นาทีพ่อค้าข้าวกล่องถูกร้านข้าง ๆ รุมทำร้าย พ่อหัวโจกเผยปมยัวะ ดูถูกใส่รองเท้าปลอม (คลิป)

7 ก.ค. 63

จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Social Hunter โพสต์คลิปภาพผู้ชายคนหญิงถูกหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาทำร่าย ก่อนจะถูกกลุ่มเพื่อนและแฟนของผู้หญิงรายดังกล่าวรุมทำร้ายได้รับบาดเจ็บ

826772

โดยมีข้อความระบุใจความว่า "ตนและแฟนหนุ่มมีอาชีพขายข้าวกล่อง ส่วนผู้หญิงที่เข้ามาหาเรื่องก็คือร้านขายข้าวกล่งข้าง ๆ กัน ตอนแรกที่เจอก็พูดคุยกันอยู่ดี ๆ แต่ระยะหลังเริ่มห่างกัน จนกระทั้งวันเกินเหตุ ผู้ก่อเหตุขับรถมาจอดรถหน้าร้านตนก่อนจะลงรถมาถามว่ามองกู ทำไมมีปัญหาอะไรกับ ตนทะเลาะกับแฟนตนและผู้หญิงก็เป็นฝ่ายลงมือทำร้ายก่อน"

885492

วันที่ 7 ก.ค.63 น.ส.อัญชลี มณีโชติ ภรรยาของผู้บาดเจ็บ บอกว่า ตนเองทำอาชีพขายข้าวกล่องมา 3 ปี โดยเช่าพื้นที่หน้าตึกดังกล่าวขายของ ช่วงหลังแม่ของผู้ก่อเหตุก็มาตั้งร้านขายข้าวในลักษณะเดียวกัน พูดคุยหยิบยืมของกันตลอด จนกระทั้งในวันเกิดเหตุคือวันที่ 20 มี.ค.63 เวลา 08.00 น. ขณะจะเก็บของกลับบ้าน จู่ ๆ มีรถของผู้ก่อเหตุวิ่งมาจอดเฉียดหน้าร้าน และผู้ก่อเหตุก็ลงมาถามตนว่ามองหน้ากูทำไม จากนั้นผู้ก่อเหตุก็หันไปหาแฟนและพูดว่า แล้วมึงหัวเราะอะไร แฟนจึงตอบกลับไปว่าคุณมีอะไรให้ผมหัวเราะ ก่อนจะเข้ามาต่อยแฟนจากนั้นเพื่อน ๆ ของผู้ก่อเหตุก็เข้ามารุมทำรายแฟนตน รวมไปถึงพ่อของผู้ก่อเหตุก็เข้ามารุมทำร้ายด้วย

ซึ่งภายหลังเกิดเหตุตนได้ไปแจ้งความที่ สภ.ดอนหัวฬ่อ แต่คดีไม่คืบหน้า จึงตัดสินใจโพสต์ลงเพจเพื่อขอคำปรึกษา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าเป็นคดีทะเลาะวิวาทให้ไกล่เกลี่ยกันเอง จึงอยากถามว่าแฟนถูกรุมทำร้ายขนาดนั้นจะไม่ให้สู่เพื่อป้องกันตัวเลยหรอ หรือต้องปล่อยให้เขาตีตาย ส่วนสาเหตุคนคาดว่าน่าจะมากจากเรื่องค้าขาย เพราะตนมีลูกค้าเจ้าประจำและทำให้ขายดี กว่าร้านของคู่กรณี จึงอาจจะเกิดการอิจฉาหรือไม่เพราะคู่กรณีชอบพูดลอยๆกระทบตนตลอด

 

206379

นายวันชัย สุขกำปัง พ่อของผู้ก่อเหตุ บอกว่า เรื่องเกิดจากก่อนหน้านี้ตนซื้อรองเท้ามา 1 คู่ ราคา 1 พันกว่าบาท ซึ่งผู้บาดเจ็บชอบมีนิสัยโอ้อวด และกล่าวหาว่ารองเท้าที่ซื้อมาเป็นของปลอม ประกอบกับก่อนหน้านี้ยอมรับว่าเคยมีปากเสียงกันอยู่แล้ว แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีการรุมทำร้ายแต่อย่างใด แค่มีคนมุงดูและบางคนเข้ามาช่วยแยก จึงอาจจะดูว่าคนเยอะ 

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกตนกับลูกสาวไปสอบปากคำ ส่วนฝั่งคู่กรณีไกล่เกลี่ยขอเรียกเงิน 5 หมื่นบาท แต่เห็นว่ามันแพงไป จึงให้ไปสู้กันในชั้นศาล

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส