หมอตีแสกหน้า "เรนนี่" สุนทรภู่เป็นฝีมะม่วงสุดมั่วไม่เกิดในท้อง "บ๊วย" ฉุนทำดีถูกด่า (คลิป)

กระแสดราม่าวิพากษ์วิจารณ์และถูกตั้งข้อสงสัย สำหรับรายการ "ช่องส่องผี" ที่มีเนื้อหานำเสนอเรื่องราวของประวัติศาสตร์ อดีตชาติของบุคคลที่มาร่วมรายการ มี 3 พิธีกร "บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ" นักแสดงและพิธีกรชื่อดัง "เรนนี่ สุระประภา คำขจร" ผู้ที่อ้างตนว่าเป็นผู้สามารถสื่อสารกับสิ่งลี้ลับได้ รวมถึง "เจมส์ ศราวุฒิ วรพัทธ์ทีวีโชติ" นักวิชาการเดินเรือ นักกฎหมาย ผู้ถือกล้องที่ทางรายการอ้างว่าสามารถตรวจจับวิญญาณได้ หรือที่ศัพท์ทางเทคนิคเรียกว่ากล้อง Kinect

นายเชษฐวุฒิ วัชรคุณ หรือ บ๊วย และนายศราวุฒิ วรพัทธ์ทีวีโชติ หรือ เจมส์ พิธีกรรายการช่องส่องผี พร้อมตัวแทนของ น.ส.เรนนี่ หอบเอกสารหลักฐานการโอนเงินกว่า 4,000 หน้า และใบอนุโมทนาบัตรมาโชว์

สำหรับการแถลงข่าวประเด็นการเปิดบัญชีรับบริจาคเงิน ที่จะนำไปบำรุงรักษาศาสนสถาน โดยใช้ชื่อของบ๊วย เชษฐวุฒิ เป็นเจ้าของบัญชี ซึ่งมีบัญชีหลักที่รับบริจาค 1 บัญชี มียอดเงินบริจาคกว่า 28.5 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ทีมงานมีการเตรียมจะจำแนกเป็นบัญชีย่อยในวันที่ 1 ก.ค. 63 แต่เกิดประเด็นดราม่าขึ้นก่อน

ด้านเจมส์ ศราวุฒิ อธิบายถึงหลักการใช้กล้องจับสัญญาณวิญญาณว่า สิ่งที่ตนพบอาจจะแตกต่างจากที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวไว้ เนื่องจากมีหลายครั้งที่ในกล้องปรากฎสัญญาณตรงกับจุดที่ อ.เรนนี่ บอก โดยที่ไม่ได้คุยกันก่อน จึงเชื่อว่าใช้งานได้จริง ไม่ว่าจะเป็นกล้องไหนก็มีภาพถ่ายติดวิญญาณออกมาให้เห็นกันอยู่เสมอ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ตนไม่ได้งมงาย แค่อยากนำเสนอเรื่องบาปบุญคุณโทษ และตนก็อ่านหนังสื่อประวัติศาสตร์เยอะ

ในส่วนของประเด็นการผลิตเหรียญปีศาจมาให้ประชาชนเช่าบูชาในราคาสูง แจงว่าทางรายการให้เช่าในราคา 299 บาทถ้วน แต่มีคนซื้อไปแล้วปั่นราคากันเอง มิใช่มาจากทางรายการ

ส่วนที่อ.เรนนี่ ไปทำบุญที่ จ.เชียงใหม่ ถูกตั้งข้อสงสัยว่าให้ข้อมูลบิดเบือนประวัติศาสตร์ กล่าวอ้างว่าสามารถสื่อสารกับบูรพกษัตริย์หลายพระองค์ได้นั้น เพราะ อ.เรนนี่ เห็นวิญญาณในลักษณะของลำแสง เรียกสิ่งนี้ว่า “บารมีประสิทธิ” ไม่สามารถอธิบายให้คนที่ไม่เชื่อเข้าใจเชื่อและเกิดประโยชน์ได้ ซึ่งอ้างเพื่อประโยชน์ความเคารพเท่านั้น

นอกจากนี้ จะให้คำมั่นสัญญาว่าต่อไปจะมีความรับผิดชอบมากขึ้น ปราณีตในการถ่ายทำ ทำงานให้สร้างสรรค์มากขึ้น ทั้งนี้ พวกตนและทีมงานจะแจ้งความเพจเฟซบุ๊กคนที่เข้ามากล่าวหาหรือไม่นั้น ต้องผ่านการพิจารณาและสืบหาความผิดที่ชัดเจนกับก่อนจะดำเนินการต่อไป

กรณีที่ "เรนนี่ ช่องส่องผี" มีการพูดถึงประวัติศาสตร์เรื่องการเสียชีวิตของสุนทรภู่ว่า ป่วยเป็นโรค "ฝีมะม่วงในท้อง" แล้วเสียชีวิตที่ อ.แกลง จ.ระยอง จนกลายเป็นกระแสวิพากวิจารณ์ในโลกออนไลน์อย่างกว้างขวางว่าบิดเบือนประวัติศาสตร์หรือไม่นั้น

ซึ่งบันทึกทางประวัติศาสตร์ อ้างอิงจากเพจเฟซบุ๊ก "โบราณนานมา" ให้ข้อมูลว่า พระยาปริยัติธรรมธาดา ระบุว่าสุนทรภู่เสียชีวิตที่บ้านพักบางระมาด ตลิ่งชัน กรุงเทพฯ, เปลื้อง ณ นคร ระบุที่วังเดิม คลองบางหลวง กรุงเทพฯ และเทพ สุนทรศารทูล ระบุว่าที่วังหน้า กรุงเทพฯ ซึ่งจากบันทึกทั้งหมดตรงกันว่าสุนทรภู่เสียชีวิตที่กรุงเทพฯ นั้น

นพ.สิทธา ลิขิตนุกูล หรือ หมอกอล์ฟ แพทย์สังคมสื่อสารเพื่อคุณธรรม ให้ข้อมูลว่า "ฝีมะม่วง" เป็นกามโรค เช่นเดียวกับโรคหนองใน ที่จะเกิดบริเวณอวัยวะเพศ หรือเกิดภายนอกเท่านั้น โดยฝีมะม่วงไม่สามารถเกิดภายในช่องท้องได้ ไม่ว่าจะเพศหญิงหรือเพศชาย จะคล้ายกันคือเกิดที่อวัยวะเพศ

นอกจากนี้ หากมีฝีเกิดในช่องท้องจะไม่เรียกว่า "ฝีมะม่วง" ซึ่งจะเรียกกันว่า "ฝีในตับ" จะเกิดกับคนที่มีภูมิต้านทานอ่อนแอ คนที่เป็นพยาธิในตับ สามารถทำให้เกิดฝีในช่องท้องได้ หรือเกิดกับคนที่ดื่มเหล้าเยอะ

ขณะที่ชาวบ้านใกล้อนุเสาวรีย์สุนทรภู่ ต.กร่ำ อ.แกลง จ.ระยอง ที่บ้านเกิดของบิดาสุนทรภู่ นายวีรพงษ์ ลาภสาร เปิดเผยว่า การกล่าวถึงสุนทรภู่แบบไม่มีข้อมูลที่ถูกต้อง คล้ายทำเป็นเรื่องล้อเล่นและไม่ให้เกียรติท่าน ซึ่งถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ชาวบ้านเดินทางมากราบไหว้กันเป็นจำนวนมาก

อีกทั้งสุนทรภู่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ตนก็อยากฝากถึง น.ส.เรนนี่ ว่าให้หาข้อมูลที่ถูกต้องก่อนจะพูด หรือถามคนในพื้นที่ก็ได้ อย่าคิดเองเออเองโดยพละการ

ส่วนที่พิธีกรสาวอ้างว่า สุนทรภู่เสียชีวิตที่ อ.แกลง จ.ระยอง ซึ่งขัดกับวรรณกรรมที่ได้เขียนเล่าต่อกันมาตามโบราณกาล ล่าสุด ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่พิพิธภัณฑ์สุนทรภู่ วัดเทพธิดารามวรวิหาร สถานที่เก็บหลักฐาน ผลงานของสุนทรภู่ไว้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศไทย เป็นวัดที่สุนทรภู่เคยมาจำพรรษานานกว่า 3 ปี

พระวิสุทธิวราภรณ์ ผอ.พิพิธภัณฑ์สุนทรภู่ วัดเทพธิดารามวรวิหาร เปิดเผยว่า สุนทรภู่เป็นกวี 4 รัชกาล เนื่องจากสุนทรภู่เกิดที่พระราชวังหลัง ในช่วงท้ายรัชกาลที่ 1 ต่อมาได้มีโอกาสเข้าถวายงานในสมัยรัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า สุนทรภู่ได้แสดงฝีมือในการแต่งบทกลอนในเรื่องรามเกียรติ์ จนเป็นที่พอพระทัยจึงได้เลื่อนยศเป็นขุนสุนทรโวหาร และหลวงสุนทรโวหารตามลำดับ

ต่อมาเมื่ออายุครบ 20 ปี สุนทรภู่ได้กลับไปที่เมืองแกลง จ.ระยอง เพื่อไปหาบิดาและกลับมา จนกระทั่งรัชกาลที่ 2 สวรรคต พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชย์ สุนทรภู่จึงได้ลาออกจากราชการและออกบวช ตลอดการบวชพระสุนทรภู่ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดต่าง ๆ และยังได้สร้างผลงานด้านกวีอีกหลายเรื่อง รวมไปถึงเรื่องพระอภัยมณีด้วย

จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชย์ สุนทรภู่ได้ลาสิกขาเพื่อออกไปรับราชการ มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงพระสุนทรโวหาร ตลอดการรับราชการสุนทรภู่ก็ยังสร้างผลงานอย่างต่อเนื่อง จนกระทั้งปี พ.ศ. 2398 สุนทรภู่ได้เสียชีวิตลงในบ้านพักในเขตพระราชวังเดิม สิริรวมอายุได้ 69 ปี ไม่ได้เสียชีวิตที่เมืองแกลง จ.ระยอง

พระวิสุทธิวราภรณ์ กล่าวต่อว่า ในปัจจุบันอาจจะมีรายการต่าง ๆ ที่อ้างว่าสื่อสารกับสุนทรภู่ได้ ตนมองว่ามันเป็นความเชื่อส่วนตัว และเป็นการมโนของจิต แต่การที่บอกว่าสุนทรภู่ไปเสียชีวิตที่เมืองแกลง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของพ่อนั้น อาจจะเป็นการบิดเบือนประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร