จากกรณี นางเรวดี หาแก้ว หรือ “ป้าติ้น” และ นางวิไลพร รัตนติสร้อย หรือ “ป้าเล็ก” อ้างว่าได้หุ้นกันซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ร่วมกับนางสุดารัตน์ น้อยนิตย์ หรือ “ป้าดา” งวดประจำวันที่ 1 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา “ป้าดา” ได้ปฏิเสธว่า ไม่ได้หุ้นซื้อด้วยและไม่มีสลากชุดดังกล่าว กระทั่ง “ป้าติ้น” ส่งเรื่องฟ้องศาลให้ดำเนินคดีกับ นางสุดารัตน์ น้อยนิด หรือ “ ป้าดา”แต่เนื่องจาก “ป้าดา” ไม่มีหลักทรัพย์ประกันตัว ทำให้ “ป้าดา” ต้องถูกฝากขังที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี ก่อนที่น้องสาวจะประกันตัวออกมา ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
นางสุดารัตน์ น้อยนิตย์ หรือ “ป้าดา” และ นางสาวปริชาติ น้อยนิตย์ หรือ คุณปลา น้องสาวป้าดา
ล่าสุด วันนี้ (19 ธ.ค.60) “รายการต่างคนต่างคิด” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ อมรินทร์ทีวี ช่อง 34 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.45 น.ได้เชิญ นางสุดารัตน์ น้อยนิด หรือ “ ป้าดา” มาเปิดใจความรู้สึกที่ถูกนำตัวไปฝากขังเรือนจำพิเศษมีนบุรีเป็นเวลา 4 วัน พร้อม นางสาวปริชาติ น้อยนิตย์ หรือ “คุณปลา” น้องสาวป้าดา ที่ได้นำโฉนดที่ดินไปประกันตัวพี่สาว
ป้าดา บอกว่า ดีใจมากที่ได้ออกจากคุก ไม่คิดไม่ฝันว่า จะมาเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ ทั้งงง และตกใจ เป็นไปได้อย่างไรในเมื่อตำรวจไม่ฟ้องแล้ว กองสลากฯได้ตรวจสอบแล้ว 2 รอบ เราก็บริสุทธิ์ ระหว่างที่รอประกันตัวครั้งที่ 2 พอทราบว่า ยังประกันตัวไม่ได้ ก็นั่งทรุดลงกับพื้นเลย
นางสุดารัตน์ น้อยนิตย์ หรือ “ป้าดา”
“ป้าดา” น้ำตาคลอ ขณะเล่าถึงเหตุการณ์ที่ต้องติดคุกต่ออีก 2 วัน พร้อมบอกกับตัวเองว่า เราไม่มีเงิน เราต้องทน เพราะว่าจะกินก็ไม่มีอยู่แล้ว วันนั้นเหลืออยู่คนเดียวที่รอประกันตัว และถูกส่งไปเรือนจำ วินาทีที่เดินเข้าสู่เรือนจำ รู้สึกว่า ทำกับเราได้อย่างไง ทำคนบริสุทธิ์แบบนี้ได้อย่างไง เราเดินเข้าคุกได้อย่างไง หรือเพราะเราไม่มีเงิน
นี่จึงเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต ตอนที่อยู่ในเรือนจำ ได้สวดมนต์ตลอด ไม่อยากคิดมาก เพราะกลัวตัวเองจะเป็นบ้า กินข้าวไม่ลง นอนก็ไม่หลับ ต้องนอนสับเหลื่อมกันเป็นแถว หัวกับขาสลับคนละทางกัน ข้างในนั้นลำบากมาก ตนร้องให้ตลอด เพราะเสียใจ ที่เราเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ทำใมต้องมาติดคุก
ด้าน คุณปลา บอกอีกว่า ดีใจมากที่พี่สาวได้รับการประกันตัวออกมา เชื่อมั่นพี่สาวเป็นคนบริสุทธิ์ ถ้าพี่สาวถูกหวยอย่างที่อีกฝ่ายกล่าวหาจริง ตนคงไม่ปล่อยให้พี่สาวติดคุกแบบนี้ และยืนยันว่า เรื่องที่ป้าดา ถูกกล่าวหาไม่ใช่เรื่องจริง และก็เป็นไปไม่ได้ว่า จะมีใครถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ติดกัน 2 ปี ถ้าถูกจริงป้าติ้น คงมีบทเรียนมาจากป้าดา หลังจากซื้อลอตเตอรี่แล้ว น่าจะเก็บไว้ที่ตัวเอง เอาไปฝากป้าติ๋วไว้ทำไม
ขณะที่ นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงวงเงินประกันว่า ศาลจะพิจารณาจากการกระทำความผิด ประกอบกับทุนทรัพย์ในคดี ก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาล ถ้าศาลประทับรับฟ้องแล้วก็ต้องยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว ทั้งนี้หากไม่สามารถประกันตัวได้ ขั้นตอนต่อไป จะต้องนำจำเลยฝากขังในเรือนจำ ถ้าพิสูจน์ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ก็จะมีเงินเยียวยาจากกองทุนยุติธรรม หรือจะร้องขอให้กระทรวงยุติธรรมช่วยเหลือเรื่องของประกันได้
ด้านนายปรัชญา คล้ายชูช่วย หัวหน้าฝ่ายมูลนิธิช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย ทนายความป้าดา ยืนยัน ว่า จะนำ คำให้การของพ่อค้าขายลอตเตอรี่ในวัดลาดบัวขาว มาเป็นหลักฐานในการสู้คดี ในกรณีที่เคยไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ว่า ลอตเตอรี่ฉบับดังกล่าวมีจริง แต่หลังจากถูกเรียกมาให้ปากคำเพิ่มเติม กลับบอกว่า ไม่มีลอตเตอรี่ฉบับนี้ จำได้เฉพาะเลข 3 ตัวท้าย เลขหน้าจำไม่ได้ ซึ่งหลักฐานชิ้นนี้ เป็นประเด็นสำคัญในคดีที่จะนำไปสู้ และเชื่อว่ามีโอกาสชนะคดี
ผู้สื่อข่าวพูดคุยกับ ป้าติ๋ว (นามสมมติ)
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ยังได้ไปสัมภาษณ์ ป้าติ๋ว กรณีที่ ป้าติ้น ได้เคยให้ข้อมูลกับทีมข่าว ว่า เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 60 ที่ผ่านมา ได้ไปไหว้พระที่วัดป่าคำชะโนด จ.อุดรธานี พร้อมกับ นางวิไลพร รัตนติสร้อย หรือ ป้าเล็ก และ ป้าติ๋ว โดยครั้งนั้นได้ซื้อลอตเตอรี่ เลข 392785 มาจำนวน 1 ชุด ( 5คู่ ) ราคา 500 บาท ตนได้ของเบอร์โทรศัพท์คนขายไว้ด้วยและยังให้ป้าติ๋วถ่ายรูปสลากเก็บไว้ด้วย
ขณะที่ตนไปคำชะโนดทาง นางวิไลพร หรือป้าเล็ก ได้ชวนตนไป โดยบอกว่าขาไปให้ติดรถไปฟรี ขากลับค่อยนั่งเครื่องบินกลับ ไม่มีเงินก็ไปได้ จะออกค่าตั๋วให้ พร้อมบอกให้ชวนป้าติ้น ไปด้วย ซึ่งป้าเล็กได้จัดการจองตั๋วเครื่องบินให้ทั้งหมด หลังจากนั้นได้เดินทางไปด้วยกัน และไปนอนค้างที่ จ.เลย 1 คืน ก่อนไปนอนที่ จ.อุดรธานี อีก 1 คืน พอรุ่งเช้า วันที่ 29 มี.ค. 60 ก็เดินทางเข้าไปไหว้ปู่ศรีสุทโธ ที่คำชะโนด เมื่อไหว้เสร็จตนก็ออกมาเดินซื้อหวยคนเดียว
จากนั้น ป้าติ้น เขาเดินมาจากไหนก็ไม่รู้ ว่าถามว่า “ป้าซื้อลอตเตอรี่เลขอะไร ก็เลยตอบกลับไปว่า “ซื้อ 802 จำนวน 2 ใบ” แล้วเขาก็หันมาถามป้า ว่า “ป้ามีเงินไหม สัก 100 หนูขอยืมก่อน หนูจะซื้อลอตเตอรี่” ตนก็ให้ยืมไป 100 บาท ซึ่งเขาก็ไปซื้อหวยร้านข้างๆ ที่ติดกับร้านที่ตนซื้อ ซึ่งไม่ทราบว่าเขาซื้อเลขอะไรเพราะว่าไม่ได้ถาม
ทั้งนี้ หลังเกิดคดียักยอกหวย ส่วนตัวก็มีการคุยกันผ่านไลน์กับป้าติ้น เพราะเขาไลน์มาถามว่า “ป้าถูกหวยไม่ใช่เหรอ เพราะป้าซื้อหวย 785 ไม่ใช่เหรอ” ตนก็ไลน์ตอบกลับว่า “ไม่ได้ซื้อ ตนซื้อมาแค่ 4 ใบ เพราะมีเงินซื้อแค่นี้” พอหลังจาก 20 เม.ย. 60 ก็ไม่เคยคุยกันหรือติดต่อกันเลย และหลังจากมีคดีความก็ไม่เคยติดต่อกันอีกเลย
นางเรวดี หาแก้ว หรือ “ป้าติ้น”
ป้าติ๋ว เปิดเผยอีกว่าที่ตนรู้จัก และสนิทกันกับป้าดา เพราะสามีป้าดา เป็นเพื่อนกับสามีตน ซึ่งตนรู้จักก่อนที่จะมาเจอป้าติ้นเสียอีก
โดยตนรู้จักป้าติ้น ผ่านทาง นางวิไลพร (หรือป้าเล็ก) หลังจากมีป้าติ้นเรื่องกับป้าดา ตนถึงได้มารู้จักป้าติ้น จนมามีเรื่องกับตน
นอกจากนี้ ป้าติ๋ว ยังบอกว่า ตนไปไหนกับป้าติ้น ไม่ถึง 20 ครั้ง ก็มาเกิดปัญหาเรื่องหวย โดยตนไม่เคยคบ หรือไม่ได้ไปไหนกับป้าติ้น เพียงลำพัง นอกจากมีป้าเล็ก ไปเป็นเพื่อนด้วยกัน ขณะเดียวกันตนบอกกับลูกเอาไว้ หากตนเจอเหตุการณ์เหมือนป้าดา ให้ลูกเตรียมหาหลักทรัพย์รอเพื่อเอาไว้ประกันตัว
อย่างไรก็ตาม ป้าติ๋ว ยังเปิดใจอีกว่า หลังจบคดี ตนจะเอาผิดกับป้าติ้น จะฟ้องกลับ เนื่องจากทำให้เสียชื่อเสียง ลูกก็เสียเวลาทำงาน โดยตนยอมรับว่า เสียใจที่มาเจอคนแบบนี้
ส่วนกรณีที่ป้าติ้น กล่าวหาว่าตนกับป้าดา เป็นขบวนการขโมยลอตเตอรี่ เรื่องนี้ตนไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะว่าไม่มีมูลความจริง ป้าติ้นสร้างกระแสขึ้นมา เพราะว่ามีหนี้สินเยอะ ติดการพนัน คงคิดจะมาแบล็กเมล์ เพื่อนำเงินไปใช้หนี้สิน ซึ่งตนขอยืนยันได้เลยว่า ตนไม่ได้ทำเป็นขบวนการ สามารถพิสูจน์ และตรวจสอบได้
ข้อความแชทไลน์ที่ทาง ป้าติ้น ส่งหาป้าติ๋ว
นอกจากนี้ ป้าติ๋ว ได้ส่งหลักฐานแชทพูดคุยในไลน์ที่ ป้าติ้น ได้ทักมา ทางข้อความสนทนา โดยป้าติ้น มั่นใจว่าตัวเองซื้อหวยมาจริงๆ พร้อมกับมีการให้ไปท้าสาบานกันที่คำชะโนด พร้อมบอกว่า ตัวเองเป็นผู้เลือกซื้อเลขนี้เอง
มิหนำซ้ำ ป้าติ้นได้มีการพิมพ์มาบอกอีกว่า "ถ้าไม่มีหนู พี่จะมีวันนี้หรือไม่" พร้อมกับให้ตนคิดให้ดีๆ ก่อนที่จะมีการสาปแช่งทางไลน์ว่า "หนูภาวนาว่า ถ้าใครโกงหนูอีก ให้คนโกงล้มหายตายจากภายในสามปีเจ็ดปี หนูเชื่อคำอธิษฐานหนูต้องเป็นจริงจำไว้ หนูไม่ยอมพี่แน่ๆ"
