2 มือปราบชี้คนร้ายหยิบของเล่นชมพู่หวังปั่นหัวตำรวจ-จุดสิ้นใจไม่ใช่บนเขา (คลิป)

3 ก.ค. 63

จากกรณีการหายตัวของน้องชมพู่ อายุ 3 ปี สูญหายจากบ้านพักหมู่ 2 บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร โดยหายไปตั้งแต่ 11 พ.ค.63 ซึ่งครอบครัวเร่งออกค้นหาจนมืดค่ำ จนกระทั่งพบศพน้องอยู่กลางป่าในภูเหล็กไฟ ในวันที่ 14 พ.ค.63 ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น 

คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่ 

804987

ล่าสุดวันนี้ 2 ก.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางมาพบกับ พลตำรวจตรี วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บชน.) หรือฉายา "มือปราบหูดำ" กล่าวว่า เรื่องรถแบ็กโฮของเล่นถือว่าเป็นวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ แต่ต้องวิเคราะห์ว่า รถคันนี้ไปเจอในวันตรวจสถานที่เกิดเหตุ แสดงว่าในวันที่คนร้ายก่อเหตุ น้องชมพู่อาจจะนำของเล่นติดตัวไป แล้วหลังจากน้องเสียชีวิต ของเล่นจึงตกอยู่ภายในที่เกิดเหตุ ดังนั้นจึงเอารถมาเป็นวัตถุพยานเพื่อหาตัวคนร้ายได้ ที่สำคัญอาจจะพิสูจน์ ลายนิ้วมือบนของเล่นได้

440981

แต่ตำรวจไปเจอรถของเล่นวันหลัง ประเด็นจึงเปลี่ยนไปแล้วว่า มีคนอื่น หรือคนร้ายมาสร้างสถานการณ์หรือไม่ เนื่องจากมีพยานบอกว่า หลังจากน้องชมพู่หายไป มีคนเจอของเล่นชิ้นนี้อยู่ที่บ้านของน้องชมพู่ ทำให้มีประเด็นสงสัยเพิ่มมากขึ้น ถ้าของเล่นไปเจอหลังเจอศพ ต้องสงสัยคนใกล้ชิด คนใกล้ตัวน้องชมพู่ คนต่างพื้นที่จะเอาไปทำไม ต้องเป็นคนที่คุ้นชิน หรือกลุ่มที่ใกล้บ้านชมพู่มากที่สุด

เรื่องจุดที่ของเล่นตก 300 เมตร ห่างจากศพ หากตกระหว่างทาง เป็นไปได้ที่เอาตัวน้องไปแล้วของตก ถ้าจุดที่ของเล่นตก เลยจากศพไป 300 เมตร เป็นไปได้ว่า คนร้ายเจาะจงเอาของเล่นไปทิ้งอำพราง ตรงนี้สามารถเอามาเป็นหลักฐานบ่งชี้คนร้ายได้

ประเด็นเรื่องที่แม่บอกว่า น้องใส่กางเกงวอร์ม แต่ตอนไปเจอศพ น้องใส่กางเกงขาสั้นสีแดง ส่วนนี้ก็เป็นพิรุจ เด็ก 3 ขวบ คงใส่เสื้อผ้าเองยาก ต้องเป็นพ่อแม่ พี่น้องปู่ย่าตายาย หรือญาติเป็นคนใส่ให้ ถ้าพ่อแม่เป็นคนใส่ชุดให้ลูก ทำไมจะจำไม่ได้ วันนั้นลูกนุ่งกางเกงอะไร ใส่เสื้ออะไร ยิ่งเป็นเด็กต่างจังหวัดแล้วด้วย ส่วนใหญ่จะมีเสื้อผ้ากันไม่กี่ชุด พ่อแม่จำไม่ได้ ได้อย่างไร จึงเป็นข้อพิรุธให้ตำรวจตรวจสอบ และตั้งข้อสงสัยกับพ่อแม่

845737

สำหรับการเคลื่อนย้ายศพมองว่า วันเดียวเอาศพขึ้นไปบนเขาได้อยู่แล้ว หากน้องเสียชีวิตด้านล่างเขา อาจจะมีหลายคนก็ได้ช่วยกันเอาศพขึ้นไปบนเขา ด้านแรงจูงใจในการก่อเหตุ ต้องดูว่า ตำรวจตั้งไว้กี่ประเด็น ความเห็นส่วนตัว เรื่องพบศพเด็กโดนแก้ผ้า ก็ต้องคิดถึงการล่วงละเมิดทางเพศ ข่มขืนกระทำชำเรา โดยก่อนเกิดเหตุ ไม่เห็นใครเป็นผู้ก่อเหตุ พยานวัตถุก็หายาก ดีเอ็นเอก็แทบจะไม่มี เรื่องการแก้แค้นแล้วมาลงที่น้องชมพู่ ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ถ้าขัดแย้งแล้วมาลงที่นเองชมพู่ เรื่องก็ไม่จบอยู่ดี ดังนั้นมองว่าไม่ใช่ประเด็นนี้ ประเด็นเรื่องคนใกล้ชิดน้องชมพู่ ไม่ขอบอกว่าเป็นใคร ต้องไปดูกันเอาเอง ก็ต้องดูว่าน้องชมพู่ มีปัญหาอะไรมาก่อนหรือไม่

479460

พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช ฉายาสารวัตรแรมโบ้ อดีตผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ และอดีตสารวัตรกองปราบนครบาล กล่ววว่า เรื่องรถแบ็กโฮของเล่นที่อยู่บ้านน้องชมพู่ ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก และถ้าพยานไม่ได้จำสับสนว่ารถแบ็กโฮยังอยู่ที่หลุมหน้าบ้านตามที่ตกเป็นข่าว และหากพยานเห็นจริงก็คือเป็นเรื่องสำคัญมาก เมื่อเป็นแบบนี้ก็เหมือนจะต้องมาเริ่มต้นสืบสวนใหม่อีกครั้ง หลัก ๆ ก็ต้องเริ่มจากครอบครัวน้องชมพู่ โดยต้องแยกสอบสวน

ทั้งนี้ตนมองว่าคนร้ายนำแบ็กโฮขึ้นไปบนเขา เพื่อให้ตำรวจเกิดความสับสน และก็เป็นไปได้ว่าคนที่นำขึ้นไป จะเป็นคนใกล้ชิดน้องชมพู่ อีกทั้งก็เป็นไปได้ว่าน้องชมพู่อาจจะเสียชีวิตตั้งแต่ด้านล่างแล้ว และได้นำศพไปอำพรางบนภูเขา และไม่สามารถรู้ได้ว่าคนร้ายจะย้ายศพตั้งแต่วันแรก หรืออาจะนำไปซ่อนไว้ที่อื่นก่อนที่จะนำไปวางไว้บนภูเขา

653412

ตอนนี้ก็ต้องมองกลับไปที่ครอบครัว ว่าในวันแรกครอบครัวมีการค้นหามากน้อยแค่ไหน ตนก็ไม่สามารถพูดมากได้มาก อีกทั้งหากมีการย้ายศพจริง การนำไปไว้ที่สูงแบบนั้นก็เพื่อต้องการให้คนหาศพไม่เจอ และพยายามจะทำลายหลักฐาน ต้องการทำให้ดีเอ็นเอถูกทำลายจากธรรมชาติ นอกจากจะถูกทำลายจากธรรมชาติก็เป็นไปได้ที่ดีเอ็นเออาจจะถูกทำลายจากความตั้งใจของคนร้ายเอง

อย่างไรก็ตาม ตนก็ยังไม่กล้าวิเคราะห์อะไรที่เจาะลึกไปมากกว่านี้ ต้องให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจดีเอ็นเอมาอธิบาย ตนคิดมาตลอดว่าหากผลดีเอ็นเอชัดเจน ทุกอย่างก็จบแต่แรก แต่ตนเชื่อว่าคนร้ายกำลังหลอกตำรวจ หลอกชาวบ้าน หลอกทุกคนทั้งประเทศ ตนมั่นใจว่าตำรวจจะจับตัวได้ แต่พอมีพยานเรื่องรถแบ็กโฮก็คงต้องเริ่มสอบสวนใหม่อีกรอบ

255965

นอกจากนี้อาจจะเพิ่มรางวัลนำจับให้มากขึ้น ครอบครัวของคนร้ายอาจจะทนไม่ไหว และคนในครอบครัวคนร้าย อาจจะสารภาพเพื่อเงินรางวัลก็ได้ ซึ่งที่ตนพูดแบบนี้ไม่ได้ปรักปรำใคร ไม่ได้โทษใคร เพราะตนเชื่อว่าทุกอย่างที่คนร้ายทำไป ต้องมีแรงจูงใจแน่นอน และคนที่รู้ดีที่สุดก็คือคนร้าย ซึ่งตนเป็นตำรวจมา ก็เคยเห็นคดีลักษณะนี้ ที่คนร้ายจะหลอกตำรวจ ทำให้ตำรวจสับสนจากการทิ้งของผู้ตายเอาไว้ตามที่ต่าง ๆ

ส่วนในเรื่องกางเกงลูกที่แม่น้องชมพู่จำสีผิด ตนก็มองว่าเป็นประเด็นที่สำคัญ และเป็นประเด็นที่สำคัญมากด้วย และไม่อยากชี้ว่าใครมีพิรุธหรือไม่ เพราะตามที่ตนกล่าวไป ต้องเริ่มสอบสวนใหม่อย่างละเอียดอีกครั้ง หลักจากที่มีพยานเรื่องแบ็กโฮออกมา

พ.ต.อ.สุรโชค ยังกล่าวว่า ประเด็นพ่อของน้องชมพู่ที่เห็นรอยเท้า และไม่มั่นใจจะเป็นรอยเท้าลูกหรือไม่ ตนก็ไม่สามารถพูดอะไรได้มาก แต่หากเป็นตนก็ต้องหาความจริงว่าใช่รอยเท้าของลูกหรือไม่ ต้องพิสูจน์ให้ได้ เพราะมันเกี่ยวโยงกับคดีทั้งหมด และทุกอย่างมันเริ่มที่บ้าน ตนมองว่าทุกคนในบ้านกกกอกเป็นผู้ต้องสงสัยได้ทั้งหมด แต่อย่างที่ตนกล่าวไป คือ ต้องเริ่มสอบสวนใหม่ทั้งครอบครัว และพยานแวดล้อมทั้งหมด ทุกอย่างก็อยู่ที่การสืบสวนสอบสวน ตำรวจต้องห้ามถอย สื่อมวลชนก็อย่าถอย ตนขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส