เมื่อวันที่ 10 ก.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมาที่หมู่บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร พบกับนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา เล่าต่อว่า ที่ตนต้องเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ เพราะโทรศัพท์เครื่องเก่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องเอาไปเช็กในตอนนั้น วัน ๆ หนึ่งก็เช็กหลายชั่วโมง
คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่
ประกอบกับโทรศัพท์เครื่องเก่าของตนก็รวน ๆ จึงเปลี่ยนมาซื้อเครื่องใหม่ โดยตนซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ประมาณวันที่ 23 มิ.ย.63 ที่ผ่านมา แต่ตนก็ขอยืนยันว่าไม่เคยลบข้อมูลของโทรศัพท์เครื่องเก่าแต่อย่างใด
ส่วนเรื่องขึ้นเขานั้น นางสาวิตรียอมรับว่าก่อนที่ตนจะผ่าคลอดน้องชมพู่ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตนยอมรับว่าเคยขึ้นเขาหาของป่าจริง หลังจากที่ตนผ่าคลอดน้องชมพู่ ตนก็ไม่เคยขึ้นเขาอีก และก็ไม่มีธุระอะไร ที่ต้องไปขึ้นเขาอีก เพราะตนต้องเลี้ยงลูก และงานของตนก็มี ส่วนเรื่องของลุงพล ตนก็ยังยืนยันเหมือนเดิม ว่าที่ตนออกมาให้สัมภาษณ์ว่าตนสงสัยลุงพล เป็นเพราะตนอยากให้เขาออกมาเคลียร์ตัวเอง ไม่ใช่เพราะตนสงสัยลุงพลคนเดียว คนอื่นตนก็สงสัย
5 ข่าวน้องชมพู่ที่มีผู้อ่านสูงที่สุด
- ไขปริศนาแผลรูโบ๋ศพชมพู่ ชี้วันตายไม่ใช่ตอนถูกอุ้ม แม่ปัดทำ-ลุงเพิ่งเห็น (คลิป)
- ลุงพลปล่อยโฮฝันเห็นชมพู่ สุดซึ้งกอดพ่อ-ยิ้มให้ลุง เผยปริศนา 34 นาทีชี้ชะตากรรม (คลิป)
- ชาวบ้านยันพ่อชมพู่ใส่เสื้อส้ม จำแม่นออกค้นเด็กเห็นคาตา-แม่อ่อนล้าปัดตอบ
- ลุงพลร้องไห้ แม่น้องชมพู่ดูถูกน้ำใจ เผยความลับไม่มีอะไรกับป้าแต๋นมาหลายปี
- แก๊งจำปาเผยความจริง พี่ชมพู่ไม่ได้หลับ มีคนสั่งให้หลอกสื่อ (คลิป)
นางสาวิตรี ยังพูดต่อว่า ถ้าคดีไม่มีความคืบหน้า หากตำรวจจะขอพักคดีไว้ก่อน ตนคิดว่าก่อนที่ตำรวจจะพักคดี ตนขอให้ลุงพลเคลียร์ตัวเองก่อน แต่ถ้าปล่อยไปนานหลายวันกว่านี้ แล้วลุงพลยังเคลียร์ตัวเองไม่ได้ ตนก็จะอาจจะตอบโต้ และให้สัมภาษณ์เบาลงกว่าเดิม และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจต่อไป
ตั้งแต่วันที่ตนเปิดประเด็นไปว่าตนสงสัยลุงพล "แม่สงสัยลุงพลแต่ไม่ปรักปรำ เพราะลุงพลพูดไม่เหมือนกันออกสื่อ" ตนก็ยังไม่ได้ดูการให้สัมภาษณ์ของลุงพลอย่างละเอียด ว่าเขาให้สัมภาษณ์ไว้ว่าอย่างไรบ้าง ถ้าเกิดลุงพลยังไม่เคลียร์ตัวเอง แล้วยังเกิดเรื่องคาราคาซัง ตอบโต้กันไปมาอย่างนี้ ตนก็จะเป็นฝ่ายที่หยุดเอง หลังจากนี้ถ้ามีสื่อทีวีช่องไหน จะเอาตนและลุงพล ไปนั่งพูดคุยกัน ตนก็ต้องคุยกับเจ้าของรายการก่อน ว่าจะมีการพูดคุยในรายการแนวไหน แต่ถ้าเป็นในแนวที่ทำให้ตนกับลุงพลกระทบกระทั่งกัน ตนก็คงไม่สะดวก
ส่วนเรื่องการสาบานกับลุงพล "ถ้าลุงพลบริสุทธิ์ แม่พร้อมกราบขอโทษ ยังไม่พร้อมเจอกันรอให้อารมณ์เย็นลงก่อน" ถ้ายายสมควรแม่ของตน ให้พวกตนไปสาบาน ตนก็พร้อมที่จะแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพื่อความสบายใจของยาย ตนพร้อมเสมอ
แต่ตนก็คิดว่าการสาบานคงไม่มีผลอะไรต่อคดี "วอนสังคมอย่าซ้ำเติมเรา เราสูญเสียลูก เวลาสื่อกลับไปหมด แล้วเรากอดกันนอนร้องไห้ทุกวัน"
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมาพบกับ นางสมพร หลาบโพธิ์ ป้าของชมพู่ เปิดเผยว่า การที่แม่ชมพู่พูดออกสื่อว่าสงสัยลุง ตนเองก็มองว่ามันคือการปรักปรำ แต่ตนเองไม่ได้คิดติดใจที่จุดนี้ เพราะตนไม่เคยคิดกับน้องแบบนั้น ทุกอย่างมันอยู่ที่ลุง เนื่องจากน้องสาวพูดถึงลุง หลังจากนี้หากเขามากราบขอโทษ ตนเป็นพี่ก็ยินดี ตนพูดเสมอว่าให้คิดดี ๆ ที่จะพูดถึงลุง เพราะเราเป็นพี่เป็นน้อง ตนไม่มีปัญหา และใจดีตลอด พร้อมจะยกโทษให้
กรณีน้องสะดิ้ง ตนยืนยันว่าวันที่ 11 พ.ค.63 หลานเดินมาหาตนที่บ้าน แล้วมาถามหาน้องชมพู่ว่าอยู่กับตนหรือไม่ ซึ่งบอกว่าหาน้องไม่เจอ ตนจึงถามเหตุผลไปว่า ทำไมถึงไม่เห็นน้องชมพู่ ซึ่งน้องสะดิ้งยืนยันว่าตอนนั้นเล่นโทรศัพท์แล้วเผลอหลับไป พร้อมบอกว่าตัวเองดูเวลาก่อนหลับตรงกับเวลา 08.50 น. และตื่นมา 09.00 น. จากนั้นก็หาน้องไม่เห็นแล้ว
แต่มาวันนี้น้องสะดิ้งกลับคำให้การว่าไม่ได้หลับ ตนก็มองว่าแปลก โดยเฉพาะหากมีการสั่งห้ามบอกสื่อ บอกคนอื่น ตนก็มาคิดว่า ตอนที่น้องสะดิ้งโกหกว่าหลับ มันเป็นวันแรก สื่อก็ยังไม่มา ตนยังคิดว่าตนรู้คนแรก ตามที่ตนคิดก็สงสัย "แม่ไปสั่งตอนไหน" หากสั่งก่อนที่น้องสะดิ้งจะมาหาตน มันจะแปลว่าอะไร
อย่างไรก็ตาม น้องสะดิ้งเป็นเด็กฉลาด ไม่เคยโกหก มีอะไรก็พูด ตนคิดว่าช่วงแรกที่น้องสะดิ้งโกหกคงไม่ได้เพราะกลัวแม่จะดุ เนื่องจากปกติหากน้องชมพู่หายก็จะหาเจอ และเขาก็ไม่คิดว่าน้องจะได้รับอันตราย เชื่อว่าตอนมาหาตนนั้น น้องสะดิ้งไม่น่าจะกลัวแม่ ตนขอในน้องสะดิ้งคิดก่อน คิดดี ๆ ส่วนคำพูดของน้องสะดิ้งที่พูดกับตน และคำให้สัมภาษณ์ของแม่ชมพู่ค้านกันอยู่ แต่ตนยังเชื่อว่าหลานไม่พูดโกหก หากโกหกก็อยากถามว่าทำไมต้องโกหก
