หนุ่มใหญ่หลงรักสาวในเฟซบุ๊ก โอนหนักเงิน 4 ล้านทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้า

10 ก.ค. 63

หนุ่มใหญ่เมืองสระบุรี เข้าร้องทนายความให้ช่วยเหลือ หลงรักสาวในเฟซบุ๊ก โอนเงินให้ถึง 4 ล้านทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้า คาดถูกหลอก

ที่สำนักงานทนายความคู่ใจ จ.นนทบุรี นายปรีชา อายุ 53 ปี อดีตหัวหน้างานบริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ชาวจังหวัดสระบุรี เดินทางเข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อให้ช่วยเหลือติดตามเงินที่ถูกหลอกไปกว่า 4 ล้านบาท จากนางสาวแจง อายุ 32 ปี ชาวจังหวัดเชียงใหม่ หลังรู้จักพูดคุยกันทางเฟซบุ๊กจนสนิทสนมคบหาเป็นแฟนและถูกหลอกให้โอนเงินไปทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้า

1594344483477

โดยนายปรีชา กล่าวอย่างหมดอาลัยตายอยากในชีวิตว่า เมื่อปี 2561 ตนเองรู้จักกับน้องแจงทางเฟซบุ๊ก พูดคุยกันตลอดทั้งวันทั้งคืนจนคบหาเป็นแฟน หลังจากนั้นน้องแจงก็บอกว่าคุณพ่อเสียชีวิตไม่มีเงินจัดงานศพ ตนเลยโอนไปให้สี่หมื่นบาท ให้หลังไม่กี่เดือนก็มาบอกว่าคุณแม่เสียอีกพร้อมถ่ายรูปในงานศพมาให้ดู ตนก็โอนเงินช่วยงานไปอีกสี่หมื่นบาท

1594344469538

กระทั่งวันที่ 28 ม.ค.63 ตนเองได้ขอเออร์ลี่ออกจากงานที่ทำ และได้เงินสดมาอีกกว่าสองล้านบาท น้องแจงได้ทักเฟซมาบอกว่ามีที่ดิน 3 ไร่กว่าที่เชียงใหม่จะขาย แต่คนซื้อบอกว่าหน้าที่ดินแคบ น้องแจงอยากซื้อที่ดินด้านข้างเพื่อให้หน้ากว้างขึ้น จะได้ขายได้ ตนจึงโอนเงินทางโทรศัพท์ไปให้น้องแจง 1.3 ล้านบาท แต่สุดท้าย ไปๆ มาๆ ก็ไม่ได้ขาย ก็คิดว่าเป็นช่วงโควิด-19 ระบาด คงซื้อขายกันไม่สำเร็จ

1594344532985

จากนั้น น้องแจงได้เขียนจดหมายเป็นหลักฐานข้อความว่า จะอยู่กินเป็นสามีภรรยากับตน ขอให้ตนมั่นใจได้ พร้อมปรับทุกข์ว่า ช่วงโควิด-19 ไม่มีเงินใช้ ที่ดินก็เอาไปจำนองแล้ว แถมไปค้ำประกันเพื่อนซื้อรถจนถูกออกหมายจับ ตนเกิดความสงสารเลยโอนเงินไปให้อีกหลายแสนบาท เพื่อไถ่ถอนที่ดิน และช่วยเหลือคดีที่ไปค้ำประกัน รวมแล้วที่ผ่านมามีสลิปโอนเงินเป็นหลักฐานกว่า 4 ล้านบาท

1594344506592

จนทุกวันนี้เหลือเงินติดกระเป๋าในชีวิตเพียงหมื่นกว่าบาท ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาเคลียร์บัตรเครดิต และผ่อนรถที่ใช้อยู่ บางครั้งอยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอด ที่เจ็บช้ำใจคือพอตนไปทวงเงิน น้องแจงก็ต่อว่า “โง่แล้ว โง่อีก จะมาอะไรมากมาย” ตนเองไม่รู้จะทำอย่างไร จึงต้องเดินทางมาขอความช่วยเหลือจากทนาย

1594344554028

ทางด้านทนายรณรงค์ กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องตรวจสอบหลักฐานว่าเป็นการให้เงินโดยเสน่ห์หา หรือเป็นการฉ้อโกง แต่เบื้องต้นผู้เสียหายได้เข้าไปแจ้งความในพื้นที่ สภ.เสาไห้ แล้ว ต้องมาตามต่อว่าทางตำรวจจะดำเนินคดีอย่างไร ตั้งเเต่ตนทำคดีมายอมรับเลยว่า เพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรกที่ผู้เสียหายเสียเงินถึง 4 ล้านบาท ให้ทั้งที่ๆ ยังไม่เคยแม้แต่จะเจอหน้ากัน คดีนี้ยอมรับว่าเหนื่อย เพราะมีประเด็นว่าให้เพราะเสน่ห์หาหรือให้ยืม หรือเป็นคดีฉ้อโกง อย่างการโอน 1.3 ล้านอาจจะเป็นประเด็นเรื่องฉ้อโกงก็ได้

อย่างไรก็ตาม อยากฝากเตือนเรื่องรักออนไลน์ ถ้ามีการโอนเงิน อยากให้เจอตัวกันก่อน และลองคบหาดูใจก่อน ก่อนที่จะโอนเงินไปให้กับเขา

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ