ลุงพลสาบานหน้าธาตุพนมไม่ฆ่าชมพู่ แจงพิรุธออกบ้านนาน "พระ" โผล่เป็นพยาน (คลิป)

3 ก.ค. 63

กรณีนายไชย์พล วิภา ถูกตั้งข้อพิรุธในการเดินทางไปวัดที่นานผิดปกติ ในวันที่ 11 พ.ค.63 เวลา 08.20 - 09.22 น. ลุงไชย์พล อยู่ที่สวนยาง โดยมีพยาน คือ แม่น้องชมพู่ ภรรยา และนางนลิน ส่วนเวลา 09.00 น. กลับมาถึงบ้าน โดยมีพยาน คือ ภรรยา และในเวลา 09.45 - 10.00 น. ออกจากบ้านไปภูผาแอก ระยะห่างจากบ้าน 2 กม. ใช้เวลา 15 นาที กระทั่งเวลา 10.00 - 10.20 น. ไปรับพระ 

คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่ 

211777

ล่าสุดวันที่ 2 ก.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมาทดสอบพร้อมกับนายไชย์พล วิภา ลุงน้องชมพู่ โดยทดสอบการเดินทางในวันที่ 11 พ.ค.63 ในช่วงเวลา 09.45 น. เพื่ออกไปรับพระที่วัดป่าภูผาแอก ซึ่งเป็นเวลาหลังจากน้องชมพู่หายไปแล้ว แต่ลุงไชย์พลยืนยันว่ายังไม่ทราบเรื่อง

121710

ลุงไชย์พล เริ่มติดเครื่องยนต์จากในบ้าน ทีมข่าวขึ้นรถและจับเวลา โดยออกจากบ้านจะใช้ความเร็วได้ไม่มาก ความเร็วราว 5-10 กม./ชม. เมื่อเข้าสู่ถนน ลุงไชย์พล ยืนยันว่าไม่ได้ขับรถเร็วอยู่แล้ว ปกติจะขับระดับความเร็ว 20-30 กม./ชม. โดยเฉพาะพื้นที่ในหมู่บ้าน

227757

เมื่อขับรถไปเรื่อย ๆ ลุงไชย์พล ระบุว่า ในหมู่บ้านตนไม่แน่ใจว่าได้ทักใครบ้าง แต่ที่แน่ ๆ ตนจอดอยู่ตรงซุ้มประตูวัด จากนั้นก็ตะโกนออกไป โดยลุงไชย์พลทำท่าทางให้ดู มีการทักไปที่บ้านของนางแยง ซึ่งนั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน โดยมีการชักชวนนางวงศ์ หรือ ป้าศักดิ์ (ลูกชายชื่อศักดิ์) ทำนองว่าชวนไปส่งพระ ซึ่งนางวงศ์ปฏิเสํธ จากนั้นตนก็ขับรถต่อเข้าไปในซอยวัด เพื่อไปหาพระ โดยไม่ได้ทักทายใครอีก

180999

ความเร็วในพื้นที่นี้ ใช้ความเร็วอยู่ราว 15-20 กม./ชม. โดยเฉพาะช่วงใกล้ถึงวัดจะเป็นทางลูกรัง จากนั้นลุงพลขับรถถึงวัด โดยจอดรถที่หน้าศาลาการเปรียญ ใช้เวลา 6.59 นาที

238214

นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้ทดสอบการขับรถมาจากบ้านลุงพล ด้วยความเร็วที่สามารทำได้สูงสุด ซึ่งช่วงถนนในหมู่บ้าน ขับมาได้ ราว 50 กม./ชม.

390600

จากนั้นเลี้ยวเข้าซุ้มวัด ก่อนจะขึ้นไปที่วัด เส้นทางเดียวกับไปกับลุงพล โดยเมื่อเข้ามาในวัด ใช้ความเร็วได้ราว 20 กม./ชม. เนื่องจากถนนเริ่มเป็นทางลูกรัง โดยใช้เวลารวม 4.34 น. ทีมข่าวไม่ได้จอดแวะทักทายคนตามที่ลุงให้การ

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้จำลองการเดินทางของนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ที่ได้เดินทางไปส่งพระที่ อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร ในวันที่ 11 พ.ค.63 ซึ่งเป็นวันที่น้องชมพู่หายตัวไป โดยทีมข่าวได้จับเวลาและเริ่มเดินทางวัดภูผาแอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นจุดที่ลุงพลไปรับพระ โดยเดินทางผ่าน อ.เขาวง, อ.กุฉินารายณ์ เป็น 2 อำเภอของ จ.กาฬสินธุ์ และเดินทางมาถึงที่พักสงฆ์ป่าช้าหลวง ต.บ้านเป้า อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร ระยะทาง 93 กม. โดยใช้เวลา 1.23 ชม.

435004

เมื่อไปถึงวัดกลับไม่พบ พระสุรัตน์ ถิรวชิโร ทีมข่าวจึงเดินขึ้นเขาภูถ้ำเม่น เป็นระยะทางกว่า 1 กม. ไปยังที่พักสงฆ์อีกที่ ก็ได้พบกับพระสุรัตน์ ถิรวชิโร หรือ ครูบารัตน์ โดยครูบารัตน์ เปิดเผยว่า ย้อนกลับไปเมื่อช่วงวันที่ 9 พ.ค.63 ขณะที่อาตมายังจำวัดอยู่ที่วัดภูผาแอก ก็มีความต้องการจะกลับมาจำพรรษาที่ที่พักสงฆ์ป่าช้าหลวง ต.บ้านเป้า อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร จึงได้บอกเรื่องดังกล่าวกับครูบาแต พระจากวัดภูหลวง ให้ช่วยไปถามผู้ใหญ่บ้านว่าจะขอให้ไปส่งได้หรือไม่

กระทั่งเช้าวันที่ 10 พ.ค.63 อาตมาก็เดินบิณฑบาตเจอกับครูบาแตอีกครั้ง พระท่านก็บอกว่าผู้ใหญ่บ้านไม่ว่างไปส่งเพราะผู้ใหญ่บ้านต้องไปตั้งด่านตรวจโควิด-19 ให้ลองไปถามลุงพลดูว่าจะไปส่งได้หรือไม่ ซึ่งอาตมาก็เดินบิณฑบาตไปถึงหน้าบ้านของลุงพล พร้อมสอบถามว่าจะไปพาอาตมาไปส่งที่อำเภอหนองสูง ในวันที่ 11 พ.ค.63 ได้หรือไม่ ลุงพลก็ตอบว่าว่าง จึงนัดแนะกันว่าให้ลุงพลขับรถกระบะไปรับอาตมาที่วัดภูผาแอก ช่วงสายของวันที่ 11 พ.ค.63 เวลาประมาณ 10.00 น. เป็นต้นไป

883826

ช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ค.63 อาตมาก็เดินไปบิณฑบาตไปที่หน้าบ้านของลุงพลอีกครั้ง เพื่อเน้นย้ำเรื่องนัดหมาย กระทั่งเวลาประมาณ 10.00 น. อาตมาก็ได้รออยู่ที่ศาลาที่วัดภูผาแอก โดยอาตมาก็เก็บบาตร พร้อมสบู่ยาสีฟันไว้เรียบร้อยแล้ว และนั่งรอลุงพลในศาลา ซึ่งลุงพลก็ขับรถกระบะมาคนเดียว และมาจอดหน้าศาลาและเดินเข้ามากราบพระพุทธรูป หลังจากนั้นอาตมาก็บอกให้ลุงพล เก็บของขึ้นรถกระบะ ประกอบด้วยบาตร, กลด และสบู่ยาสีฟัน ซึ่งระหว่างที่ลุงพลเก็บของ อาตมาก็เดินไปที่ครัวเพื่อกราบลาพระอาจารย์บุญมา หลังจากนั้นไม่เกิน 5 นาที ลุงพลก็เดินตามหลังมาเกือบติด ๆ กัน

790507

พระอาจารย์บุญมา ได้แบ่งข้าวสารให้ โดยลุงพลก็ได้แบกกระสอบข้าวสารจากครัวไปขึ้นท้ายรถ ซึ่งรถของลุงพลได้ออกจากวัดภูผาแอก เวลาประมาณ 10.20 น. และขับไปที่บ้านนางนลิน หรือป้าถอน ที่กลางหมู่บ้าน เพื่อไปรับนางนลิน, นายม็อค สามีนลิน, นางสมพร ขึ้นรถทั้งหมด 5 คน รวมอาตมา ซึ่งจอดที่บ้านนางนลินไม่นานและในช่วงนั้นทราบว่าน้องชมพู่หายไป แต่ลุงพลคิดว่าหลานคงไม่ไปไหนไกล หลังจากนั้นก็ออกจากบ้านของนางนลิน เวลาประมาณ 10.30 น. และเดินทางตรงมาที่ที่พักสงฆ์ป่าช้าหลวง ต.บ้านเป้า อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร ถึงในเวลาเกือบเที่ยง ๆ แต่อาตมาจำเวลาที่แน่ชัดไม่ได้

โดยระหว่างทางมีการแวะจอดแค่ด่านตรวจโควิด-19 ที่อำเภอหนองสูงเท่านั้น ซึ่งเมื่อมาถึง กลุ่มของลุงพลก็ได้ช่วยกันปัดกวาดที่พักสงฆ์ เนื่องจากมีฝุ่นเพราะอาตมาทิ้งไปนาน ซึ่งอยู่ที่วัดเกือบ 1 ชั่วโมง และกลุ่มของลุงพลได้ขับรถกลับหมู่บ้านในเวลาเกือบ ๆ จะบ่ายโมง ลุงพลก็ไม่ได้บอกว่าจะไปแวะที่ไหน บอกแค่ว่ารีบไปหาหลาน อาตมาเองก็ลองคำนวนเวลาดูแล้ว ลุงพลจะต้องไปถึงหมู่บ้านกกกอกในเวลา 14.00 น.

120821

พระสุรัตน์ ยังบอกอีกว่า ในช่วงที่ลุงพลขับรถมาส่งนั้น ก็ไม่ค่อยพูดอะไรกันมานัก พูดเพียงเรื่องพืชสวนไร่นา ระหว่างทางลุงพลก็ไม่ได้ดูมีความกังวลเรื่องหลานหาย เพราะเป็นเด็กแค่ 3 ขวบ ไม่คิดว่าหลานจะไปไหนได้ไกล อาตมาก็ไม่รู้ว่าลุงพลมีความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์หรือไม่ เพราะไม่เคยพูดให้ฟัง ไม่ค่อยสนิทกัน ไม่มีเบอร์โทรซึ่งกันและกัน จะเห็นตามงานวัดงานวา หรือเวลาเขาขับรถไปกรีดยางเท่านั้น ซึ่งอาตมามองว่าเขาเป็นคนธรรมดา

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีคนสงสัยว่าลุงพลเป็นคนฆ่าหลาน แต่อาตมาคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ เพราะในวันที่ลุงพล ขับรถมาส่งอาตมานั้น ระหว่างการเดินทางลุงพล ก็ไม่มีอาการกระวนกระวายแต่อย่างใด ดูปกติธรรมดา

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมาที่บ้านลุงไชย์พล วิภา โดยได้พูดคุยกับ นางสมพร หลาบโพธิ์ ป้าของน้องชมพู่ ซึ่งพาทีมข่าวสำรวจรอบบ้าน เพื่อพิสูจน์ว่ามีจุดลับตาคนหรือไม่ โดยระบุว่าบ้านนี้มีสมาชิก 4 คน คือ ลุงพล ป้าแต๋น ลูกอีก 2 คน

590486

ทีมข่าวเริ่มเดินจากหน้าบ้าน จากนั้นเข้าไปที่ด้านขวาของบ้าน ก่อนที่จะดูในห้องน้ำ ซึ่งอยู่หลังบ้าน ค่อนข้างเปิดโล่ง ไม่ได้ลับตาคน หากมีคนมาบ้าน แต่บ้านลุงพลไม่ค่อยมีคนผ่าน

ป้าแต๋น ได้ชี้ที่จุดนี้ ซึ่งหลังบ้านเป็นป่าไผ่ และป่ายางพารา ซึ่งเป็นของคนบ้านกกตูม ปกติจะไม่มีคนอยู่ ท้ายสวนจะเป็นร่องน้ำ ลักษณะเป็นทางน้ำของห้วยบุง ทีมข่าวเดินเลาะไปหลังบ้าน จากนั้นเดินลงตามแนวห้วยบุง ซึ่งไม่มีน้ำ ความลึก 2.5 เมตร จากนั้นไปปีนขึ้นที่ท้ายที่ดิน

677721

เมื่อขึ้นมาที่ท้ายสวน พบว่าที่ดินของลุงพล ส่วนหนึ่งติดกับลำห้วย ที่ดินติดกับคอสะพานห้วยบุง ฝั่งซ้ายของที่ดินเป็นพื้นที่ปลูกพื้นผักสวนครัว ป้าแต๋นระบุว่า จุดนี้ตอนที่หลานหายหายตัวไป ไม่ได้รกขนาดนี้ เพราะตนจะตัดหญ้าจนโล่ง แต่ตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่มีเวลาทำ จึงปล่อยให้รกแบบนี้

498371

ส่วนคนจะคิดว่าสามีของตนจะเป็นคนก่อเหตุ ตนไม่ได้คิดที่จุดนั้น แต่คนจะคิดอะไรก็คิดได้ อย่างหนึ่งคือ วันที่ค้นหาหลานสาว ชาวบ้านก็เดินมาหาแถวบ้านตน หลังบ้านก็เดินมา หากมีเอาตัวเด็กมาซ้อนจริง เชื่อว่าคนคงมาเจอแล้ว และหากมองเป็นจุดลับตาคน ตนก็มองว่าทุกที่ก็ลับตาคนได้ทั้งหมด

ทั้งนี้ในเวลาต่อมา ทีมข่าวเดินทางมาพร้อมกับ นายไชย์พล วิภา เพื่อเดินทางมาที่วัดป่าภูผาแอก โดยมีการมาถวายอาหารเช้าแกพระสงฆ์ จากนั้นพระอธิการบุญมา ได้ให้ลุงพลช่วยงานที่วัด ทั้งมุงหลังคาศาลา และตัดหญ้า พร้อมชักชวนทีมข่าวกวาดลานวัด

จากนั้นนายไชย์พล นางสมพร นางจำลอง แดนกาไสย นางนลิน เงินนาม หรือแม่ถอน และพระอธิการบุญมา ศรีลเตโช เจ้าอาวาสวัดป่าภูผาแอกเดินทางพร้อมทีมข่าว มาที่พระธาตุพนม จ.นครพนม

147692

เมื่อมาถึง ก็มีชาวบ้านบางส่วนมาให้กำลังใจ รวมทั้งช่างภาพอิสระที่ถ่ายภาพอยู่ที่พนะธาตุฯ มาถ่ายรูปให้กับลุงพล โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย จากนั้นลุงพล ได้เดินทางเข้าไปในพระธาตุ เพื่อรับดอกไม้ ธูปเทียน ก่อนกราบขมาพื้นที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยพระอธิการบุญมา เป็นผู้นำกล่าว

ก่อนจะถือดอกบัว และธูปเทียน เดินวนขวารอบองค์พระธาตุ 3 รอบ เพื่อเป็นสิริมงคล จากนั้นลงมากราบพระรัตนตรัย และกราบองค์พระธาตุ ก่อนวางดอกไม้ และนำธูปออกไปจุดที่นอกองค์พระธาตุ ซึ่งลุงกับป้าได้มีการอธิษฐานจิต

514727

นอกจากนี้ นางสมพร ออกมาจุดธูปเทียนที่นอกพระธาตุ ได้หันไปที่พระธาตุและอธิษฐานอีกครั้ง ระบุว่า ขอให้ตำรวจจับคนร้ายให้ได้ ขอให้คนกระทำกับหลาน ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ขอให้ออกมามอบตัว ถูกดำเนินคดี ให้รู้สึกผิด ออกมาสารภาพในสิ่งที่ทำลงไป ขอให้เจ้าหน้าที่ได้พยานหลักฐานที่นำไปสู่การจับคนร้ายให้ได้

395687

ด้านนายไชย์พล ระบุว่า ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง องค์พระธาตุพนมดลใจให้จับคนร้ายให้ได้ พร้อมทั้งกล่าวยืนยันความบริสุทธิ์ต่อหน้าองค์พระธาตุ หลังจากมีคนเพ่งเล็งว่าตนจะเป็นคนผิด โดยระบุว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในที่แห่งนี้ ข้าพเจ้าขอยืนยันในความบริสุทธิ์ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นพยาน หากข้าพเจ้ากระทำผิดต่อน้องชมพู่จริง ขอให้ทำลายชีวิตข้าพเจ้า และขอให้ข้าพเจ้ามีอันเป็นไปในเร็ววันด้วยเถิด

711132

ป้าแต๋น และลุงพล ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการไหว้องค์พระธาตุแล้ว ระบุว่า สถานที่แห่งนี้ตนและครอบครัวเดินทางมาประจำทุกปี มาแล้วรู้สึกสบายใจ ตนก็อธิษฐานขอให้คนทำร้ายหลานสาว ออกมารับสารภาพ เพราะคนที่บ้านกกกอกก็ลำบากกันมากพอแล้ว พร้อมขอให้ตำรวจได้หลักฐานที่ทำให้คนร้ายถูกจับในเร็ววัน ส่วนที่นางสมพร ขอให้คนที่เป็นคนร้าย ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ ตอนนี้ครอบครัวยังไม่รู้เลยว่าตำรวจได้หลักฐานอะไรไปบ้าง ซึ่งทุกอย่างเป็นความลับ

ลุงพล ระบุว่า ทำใจทุกอย่างแล้ว เข้าใจว่าตำรวจทำหน้าที่รอบด้าน และมั่นใจว่าตำรวจคงจะจับคนร้ายที่ทำร้ายน้องชมพู่ได้ หากวันหนึ่งตำรวจมาจับตนจริง ตนคิดว่าก็คงต้องรอดูว่าจะมีจริงหรือไม่ ซึ่งป้าแต๋นก็ยิ้มออกมา ระบุว่า แรก ๆ ตนเองยอมรับว่าคิดอยู่บ้าง หากลุงพลถูกจับจะทำอย่างไร แต่ตอนนี้ไม่ได้คิดแล้ว ยอมรับว่ามีน้อยใจบ้างที่ถูกเพ่งเล็ง ทุกอย่างตนทำให้กับน้องชมพู่ อะไรที่มีคนบอกว่าดีก็ไปหาหมด พวกตนไม่ได้งมงายที่เดินทางไปหา แต่ไปแล้วเพราะมีความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำแล้วรู้สึกสบายใจ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส