จากกรณี ด.ช.อนวัช นนธิจันทร์ หรือน้องกานต์ วัย 6 ขวบ หายตัวออกจากบ้าน ตั้งแต่ช่วงสายวันที่ 4 ก.ค. กระทั่งพบศพอยู่ในสวนยางห่างจากบ้านประมาณ 200 เมตร โดยร่างของน้องกานต์เหลือเพียงท่อนบน ส่วนท่อนล่างช่วงเอว-ท่อนขาหายไป ใกล้กันพบเสื้อยืดสีแดงและกางเกงขาสั้น ตกอยู่ห่างจากศพ ประมาณ 30 เมตร ส่วนชิ้นส่วนอวัยวะที่หายไปยังไม่พบ นั้น
ล่าสุดวันที่ 9 ก.ค.63 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดจันทบุรี และชุดสืบสวนสภ.เมืองจันทบุรี จำนวน 35 นาย ลงพื้นที่ค้นหาชิ้นส่วนอวัยวะของน้องกานต์อีกครั้ง โดยใช้วิธีการเดินเรียงแบบหน้ากระดาน ตั้งแต่ต้นสวนยางพาราและร่องสวนติดกับบ่อน้ำยาวไปกว่า 200 เมตร โดยใช้ไม้เขี่ยดูที่พื้นดิน รวมถึงเดินดูในร่องน้ำที่พบกระดูกเมื่อวานนี้ (8 ก.ค.) ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง แต่ไม่พบวัตถุหรือชิ้นอวัยวะใด ๆ
พ.ต.อ.นพดล สุทธิเสริม รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี บอกว่า วันนี้ได้ระดมกำลังมาดูเพิ่มเติมในจุดที่พบศพ ทั้งชิ้นส่วนเนื้อมนุษย์ ร่องรอยเลือด น้ำเหลือง รวมไปถึงรอยเท้าสัตว์ ขณะนี้ยังไม่มีรับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบวัตถุต้องสงสัย โดยเจ้าหน้าที่ต้องเคลียร์พื้นที่ให้สิ้นข้อสงสัย หากยังไม่พบอาจจะต้องพูดคุยและขยายวงออกไปเพิ่มเติม
โดยระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่พบเศษผ้าสีแดง ลักษณะคล้ายเสื้อน้องกานต์อยู่ในพื้นที่ซึ่งกั้นเชือกไว้ ห่างจากจุดพบศพประมาณ 3 เมตร จึงเก็บใส่ถุงส่งตรวจพิสูจน์ต่อไป
ขณะที่ นางบุญเลี้ยง ผลพฤกษา อายุ 65 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน ได้จุดธูป 9 ดอกที่ศาลพระภูมิ และศาลเจ้าที่ จุดที่พบตุ๊กตานางรำถูกหักคอเพื่อขอขมาแทนน้องกานต์ หากเคยได้ล่วงเกินเจ้าที่เจ้าทาง และขอให้ช่วยเปิดทางหาชิ้นส่วนของน้องกานต์ให้พบ เพื่อจะได้นำมาประกอบพิธีทางศาสนา
โดยเชื่อว่าเหตุที่ร่างของน้องกานต์ไม่ครบแขนขาหายไป อาจจะเป็นผลมาจากการที่น้องกานต์มาหักแขนขาตุ๊กตานางรำ จึงตั้งใจมาขอขมาแทนน้องกานต์ เพื่อขอโทษที่อาจจะไปล่วงเกิน และขอให้เจ้าที่เปิดทางหาแขนขาให้ครบ
นายสุขุม สาทิพย์จันทร์ พ่อน้องกานต์ บอกว่า ตั้งใจจะสอบถามทางวัดว่าจะสามารถเผาได้วันไหน และจะเผาทันทีไม่รอชิ้นส่วนที่เหลือ เนื่องจากไม่ได้คลางใจเรื่องสาเหตุการเสียชีวิต โดยเฉพาะเรื่องการฆาตกรรม เพราะปกติเด็กเล่นคนเดียว นอกจากนี้ทางอาน้องกานต์ได้ซื้อตุ๊กตานางรำ 2 คู่ จำนวน 4 ตัวไปวางคืนไว้ที่ศาลพระภูมิแล้ว และตนได้ไปจุดธูปขอขมาตั้งแต่วันที่เจอศพเรียบร้อยแล้ว
นางรุจิสา บุญโยประการ อายุ 55 ปี สารวัตรกำนันตำบลพลับพลา บอกว่า เดินตามหาน้องกานต์ตั้งแต่วันแรก จนกระทั่งวันพบศพ ซึ่งเมื่อวันที่ 7 ก.ค. ช่วงเช้าเดินค้นหาชิ้นส่วนที่เหลือพร้อมกำนันผู้ใหญ่บ้าน โดยก่อนเที่ยงบริเวณสวนระกำ ทางทิศใต้ อยู่ใกล้ร่องน้ำห่างจุดพบศพประมาณ 200 เมตร จู่ ๆ ตนก็อาเจียนกว่า 10 รอบ คล้ายมีอะไรบางอย่างมาปะทะ กระทั่งอาการดีขึ้นกำลังจะเดินกลับขาก็ก้าวไม่ออก ซึ่งทางกำนันก็บอกให้พยายามสื่อสารกับน้องกานต์ เพื่อจะได้ชี้จุดว่าชิ้นส่วนที่เหลืออยู่จุดใด โดยพยายามตั้งจิตอธิษฐานซึ่งขณะนั้นไม่รู้ตัว กระทั่งกำนันมาเล่าให้ฟังภายหลังว่าตนทำท่าทางเหมือนเด็ก มีร้องไห้ กอดอก ทุบขาตัวเอง แต่ตอนหลังก็กลายเป็นคนแก่หลังงอ ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าน้องกานต์อาจจะต้องการมาสื่อสาร
นายสุทธิเกียรติ นนธิจันทร์ อาของน้องกานต์ บอกว่า ไม่พอใจที่มีข่าวว่าครอบครัวจ้องหาผลประโยชน์จากหลาน โดยเฉพาะเรื่องเงินประกันอุบัติเหตุ ที่ได้ทำไว้ให้หลานก่อนเสียชีวิต ส่วนเรื่องที่ให้หลานนอนเต็นท์นอกบ้านนั้น บริเวณดังกล่าวไม่ใช่นอกบ้าน ยังอยู่ใต้หลังคา โดยไม่ได้ให้หลานไปนอนตากฝน เพราะในบ้านนอนกันกระจุกกันหลายคน โดยเปิดหน้าต่างไว้ตลอดเพื่อคอยดูหลาน
ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตเชื่อว่า น่าจะถูกสัตว์มีพิษ เช่น งูกัด เพราะงูบางชนิดกัดแล้วก็เสียชีวิตทันที แต่เชื่อว่าหลานไม่ได้เสียชีวิตบริเวณจุดที่พบศพ เพราะเคยเดินที่บริเวณดังกล่าวพร้อมชาวบ้านนับ 30 คน วนไปมาเกือบ 10 รอบ แต่ไม่พบ ส่วนศพจะมาอยู่บริเวณนั้นได้อย่างไรยังแคลงใจเหมือนกัน
