แม่ชมพู่ดึงสติพระบุกทำนายมั่วญาติฆ่า ฉะพูดผิดขอแจ้งจับ เจ้าคณะจ่อฟัน (คลิป)

จากกรณีน้องชมพู่ อายุ 3 ปี สูญหายจากบ้านพักพัก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 กระทั่งพบศพกลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้าน 5 กม. นั้น

วันที่ 4 ก.ค. 63 ทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านน้องชมพู่ ตั้งแต่เวลา 07.00 น. พระดาวฟ้า วิชัยกุสโล พระจากที่พักสงฆ์คำแฮดน้อย บ้านคำแฮดน้อย ต.กกแดง อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร ซึ่งวานนี้เดินทางมาที่บ้านน้องชมพู่แล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังไม่ได้พบกับพ่อแม่ วันนี้จึงเดินทางมาพบอีก โดยมีนายอนามัย และนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา พ่อแม่น้องชมพู่เดินทางมาต้อนรับ เตรียมสำหรับข้าวให้กับพระสงฆ์

จากนั้นได้นั่งพูดคุยกัน หลวงพ่อระบุเจตนาที่เดินทางมาว่า อยากบอกครอบครัวชมพู่เพื่อหวังจะเป็นประโยชน์ พร้อมเขียนกระดาษใบหนึ่ง ระบุข้อความว่า 3 วันจะจับคนร้ายได้ โดยน้องชมพู่ไปอยู่กับอาตมา น้องชมพู่อยากได้ชุดนักเรียน รองเท้า กระโปรง เสื้อ สมุด ดินสอ พร้อมให้ซื้อน้ำแดง นมเปรี้ยว ขนมไข่ ขนมปัง 1 ก้อน เพื่อมาทำพิธีมุทิตาจิตให้ชมพู่ และตกเย็นชมพู่จะไปอยู่กับอาตมา

แม่น้องชมพู่ถามว่า "ทำไมชมพู่ถึงไม่อยู่บ้านกับตน" หลวงพ่อบอกว่า "ที่บ้านน้องชมพู่ก็อยู่เหมือนกัน ไป ๆ มา ๆ ชมพู่มีปู่ย่าที่คอยอยู่ด้วย ชมพู่สุขสบายดี ไม่ต้องกังวล"

หลวงพ่อระบุว่า ส่วนที่นางแตงโม คนเห็นรถของเล่นที่บ้านน้องชมพู่ถูกเขียนจดหมายข่มขู่ เป็นคนที่รู้ว่าคนฆ่าชมพู่คือใคร แต่เขาไม่กล้าบอก เพราะยังกลัว ซึ่งคนร้ายที่ทำร้ายชมพู่จะถูกจับได้ไม่เกิน 3 วัน อาตมามาดี คนร้ายจะเปิดปากเอง โดยจิตวิญญาณชมพู่จะไปทำให้คนร้ายบอกเองว่าเขาก่อเหตุ ปัจจุบันชมพู่อยู่กับอาตมา อยู่ดีกินดี ไม่ร้องไห้แล้ว น้องกลายเป็นเทพแล้ว และอยู่กับโยมแม่ของชมพู่ในอดีตชาติ อาตมาเห็นคนร้าย 4 คน การก่อเหตุมาจากความโกรธแค้นของคนร้าย จึงมาลงกับเด็ก และเป็นญาติกับแม่ชมพู่ เป็นคนมีเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน แต่ถูกปิดปากเอาไว้ด้วยเงินจ้าง

แม่น้องชมพู่ บอกว่า หากเป็นแบบนั้น ก็พอดีกับครอบครัว เพราะมีชาย 3 คน หญิง 1 คน และถามต่อว่า "ญาติที่ร่วมก่อเหตุ อายุเท่าไร หลวงพ่อคล้ายมีการสื่อสารบางอย่าง ก่อนตอบว่า "อายุ 30 ปี คนก่อเหตุก็มีอายุ 20 กว่า, 30 กว่า และ 40 กว่า ส่วนนางแตงโม คนที่ถูกขู่ ก็อายุราว 60-70 ปี ซึ่งแม่น้องชมพู่สวนทันทีว่า "นางแตงโมอายุแค่ 40-50 ปีเท่านั้น"

พระดาวฟ้า วิชัยกุสโล เปิดเผยว่า อาตมานั่งพิจารณามานานแล้ว ซึ่งคนร้ายจะถูกจับด้วยวิธี 1.คนร้ายออกปาก เหตุเพราะความเมายาเสพติด 2.มีผีพระพาคนร้ายไปมอบตัว ส่วนคนร้ายที่ระบุว่า 4 คนเป็นญาติทั้งหมด เป็นคนในหมู่บ้าน แต่ตอบไม่ชัดเรื่องว่าเป็นลูกพี่น้องเดียวกับแม่ชมพู่หรือไม่ นอกจากนี้ มีทั้งคนที่เป็นญาติ คนทางอื่น คนที่คนละนามสกุลกัน คนก่อเหตุวางแผนมา 3 เดือน ยังมีคนร้ายอีกไม่ต่ำกว่า 10 คน ถูกวานจ้างเพื่อปิดบังใช้เงินปิดปากไว้ ส่วนคนฆ่าเป็นชาย เป็นคนที่นามสกุลเดียวกัน มีหญิงที่ร่วมก่อเหตุ แต่ไม่ใช่ลูกของนางสมควร ยายของน้องชมพู่

ขณะให้ข้อมุลกับทีมข่าว หลวงพ่อบอกว่า "มาแล้ว เข้ามาแล้ว มาเลย" และพูดคุยอยู่คนเดียว ขอให้ทุกทางเปิด แล้วพูดว่า เจริญพร ๆ โดยเรียกหาชมพู่ และชี้บอกว่าย้องชมพู่อยู่ที่นี่ ตรงบ้านข้างหลังบ้านนายแอ๋ม บอกว่าน้องชมพู่ตายวันที่ 14 พ.ค. 63 ลักษณะหงายท้องชี้ฟ้า นอนอยู่บนหิน ถูกแบกขึ้นบ่าวางไว้บนภู มีเทพแต่งกายสวยงามเข้ามาเยอะ "ชมพู่เป็นเทพพญานาคมาเกิดกับพ่อแม่ อายุของเขามาแค่นั้น" หลวงพี่บอกว่า คนร้ายใช้รถแบ็กโฮขุดฝังน้อง ทีมข่าวจึงอธิบายว่าเป็นรถของเล่น หลวงพ่อจึงบอกอีกครั้งว่ามีรถหลายคัน คนร้ายอุ้มน้อง แล้วรถของเล่นก็ติดมือชมพู่ไป ก่อนจะไปหล่นกลางทาง

จากนั้น ยายน้องชมพู่ก็เข้ามาพูดคุยสอบถาม หลวงพ่อบอกว่า คนร้ายแต่ละคนเป็นลูกแม่เดียวกันที่เปลี่ยนนามสกุลไปแล้ว อาตมานั่งดูดีแล้ว มั่นใจ 1 ล้านเปอร์เซ็นต์ ซึ่งแม่น้องชมพู่พูดย้ำว่า "หากมั่นใจ ขออย่าทำให้ครอบครัวของแม่ชมพู่แตกแยกกัน" ระหว่างนี้ ยายสมควรสอบถามเป็นระยะ ๆ คาใจเรื่องคนก่อเหตุที่ระบุว่าเป็นลูกของยาย ซึ่งยายชี้แจงว่า ตนเองมีลูก 5 คน ชาย 1 หญิง 4 คน ลูกทุกคนอยู่ด้วยกันดี ยืนยันมั่นใจว่าไม่ใช่ลูกยายแน่นอน จากนั้นหลวงพ่อยังได้มีการสื่อสารกับเจ้าแม่ธรณีเพื่อถามว่าลูกของนางสมควรร่วมฆาตกรรมหรือไม่ ซึ่งมีการคุยอยู่กับตัวเองระยะหนึ่ง พร้อมบอกว่า 50:50

จากนั้นหลวงพ่อ ได้ให้พ่อน้องชมพู่จุดธูป 1 ดอก นำอาหารที่เตรียมไว้วางให้ชมพู่ ซึ่งมีน้ำหก พระอาจารย์ก็บอกว่า ชมพู่รีบ อยากจะรับของไว ๆ จากนั้นไม่นาน แม่น้องชมพู่ พ่อชมพู่ น้าจุไรภรณ์ น้าเสริม ก็พูดคุยกับหลวงพ่อ

นางจุไรภรณ์ ถามว่าเรื่องการปิดปาก ทำไมต้องปิดปาก คนร้ายเอาเงินจากไหนมาปิดปาก พร้อมสงสัยว่าหากคนร้ายเป็นเครือญาติแล้วก่อเหตุจริง จะเอาเงินที่ไหนมาปิดปาก หลวงพ่อ ระบุว่าไม่ได้เจาะจงว่าพี่น้องของแม่น้องชมพู่เป็นคนร้าย แต่แค่ 50:50 เท่านั้น ต่างจากตอนแรกที่หลวงพ่อบอกว่ามั่นใจ 1 ล้านเปอร์เซ็นต์

นางจุไรภรณ์ ระบุว่าหาก 3 วันจับไม่ได้ แล้วมากล่าวหาพี่น้องแบบนี้จะรับผิดชอบอย่างไร เพราะทำให้ครอบครัวชมพู่ตกเป็นจำเลยสังคม พี่น้องแม่ชมพู่จะกลายเป็นจำเลย

แม่น้องชมพู่บอกว่า สิ่งที่หลวงพ่อพูดแบบนี้มันกลายเป็น "คำกล่าวหา" กล่าวหาลอย ๆ เป็นการปลักปลำ ไม่มีหลักฐาน ตำรวจก็จะมาเอาตัวไปสอบปากคำ ไม่ได้ทำงานทำการ ซึ่งหลวงพ่อพยายามแจงว่าที่อาตมาเดินทางมาดี ไม่ได้ประสงค์อะไร

จากนั้น น้าเสริมบอกว่า หาก 3 วันจับไม่ได้ จะให้ครอบครัวแจ้งจับพระอาจารย์หรือไม่ หากมาอวดอุตริแบบนี้ ขอให้อย่ามาเลย ช่วงท้ายหลวงพ่อ บอกว่าหากการพูดไปแบบนี้ไม่ถูกต้อง ก็ต้องขอโทษ ขออภัยด้วย

นายอนามัย และนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา พ่อแม่น้องชมพู่ เปิดเผยว่า จริงแล้วเช้าวันนี้ตนเองมีธุระต้องคุยกับน้อง ๆ อยู่แล้ว แต่พระท่านมาเช้ากว่า ตนเองจึงได้คุยกับพระก่อน เนื่องจากท่านเข้ามาแล้วระบุว่าขอฉันข้าวก่อน ตอนนี้ครอบครัวไม่ได้เครียดหรือติดใจพระท่านทำนาย เนื่องจากเป็นแค่นิมิต แต่สิ่งที่ท่านพูดมันจะได้ชัดเจนเพราะจะออกสื่อ ประกอบกับตนเองเป็นห่วงอนาคตของพระด้วย คงมีนักข่าวหลายคนไปหาท่าน

ข้อมูลตนเองกับน้อง ๆ ทุกคนอยู่กับตำรวจหมดแล้ว ซึ่งไม่มีใครมารวมหัวกันฆ่าชมพู่ น้าแต น้าฝน ไปจ.นครพนม ลุงพล ป้าแต๋น ไปส่งพระ ทุกคนมีพยาน มีไทม์ไลน์มาจนถึงวันนี้ชัดเจนมาก ครอบครัวคุยกันมาตลอด แทบจะไม่ต้องคุยกันอีก เพราะเวลานี้มันจะ 2 เดือนแล้ว สิ่งที่ตนอยากได้ความชัดเจนเพราะอยากบอกว่า คนเราจะพูดอะไรมันต้องมีหลักฐาน เรื่องพวกนี้มันเอาผิดกันได้ ตนเองรู้สึกถูกกล่าวหา ถูกปลักปลำแต่เช้า ตนเองไม่มีความกังวลอะไรว่าใครจะสงสัยครอบครัว เพราะทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิด แต่หากสงสัยแล้วคิดดังแบบพระรูปนี้มันก็แย่

นายอนามัย ระบุว่า ตนเองไม่รู้จะพูดอะไร คนเรามันทำอะไรพูดอะไรย่อมได้สิ่งนั้น พูดดีย่อมได้ดี เรื่องนี้ครอบครัวไม่ได้รู้สึกโกรธพระ ที่ผ่านมามีร่างทรง มีพระมาบอกเบาะแสมากมาย แต่สุดท้ายความจริงอยู่กับตำรวจ

พระครูวิชัยธรรมสิริ วัดศรีวิชัย เจ้าคณะอำเภอนิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร เปิดเผยว่า จากการที่พระดาวฟ้า อยู่ที่พักสงฆ์คำแฮดน้อย ต.กกแดง อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร เดินทางไปที่บ้านของน้องชมพู่ แล้วบอกว่ารู้ตัวคนร้ายที่ทำผิดแล้ว เหมือนมีตาทิพย์  และจะจับได้ภายในไม่กี่วัน หรืออ้างเห็นวิญญาณนั้น เป็นการอวดอุตริ ซึ่งไม่ควรทำ เพราะเป็นพระจะพูดแบบนั้นไม่ได้

ทั้งนี้ พระดาวฟ้าเป็นสายธรรมยุติ หากประพฤติผิดทางวินัยก็จะมีการตักเตือนหรือพูดคุยกันก่อน แต่ตอนนี้ยังไม่เกิดความเสียหายหรือมีผู้เข้ามาร้องเรียน จึงยังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ