พบรองเท้าของเด็ก ไม่ได้บอกว่าอยู่ห่างกี่กิโลเมตรนั้น

ทีมข่าวเดินทางมาพบกับ นางตุนมา พรหมงอย หรือ ตุ่น ชาวบ้านที่พบรองเท้าชมพู่ เปิดเผยว่า วันที่ตนไปที่บ้านกกกอกช่วงเย็น หลังจากมีคนบอกว่าเด็กหาย ซึ่งตนไม่เคยทราบข่าวมาก่อน จึงอยากให้ตนพาไปดูจุดที่พบรองเท้า ตนยืนยันว่าไม่เคยบอกรายละเอียดต่าง ๆ กับใคร จากนั้นตนก็พาขึ้นเขา ยืนยันไม่เคยบอกเรื่องระยะทางว่าไกลขนาดไหน 3-5 กม. ตนยังประเมินไม่ได้ รองเท้าที่บอกถอดเป็นคู่ ตนก็ไม่ได้พูด “วางเป็นคู่อะไร ก็บอกว่ามันแยกกัน” ซึ่งสามีตน ยังไม่เล่าให้ฟังเลย แล้วคนจะรู้ได้อย่างไร 

เรื่องกิ่งไม้หัก ตนไม่ได้บอกว่าเด็กหักเล่น ตนคิดในใจว่าเด็กอาจจะนั่งเล่นแล้วรองเท้าหลุด แต่ตนก็ไม่ได้พูด ยอมรับว่าตรงนั้นมีใบไม้ มีกิ่งไม้อยู่ ซึ่งเป็นไม้แห้ง ๆ ไม่ใช่ใบไม้สด กรณีขวดน้ำตนไม่เคยบอกว่าจุดพบรองเท้ามีขวดน้ำ บอกแต่ว่าทางขึ้นที่ตนเดินไป มีแต่ขวดน้ำเต็มไปหมด ไม่ได้มีขวดน้ำใกล้จุดพบรองเท้า และจริง ๆ ก็ไม่มี

ส่วนที่คนสงสัยว่าตนน่าจะเจอศพ ตนยืนยันว่าตนไม่พบ หากตนพบจะเดินหาผักหวานต่ออีกทำไม ตนคงวิ่งแล้ว ดังนั้นยืนยันว่าตนไม่ได้พบศพ

ขณะที่นางสาวิตรี ตอบในประเด็นนี้ว่า ตนยังไม่เคยดูไลฟ์สดของน้าแต ตนจึงตอบคำถามนี้ไม่ได้ ทีมข่าวจึงได้นำไลฟ์สดดังกล่าว ให้นางสาวิตรีดู โดยน้าแตพูดว่า “คาดว่าจุดที่น้องอยู่ น่าจะเดินทางไปประมาณ 3-5 กิโลเมตร” นางสาวิตรี ก็ตอบว่าตนก็ไม่รู้ว่าเขาภูเหล็กไฟนั้น มีสภาพเป็นอย่างไร ตนไม่รู้จะอธิบายอย่างไร 

นายนรินทร์ ยังเผยอีกว่า ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 11 พ.ค.63 เวลา 6.00-7.00 น. ตน น้องฝน และเพื่อนอีกคนได้ออกจากบ้านตั้งแต่เช้าไปซื้อหนูพุกที่ อ.ปากประ จ.นครพนม กระทั่งเวลา 09.00 น. นางจุไรพร ได้โทรมาหาตนว่าได้นำน้องชมพู่ขึ้นรถมาด้วยหรือไม่ ซึ่งตนก็ปฏิเสธไป ต่อมา เวลา 09.15 น. ทางบ้านน้องชมพู่ก็โทรมาอีก และบอกว่ายังหาน้องชมพู่ไม่เจอ ทำให้พวกตนเป็นกังวลมาก จึงรีบกลับมาที่หมู่บ้าน จอดรถที่บ้านของตาชาญ เวลาประมาณ 13.00-14.00 น. และไปที่บ้านของน้องชมพู่และสอบถามเหตุการณ์ หลังจากนั้นตนก็กลับไปที่รถ และเอาหนูที่รับมาจากจังหวัดนครพนมไปเก็บที่ฟาร์ม เก็บหนูประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้น เวลา 15.00 น. ได้เริ่มขับรถตระเวนหาน้องชมพู่ โดยมีน้องฝนนั่งไปด้วย ซึ่งตนไม่ได้เดินขึ้นเขา

นางสมพร หลาบโพธิ์ ป้าน้องชมพู่ กล่าวว่า ตนจำได้อยู่ช่วงไลฟ์สด เพราะตนนั่งอยู่ด้วย ตอนนั้นมีป้าตุ่น ที่มาจากบ้านจันทร์เพ็ญ ซึ่งพ่อหรือแม่ชมพู่เอารูปรองเท้าลูกให้ดู ซึ่งป้าตุ่นก็ยืนยันว่าใช่รองเท้าที่พบบนเขา แต่ตอนนั้นตนไม่ทราบว่าป้าตุ่นพูดเรื่องระยะทางหรือไม่ รู้แค่ว่าป้าตุ่นมาหาผักหวาน เมื่อเดินไปที่แถวนั้น ก็ไปพบรองเท้า และพบใบไม้คล้ายมีการเด็ดเล่น ซึ่งตนไม่ทราบว่าสดหรือเหี่ยว

ทั้งนี้ตอนไลฟ์สด ตนไม่ได้สนใจฟัง ตนไม่ทราบว่าน้าแตรู้ข้อมูลมาจากไหน หรือป้าตุ่นพูดหรือไม่ว่าระยะทางเท่าไร ซึ่งข้อมูลนี้ตนไม่แน่นอน แต่หากป้าตุ่นไม่ได้พูด คงต้องไปถามคนไลฟ์สดว่ารู้ข้อมูลจากไหน ตนไม่แน่ใจ และไม่เคยคิดเรื่องนี้ อีกทั้งน้าแต ตอนค้นหาก็ไม่ได้ขึ้นเขา เพราะคนทั้งบ้านก็แทบไม่ได้ขึ้น ส่วนใหญ่น้าแตจะขับรถตามหาน้องมากกว่า ไม่ค่อยขึ้นเขา ซึ่งเป็นปกติของน้าแต 

ทีมข่าวสอบถาม นายไชย์พล วิภา ลุงน้องชมพู่ เปิดเผยว่า กรณีเรื่องวันพบศพชมพู่ ข้อมูลแรกก่อนขึ้นเขา ตนเองแทบไม่มีข้อมูล รู้แต่ว่าเจอรองเท้า แต่ไม่ทราบระยะทางว่าไกลขนาดไหน ป้าตุ่นก็ยังไม่ได้บอกอะไรมาก รู้แค่ว่าเอาไปซ้อนไว้ โดยมาทราบภายหลังจากที่ขึ้นไปที่จุดพบศพแล้ว ป้าตุ่นจึงบอกว่ารองเท้าอยู่ลักษณะแยกออกจากกัน ป้าตุ่นยังสาธิตให้ดู

ส่วนที่น้าแต ไลฟ์สดในวันพบรองเท้า แต่ไม่ขึ้นเขา ซึ่งเป็นภาพของน้าแตอยู่แล้ว คนที่มีความรู้ก็คงเป็นแบบนั้น ตนไม่รู่จักไลฟ์สด ส่วนที่น้าแตทราบรายละเอียดของเส้นทาง อาจเป็นการคาดเดา แต่ตอนนั้นใครจะรู้ว่าระยะทางเป็นเท่าไร “ไม่มีใครกะคำนวนได้ หากไม่เคยขึ้นไป” ป้าตุ่นเองก็ไม่ได้บอกอะไรมาก