สาวรุมแฉคลินิกสกปรก เผยภาพทำนมสยองหนองเยิ้ม ทำสัญญา แฉสื่อเจอฟ้องกลับ (คลิป)

19 ธ.ค. 60
หลังจากที่ ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี นำเสนอเรื่องราวของ คุณบัว (นามสมมติ) วัย 27 ปี สาวผู้เสียหายที่ชีวิตพัง เพราะหน้าอกเน่า หลังไปเพิ่มขนาดหน้าอกให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และตัดสินใจผ่าตัดเสริมหน้าอกที่คลินิกดังแห่งหนึ่ง ย่านอาร์ซีเอ หลังจากทำศัลยกรรมที่คลินิกแห่งนี้ หน้าอกอักเสบติดเชื้อ ประกอบกับคุณหมอได้ทำการแก้ปัญหาด้วยการเย็บแผลให้มากกว่า 4 ครั้ง ยอมรับว่า เจ็บปวดและทรมาน จนต้องนำซิลิโคนอันเก่าออก แล้วใส่ซิลิโคนอันใหม่เข้าไปแทน แต่ก็ยังไม่เหมือนเดิม ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
คุณแนล (นามสมมติ) ผู้เสียหายที่ทำศัลยกรรม
ล่าสุด วันนี้ (18 ธ.ค.) ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางมาพูดคุยกับ คุณแนล (นามสมมติ) อายุ 25 ปี ผู้เสียหายที่ทำศัลยกรรมที่คลินิกดังกล่าว ย่านแจ้งวัฒนะ แล้วเกิดปัญหา หมอที่ทำศัลยกรรมให้ก็คือ หมอนัย (นามสมมติ)  ผู้ที่เป็นคนทำศัลยกรรมให้กับ คุณบัว อีกด้วย เธอเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยทำจมูกมาแล้วเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา จึงได้หาข้อมูลในการแก้จมูก เพราะอยากให้ทรงจมูกเล็กลง ด้วยเทคนิค Open ช่วงเดือนตุลาคม ปี 2559 ที่ผ่านมา ตนได้ทักไปคุยสอบถาม เรื่องราคาการทำจมูก กับแอดมินเพจเฟซบุ๊กคลินิกดังกล่าว ทางคลินิกมีโปรโมชั่นจากราคา 45,000 บาท เหลือเพียง 35,000 บาท ตอนนั้นสนใจจึงจองคิวกับ หมอนัย ได้คิวช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2559
ซิลิโคนที่มีการใส่เข้าไปภายในจมูก
หลังจากนั้น พอใกล้ถึงวันจะทำศัลยกรรม ได้เข้าไปปรึกษาแพทย์ ประกอบคิวคุณหมอว่างพอดี จึงได้ทำการแก้จมูก ในช่วงเวลา 22.00 น. เมื่อตนเดินขึ้นไปห้องผ่าตัดเพื่อล้างหน้า ตนเห็นว่า ห้องผ่าตัดไม่ค่อยสะอาด แต่ก็คิดที่จะศัลยกรรมต่อ ทางพยาบาลได้มาฉีดยาสลบจนหลับไปนาน 4 ชั่วโมง พอตื่นมาพอใจกับรูปทรงจมูก เมื่อผ่าตัดเสร็จไปเป็นระยะเวลา 3-4 วัน คุณแนล บอกว่า จมูกเริ่มมีน้ำหนองปนกับเลือดออกมา ตอนนั้นได้ส่งรูปให้แอดมินเพจดูเป็นประจำ จนผ่านไปประมาณ 3 เดือน จมูกตนกลับใหญ่และบวมขึ้น ประกอบกับมีน้ำหนองไหลมากกว่าเดิมในทุกเช้า เมื่อไปปรึกษาหมอที่คลินิก ทางหมอและแฟนหมอที่เป็นเจ้าของคลินิก พยายามปัดความรับผิดชอบ แฟนหมอบอกว่า เป็นเพราะตนไปดื่มเหล้า เพราะทางแฟนหมอมีตนเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊ก จึงเห็นว่าตนเช็คอินในร้านเหล้าบ่อย
ภาพภายหลังจากที่มีการศัลยกรรมจมูก
คุณแนล ยอมรับว่า ตนเข้าร้านเหล้าบ่อยจริง เพราะรับงานในร้านเหล้าเป็นประจำ แต่ช่วงที่แก้จมูก ตนแทบจะไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ แต่ช่วงหลังมีดื่มบ้างซึ่งน้อยมาก และไม่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้จมูกเละได้ ตอนนั้นทางคลินิกก็ให้ดูอาการไปก่อน เมื่อผ่านไปได้ 6 เดือน ตนตัดสินใจได้เดินทางเข้าไปที่คลินิกดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง เพราะจมูกเริ่มบวมและมีอาการเจ็บ เมื่อตนจับดั้งจมูก จะบุ๋มและแหว่ง เมื่อก่อนตนเป็นคนชอบถ่ายรูปมาก ก็กลายเป็นคนไม่ถ่ายรูปอีก ขณะเดียวกัน คุณหมอ ได้บอกให้ตนจ่ายเงินเพิ่มอีก 9,000 บาท เพราะเป็นค่าเครื่องมือแพทย์ และค่าห้องผ่าตัด ตนรู้สึกว่าเหมือนโดนเอาเปรียบ ไม่เป็นธรรม เพราะเสียเงินไปแล้ว 35,000 บาท แต่กลับได้จมูกเละมา แล้วจะต้องมาเสียเงินอีก เป็นสิ่งที่ไม่ใช่เรื่อง ประกอบกับ ตนกลัวว่าถ้าจ่ายเงินแล้ว จะไม่ได้จมูกอย่างที่ตนต้องการ และคิดเพียงว่าไม่คุ้มค่าอย่างแน่นอน จึงตัดสินใจไปหาคลินิกใหม่ เพื่อแก้จมูก คลินิกใหม่ที่ คุณแนล ตัดสินใจไปทำ ทางคุณหมอก็บอกว่า "จมูกทั้ง 2 ข้างทะลุ เนื้อข้างในจมูกเริ่มเปื่อยหมด แผลที่เย็บชุ่ยมาก" ตอนนั้นตนรู้สึกทรมาน และเสียดายเงินที่ไปทำคลินิกดังกล่าว ตั้งแต่แรก ส่วนเรื่องสัญญาตอนนั้นตนจำได้ว่าทางคลินิกเอามาให้เซ็น แต่จำไม่ได้ว่าเนื้อหาเงื่อนไขเป็นอย่างไร คุณแนล บอกว่า ตนไม่ได้รู้สึกกลัวคลินิกดังกล่าว แต่อยากฝากให้คนที่อยากทำศัลยกรรมต้องศึกษาข้อมูลให้ดี และอย่าไปเชื่อการรีวิวการศัลยกรรม เนื่องจากอยากให้เชื่อในสิ่งที่ตาเห็น ครั้งนี้ถือเป็นครั้งสุดท้ายที่จะทำศัลยกรรม สุดท้ายนี้ ตนอยากให้ทางคลินิกหรือหมอ ออกมารับผิดชอบกับผู้เสียหายอีกหลายๆคน เพราะตนเชื่อว่า มีอีกเยอะที่เจอกรณีเดียวกับตน และโดนปัดความรับผิดชอบ
ผู้สื่อข่าวพูดคุยกับ น.ส.กุ้ง ตัวแทนผู้เสียหายจากคลินิกแห่งดังกล่าว
นอกจากนี้ ทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.กุ้ง ตัวแทนผู้เสียหายจากคลินิกแห่งดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนดูแลผู้เสียหายจากการทำศัลยกรรมที่คลินิกแห่งนี้หลายราย มีผู้เสียหายทั้งจากการเสริมหน้าอก ผ่าตัดกระพุ้งแก้ม เสริมจมูก และเสริมคาง ในส่วนของผู้เสียหายจากการทำหน้าอกมีอยู่ประมาณ 30 ราย เป็นผู้เสียหายจากการผ่าตัดโดยหมอท่านหนึ่ง ที่ดูแลคลินิกย่านอาร์ซีเอ และย่านแจ้งวัฒนะ จากการที่ น.ส.กุ้ง เก็บรวบรวมข้อมูล พบว่า หมอรายนี้ มีชื่อเป็นหมอพาร์ทไทม์อยู่อีกสองที่ ส่วนสาขาหลักอยู่ที่ย่านอาร์ซีเอ และย่านแจ้งวัฒนะ โดยจะเข้าทำงานบางช่วงเวลาเท่านั้น ผู้ที่เป็นคนทำหัตถการในส่วนของการฉีดฟิลเลอร์และโบท็อกซ์ให้คนไข้ในคลินิกนี้ไม่ใช่หมอ และพยาบาล แต่สำหรับการผ่าตัดใหญ่ อย่างเช่น การทำหน้าอก หมอที่ทำหัตถการให้คนไข้ พบว่าเป็นแพทย์ทั่วไป และยังไม่ใช่แพทย์ศัลยกรรมเฉพาะทาง ส่งผลให้ผู้เสียหายหลายรายมาร้องเรียนกับตนว่า แพทย์รายนี้ทำให้ต้องผ่าตัดนำซิลิโคนเข้าและออกอยู่หลายรอบ ทางคลินิก บอกว่าจะรับผิดชอบโดยการให้ฉีดยาเข้าเส้นเพื่อบรรเทาอาการปวด แต่มีหลายรายขอนำซิลิโคนออกเอง หรือแม้กระทั่งบางรายถึงขั้นต้องนอนแอดมิดที่โรงพยาบาลอื่นเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว
สภาพคลินิกที่มีข้าวของกระจัดกระจาย
น.ส.กุ้ง บอกว่า ทุกครั้งที่คนไข้เข้ามารับการรักษา ทางคลินิกจะให้เซ็นสัญญาว่าจะไม่นำเรื่องไปเผยแพร่ลงบนสื่อออนไลน์ และห้ามบอกคนใกล้ชิด หรือเผยแพร่ข้อความที่ส่งผลให้ทางคลินิกเสียชื่อเสียง หากไม่เป็นไปตามสัญญาจะต้องเสียค่าปรับให้ทางคลินิกจำนวนหลายแสนบาท ส่งผลให้ผู้เสียหายไม่กล้าเข้าแจ้งความ เนื่องจากไม่ทราบข้อกฎหมาย บางรายประสบปัญหาด้านการเงิน ทำให้ไม่กล้าไปดำเนินคดี อีกทั้งทางคลินิกเคยบอกกับคนไข้ว่า " ไม่มีใครทำอะไรทางคลินิกได้ เพราะเส้นใหญ่ มีแบ็คดี หากใครจะฟ้องร้องก็ให้กลับไปอ่านสัญญา" ผู้เสียหายที่มาร้องเรียนกับตน บอกอีกว่า สถานพยาบาลแห่งนี้ค่อนข้างสกปรก ก่อนหน้านี้ประมาณ 2 เดือน ทางคลินิกได้ปรับปรุงสถานพยาบาล ทำให้มีฝุ่นเต็มห้องพยาบาล และมีผู้รับเหมาเข้าไปทำการปรับปรุงอาคาร ในขณะที่ทางคลินิกรับคนไข้ผ่าตัด อีกทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ได้วางอยู่กับพื้น อุปกรณ์บางอย่างมีสนิมขึ้น
เอกสารสัญญาที่ทางคลินิกให้ทางคนไข้เซ็น
ส่วนเรื่องที่พนักงานของคลินิกทานอาหารในห้องผ่าตัด น.ส.กุ้ง ระบุว่า นอกจากทานข้าวผัดกระเพรา ยังมีการทานส้มตำที่หน้าห้อง และในห้องผ่าตัด บางครั้งผู้ช่วยพยาบาลทานอาหารเสร็จ ไม่ได้ล้างมือ แล้วไปทำการรักษาคนไข้ต่อก็มี ซึ่งตนอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ เข้าไปตรวจสถานพยาบาล ว่าคลินิกเปิดถูกต้องหรือไม่ รวมถึงหมอที่ทำการรักษามีความเชี่ยวชาญเพียงใด และทำธุรกิจตรงไปตรงมากับผู้บริโภคอย่างไรบ้าง นอกจากนี้ พบว่าทางคลินิกมีการนำเน็ตไอดอล หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงในสื่อออนไลน์ มาช่วยทำการโปรโมทคลินิก ทางคลินิกยังมีการเปิดแฟนเพจเพื่อรีวิวผลงานของตัวเอง ทำให้คลินิกดูมีความน่าเชื่อถือ และราคาการเสริมหน้าอกของคลินิกก็ไม่สูงมากนัก เริ่มต้นที่ 40,000 ถึงหลักแสน ทำให้มีคนหลงเชื่อและเข้าไปใช้บริการค่อนข้างเยอะ โดยที่คลินิกดังกล่าวมีการเปียแชร์ลงเงินเพื่อทำศัลยกรรม น.ส.กุ้ง ได้ฝากบอกถึงผู้เสียหายว่า หากใครที่เคยใช้บริการกับคลินิกแห่งนี้ ตนอยากให้ไปแจ้งความ และร้องเรียนไปยังแพทย์สภา หรือคุ้มครองผู้บริโภค หากกลัวว่าจะโดนฟ้องกลับ ก็ให้เดินทางไปหาสภาทนายความที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ หรือร้องเรียนมายังสื่อมวลชน เพื่อรวบรวมผู้เสียหายในการดำเนินการทางกฎหมายกับคลินิกนี้ต่อไป  

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ